หลานเกือบถีบตา!!โมโหกวนตอนเล่นเกมส์ ปัญหาเด็กส์เกมส์แก้ได้
เด็กติดเกมส์คือการเอาตัวตนลงไปในเกมส์จนทำให้มีพฤติกรรมเปลี่ยนในการสื่อสารกับคนรอบข้าง..เช่นหงุดหงิดง่าย วาจาก้าวร้าวเป็นต้น
มีคุณแม่รายหนึ่งกลุ้มใจลูกชาย ที่ฝากตายายดูแล
เกริ่นก่อนว่า พ่อแม่แยกทางกัน น้องอยู่ทางฝั่งแม่มาตั้งแต่เด็กๆ น้องออกไปอยู่หอพักตั้งแต่จบป.6 ช่วงนี้โรงเรียนปิดเลยมาอยู่บ้านกับตายาย
#ขอคำแนะนำ สวัสดีค่ะทุกๆคน วันนี้มีปัญหาอยากมาขอคำแนะนำจากทุกคนเกี่ยวกับความก้าวร้าวของลูก
ลูกชายอายุ15ปีบริบูรณ์ เป็นเด็กที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง และเรียบร้อย
มีความรับผิดชอบสูง ถือว่าเป็นเด็กดีคนนึง
ช่วงนี้เด็กเรียนออนไลน์ที่บ้าน อยู่กับตากับยาย แม่มาทำงานต่่างจังหวัด
แต่ก็ติดต่อกันสนิทกันพอสมควร
เรื่องของเรื่องเมื่อวานตอนค่ำ
น้องน่าจะนอนเล่นมือถืออยู่ แล้วตาเข้าไปแหย่เล่น เอาเข่าชนเข่า
แล้วแซวว่าเล่นแต่มือถือ
น้องมีปฏิกริยาทันทีโดยการยกเท้าสะบัดเกือบจะโดนปลายคางของตา แล้วก็ทำหน้าโกรธ
ตาเห็นแบบนั้นตาก็เดินหนีแล้วมาเล่าให้ยายฟัง ตาก็โกรธหลานเหมือนกันว่าทำไมแค่แหย่แบบนี้ต้องก้าวร้าวขนาดนี้
สักพักยายเดินไปถาม เกิดอะไรขึ้นทำไมน้องทำกิริยาก้าวร้าวแบบนี้กับตา
น้องก็บอกว่าตามากวนทำไมรำคาญ ดีไม่เอาเท้าโดนหน้าเข้าให้
แล้วก็มองหน้ายายแบบเอาเรื่องมองแบบจ้องตาไม่กะพริบเลย
ยายก็สอนไปนิดนึงแล้วก็เดินหนี
ยายก็ตกใจทั้งๆที่น้องไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ไม่เคยทำให้ตากับยายทุกข์ใจเลย
มาวันนี้น้องทำแบบนี้ตากับยายก็เสียใจ โทรมาบอกเราซึ่งเป็นแม่ เราก็ตกใจ
กำลังจะหาเวลาดีๆสอบถามและสอนเค้า อยากถามทุกๆคนว่า เราจะมีวิธีคุยกับลูกยังไงดี ให้เค้าเปิดใจรับฟังคำสอนของเราบ้าง...
ให้เค้ารู้สึกสำนึกในสิ่งที่เค้าทำลงไป ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะคุณแม่พิมพ์ไม่หมดนะคะ อยากขอคำแนะนำแค่นี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ
เด็กติดเกมหรือไม่นั้น สามารถตรวจสอบได้จาก 3 ข้อ ได้แก่
- เด็กเล่นเกมหลายชั่วโมงติดต่อกัน
- สูญเสียการควบคุมตนเอง ไม่ทำการบ้าน ไม่ไปโรงเรียน
- สูญเสียการควบคุมชีวิตตัวเอง เช่น ไม่กินข้าว อดหลับอดนอน
หากเด็กเริ่มมีพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบตามมาให้ได้เห็นเป็นรูปธรรมผ่านการกระทำของเด็ก คือ เด็กเริ่มใช้ความรุนแรง ก้าวร้าว เด็กเริ่มพูดโกหก และสุดท้ายเด็กเริ่มขโมยเงิน เพื่อนำไปใช้ซื้อของในเกมหรือนำไปเล่นเกม
สัญญาณที่เป็นตัวบอกว่า อาจจะติดเกมแล้ว ได้แก่
- หมกมุ่นกับการเล่นเกมมาก เวลาว่างส่วนใหญ่หมดไปกับเกม ไม่สนใจหรือเลิกทำกิจกรรมที่เคยชอบอื่นๆ
- ควบคุมตัวเองให้เล่นในเวลาที่กำหนดไม่ได้ ใช้เวลาในการเล่นเกมนานติดต่อกันหลายๆชั่วโมง หรือเล่นนานขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน เพิ่มเป็นหลายๆ ชั่วโมงต่อวัน
- ถ้าถูกบังคับให้เลิกเล่น จะต่อต้าน หงุดหงิด ไม่พอใจอย่างรุนแรง บางคนถึงขั้นก้าวร้าวเวลาไม่ได้เล่นเกม
- เล่นเกมจนมีผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น อดนอน รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา มีการละเลยหน้าที่ความรับผิดชอบหรือกิจวัตรประจำวัน เช่น ไม่สนใจการเรียน หนีเรียนหรือแอบหนีออกจากบ้านเพื่อไปเล่นเกม การเรียนตก ไม่เข้าสังคม เสียสัมพันธภาพกับคนรอบข้าง ฯลฯ
- มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น ดื้อ ต่อต้าน แยกตัว เก็บตัว พูดจาหยาบคาย โกหก ลักขโมย (เพื่อนำเงินไปเล่นเกม) ฯลฯ
เด็กติดเกมส์เพราะขาดการปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวปล่อยเด็กต้องหาจุดที่มีตัวตน คือเกมส์
การแก้ปัญหาเด็กติดเกมให้ดีขึ้น ไม่ใช่ความรับผิดชอบของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องเปลี่ยนและปรับกันทั้งคู่ ทั้งเด็กและพ่อแม่ รวมถึงคนรอบข้างที่บ้านและที่โรงเรียน ปัญหาต่างๆ น่าจะเริ่มต้นแก้ไขด้วย ‘ความเข้าใจร่วมกัน' ซึ่งจริงๆ แล้ว มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตคนเราที่อยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะในการที่พ่อแม่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาการติดเกมของลูกๆ
สิ่งที่ผู้ปกครองทำได้ช่วยลูก
3 ต้อง
- ต้องควบคุมเวลาให้เล่นเกมอย่างเหมาะสม
เด็กประถมศึกษา ควรเล่นวันละ 1 ชั่วโมง
เด็กมัธยมศึกษา ควรเล่นวันละ 1 ชั่วโมง
ส่วนเด็กเล็กพ่อแม่ไม่ควรให้เล่น - ต้องเลือกเกมที่ไม่มีความรุนแรง และส่งเสริมให้มีการพัฒนาทักษะทางความคิด
- ต้องเล่นด้วย พ่อแม่และผู้ปกครองควรแบ่งเวลาเล่นเกมกับลูก เพื่อให้ทราบว่าลูกกำลังเล่นเกมอะไรอยู่
3 ไม่
- ไม่เล่นในห้องนอน เพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัว อาจกระทบกับการใช้ชีวิตและอดหลับอดนอน
- ไม่เล่นตอนทำกิจกรรมในครอบครัว เช่น เล่นตอนรับประทานอาหารร่วมกัน
- ไม่เป็นแบบอย่าง พ่อแม่และผู้ปกครองไม่ควรเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี เช่น การเล่นเฟซบุ๊ก หรือเล่นอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์ตลอดเวลา
ทั้งนี้ หากพบว่าเด็กมีอาการติดเกมควรเร่งให้เด็กเข้ารับการปรึกษา โดยปัจจุบันโรงพยาบาลจังหวัดทั่วประเทศมีการให้บริการจิตแพทย์เด็กและเยาวชน รวมถึงหน่วยงานของกรมสุขภาพจิต หรือสามารถโทรปรึกษา สายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323 และเว็บไซต์กรมสุขภาพจิต
ขอบคุณข้อมูลภาพ