เรื่องน่ารู้ของเครื่องดื่มมอลต์
เรื่องน่ารู้ของเครื่องดื่มมอลต์
มอลต์เป็นเครื่องดื่มทำมาจากข้าวบาร์เลย์ที่ไม่ผ่านการขัดสี อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เครื่องดื่มมอลต์ถูกพัฒนาคิดค้นขึ้นมาเมื่อร้อยกว่าปีในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อต้องการให้เป็นแหล่งคุณค่าทางโภชนาการสำหรับทารกและเด็ก เนื่องจากคุณค่าทางโภชนาการในมอลต์มีอยู่อย่างครบถ้วนด้วยสารอาหารทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน รวมไปถึงวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนั้นยังย่อยและดูดซึมไปใช้ได้ง่าย
สารอาหารที่ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมองได้แก่
- น้ำมันปลา (Fish Oil) พบว่าในน้ำมันปลามี DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมอง มีส่วนในการพัฒนาสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตั้งแต่แรกเกิดที่ต้องการ DHA ในปริมาณมากและเพียงพอ เพื่อใช้ในการพัฒนาสมองได้อย่างเต็มที่ในวัยผู้ใหญ่ (อ้างอิงที่ 1) DHA ยังมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาท ทำให้มีการถ่ายทอดสัญญาณและส่งผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองได้ดี จึงช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และการจดจำ(อ้างอิง 2) นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยรายงานว่า DHA ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคความจำเสื่อม ( Alzheimer’s disease ) ได้อีกด้วย (อ้างอิงที่ 3)
- โคลีน ( Choline ) โคลีนเป็นสารตั้งต้นหลักในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทที่มีชื่อว่า อะเซททิลโคลีน ( Acetylcholine ) ซึ่ง Acetylcholine นี้เป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความจำ การควบคุมกล้ามเนื้อ และหน้าที่อื่นๆอีกหลายอย่าง (อ้างอิงที่ 4) ดังนั้นโคลีนจึงมีผลต่อขบวนการส่งกระแสประสาทที่เกี่ยวข้องกับความจำและการ รับรู้ เรียกได้ว่ามีบทบาทในพัฒนาการด้านการเรียนรู้ โดยเฉพาะระบบความจำ ( อ้างอิงที่ 5 ) รวมถึงมีการศึกษาในการใช้เพื่อป้องกันและรักษาโรคความจำเสื่อม (Alzheimer’s disease ) ด้วย (อ้างอิงที่ 6) โดยมีการศึกษาในผู้ป่วยสมองเสื่อมประเภท Alzheimer ระยะเริ่มต้นในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีช่วงอายุ 55-57 ปี พบว่าการรับประทานโคลีน ไบทาร์เทรต 12 กรัมต่อวัน สามารถช่วยทำให้ความสามารถในการจำบางด้าน เช่น การจำในสิ่งที่เคยฟังมาแล้ว และตัวหนังสือที่อ่านมาแล้วได้ (auditory and visual word recognition)ในกลุ่มผู้ป่วย Alzheimer ระยะเริ่มต้น ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน ( อ้างอิงที่ 7 )
- วิตามินบี 6 ( Vitamin B6 ) หรือ ไพริดอกซีน ไฮโดรคลอไรด์(Pyridoxine Hydrochloride ) มีส่วนช่วยสร้างสารที่จำเป็นในการทำงานของระบบประสาท (อ้างอิงที่ 8)
- วิตามินบี 12 (Vitamin B12) มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง (อ้างอิงที่ 8)
สารอาหารที่ช่วยช่วยบำรุงจอตา ได้แก่
- ลูทีน ( Lutein ) ช่วยปกป้องสายตาจาก Blue Light โดยทำหน้าที่ช่วยกรองและดูดซับแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อจอประสาทตา ( อ้างอิงที่ 9,10 ) เป็นแสงที่หลีกเลี่ยงได้ยากเพราะมีอยู่ทั่วไปรอบๆ ตัวเรา ทั้งแสงจากดวงอาทิตย์ แสงจากโทรทัศน์ แสงจากจอคอมพิวเตอร์ แสงจากหลอดไฟ เป็นต้น นอกจากนี้ ลูทีนยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในดวงตาของคนเราอีกด้วย เพราะดวงตาของเราจะมีสารอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นตัวทำลายเซลล์รับภาพและทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับจอประสาทตาทั้งใน เด็กและผู้ใหญ่ได้อย่างไรก็ตาม สารอาหารลูทีนนี้ ร่างกายของคนเราไม่สามารถสังเคราะห์สารลูทีนขึ้นมาใช้เองได้ จะต้องรับประทานเข้าไปเท่านั้น ดังนั้น การปกป้องดวงตาและเอาใจใส่เรื่องการรับประทานอาหาร จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูแลควบคู่กั
นไป (อ้างอิงที่ 11)
อ้างอิงจาก: เอกสารอ้างอิง
A Diet Enriched with the Omega-3 Fatty Acid Docosahexaenoic Acid Reduces Amyloid Burden in an Aged Alzheimer Mouse Model. The Journal of Neuroscience, March 23,2005;25(12):3032-3040
ทางเลือกในการพัฒนาสมองด้วยสาร DHA โดย สิงหะเนติ, สรวงสุดา 2541 สาร DHA ทางเลือกในการพัฒนาสมอง วิทยาศาสตร์และโทคโนโลยี 13(2)พค.-สค. (ออนไลน์) http://www.school.net.th/library/snet4/anatomy/dha.htm
Beneficial effects of docosahexaenoic acid on cognition in age- related cognitive decline. Alzheimer’s & Dementia: The journal of the Alzheimer’s association, November 2010, Volume 6, Issue 6, Pages 456-464.
The National Academies Press, Dietary Reference Intakes for Thiamin, Riboflavin, Niacin, Vitamin B6, Folate, Vitamin B 12, Pantothenic acid, Biotin and Choline. 12 Choline , pages 390-422. (Online)http://darwin.nap.edu/nap-cgi/skimit.cgi?recid=6015&chap=390-422
Verbal and visual memory improve after choline supplementation in long-term total parenteral