สื่อจีนชี้ “เจ้า เวย” กับ 5 กระทงความผิดใหญ่ ของซุปตาร์เศรษฐีนี
"เจ้า เวย" นางเอกดังจากผลงานสุดฮิต "องค์หญิงกำมะลอ" (My Fair Princess) สู่เศรษฐีนีพันล้านวัย 45 ปี ที่ตอนนี้โดนจีนลงดาบโดยการคว่ำบาตร ณ เวลานี้
โดยชื่อถูกลบออกจากผลงานภาพยนตร์ ทั้งเครดิตผู้กำกับการแสดงหรือผู้อำนวยการสร้างฯ จากกลุ่มบริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจีนรายหลักๆ เช่น เทนเซนท์ (Tencent Video) อ้ายฉีอี้ (iQiyi) และโหยวคู่ (Youku) ต่างลบล้างซีรีส์ทีวีและภาพยนตร์ที่มี เจ้า เวย ร่วมแสดงฯ กันในทันควัน รวมทั้งผลงานการแสดงคลาสสิคยอดฮิตตลอดกาล เรื่อง “องค์หญิงกำมะลอ”
ซึ่งกลุ่มสื่อจีนอ้างอิงข้อมูลจากวงในระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้ซุ่มกรุยทางที่จะจัดการกับเธอมานานแล้ว เพราะหลังจากที่ลงดาบขับเธอ ออกจากโลกออนไลน์จีน เพื่อนๆในวงการหรือเพื่อนสนิทอย่าง "หวงเสี่ยวหมิง" ก็ลบโพสต์ที่เคยคุยกับภาพถ่ายร่วมกับเจ้า เวย ออกในทันที ซึ่งเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ชาวเน็ตจีนจึงขุดคุ้ยเจาะลึกข้อมูลวงในและได้รวบรวม "5 กระทงความผิดใหญ่" ของเจ้า เวย ซึ่งแต่ละกระทงหนักหนาพอดูที่จะผลักเธอให้ตกต่ำดั่งสำนวนจีนที่ว่า...
"หนูข้ามถนน" หมายถึง หนูสกปรกโสโครกบนถนนที่ใครมาพบเห็นเข้าก็ร้องยี้ด้วยความรังเกียจ ไล่ตีให้ตายหรือไม่ก็กระโดดหนี
งั้นมาดู 5 กระทงความผิดมีอะไรบ้าง ?
1. คือ "ลบหลู่จีน" เกิดช่วงหลังจากที่เจ้า เวย ในวัยยี่สิบปีต้นๆเป็นดาราดังจากเรื่อง "เจ้าหญิงกำมะลอ" ในปี 2001 ได้รับเชิญจากนิตยสารแฟชั่นจีนให้ไปถ่ายแบบชุดแฟชั่นขึ้นปกนิตยสารในแมนฮัตตัน สหรัฐฯ โดยหนึ่งในชุดที่สวมถ่ายแบบในครั้งนั้นคือ "ชุดเดรสพิมพ์ลาย ธงอาทิตย์อุทัย" ของกองทัพญี่ปุ่น ที่เผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้ลูกหลานเหยื่อชาวจีนผู้เสียชีวิตในสงครามญี่ปุ่นต่างโกรธและไม่พอใจเธอนั่นเอง
เพราะถือเป็นพฤติกรรมส่งเสริมสิ่งหรือสัญลักษณ์ที่จีนเรียกว่า "จิตวิญญาณญี่ปุ่น" เป็นเรื่องที่รุนแรงที่อภัยกันไม่ได้ เป็นศัพท์บัญญัติทางการเมืองและสังคมของจีนที่มีความหมาย "เหยีดหยามต่ำช้ามาก ถือเป็นการยกย่องลัทธิทหารญี่ปุ่นที่ก่อสงครามอย่างโหดเหี้ยม เช่น สงครามนานกิงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นำความเกลียดชังและ "ลบหลู่จีน" นั่นเอง
2. โดนกล่าวหาสั่งให้คนขับรถของเธอไปทำร้ายร่างกาย "โจวเสวี่ย" ขณะที่โจวเสวี่ยกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเธอคือบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นที่ไปเชิญเจ้า เวย มาถ่ายแบบแฟชั่นที่สวมชุดเดรส "ธงอาทิตย์อุทัย" นั่นเอง ซึ่งขณะนั้นโจวอยู่ในงานสังสรรค์ที่บาร์แห่งหนึ่งย่านซันหลี่กลางกรุงปักกิ่งและเกิดเหตุทะเลาะกัน ต่อมานางโจวเสวี่ยก็ฟ้อง เจ้า เวย ในข้อหาทำร้ายร่างกาย
3. ท้าทายล้ำเส้นสำคัญของประชาชาติจีนในการถ่ายทำภาพยนตร์ โดยเลือกนักแสดงนำที่เป็น "กลุ่มลบหลู่จีน" เพราะจากเรื่อง "So Young" ที่เธอเป็นผู้กำกับการแสดง ที่ประสบความสำเร็จทำรายได้ พอในปี 2014 เธอก็ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ชื่อ "No Other Love" โดยเธอเลือกนักแสดงชาวไต้หวันคือ "ไต้ลี่เหริ่น" หรือ ไลออน ไต้ ซึ่งถูกระบุว่าเป็น "กลุ่มเคลื่อนไหวอิสรภาพไต้หวัน" แต่สุดท้ายเธอก็ทนแรงกดดันไม่ไหวก็ต้องเปลี่ยนนักแสดงนำชายไป ส่วนนักแสดงนำหญิงคือ "คิโกะ มิซูฮาระ" ทำให้ชาวจีนโจมตีว่าคิโกะมีเลือดอเมริกัน-ญี่ปุ่น มีพฤติกรรมลบหลู่จีน จากที่คิโกะโพตส์ข้อความหลายครั้ง แถมเธอยังไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิและถ่ายรูปหน้า "ธงอาทิตย์อุทัย" อีก แต่คิโกะก็ออกมาบอกว่านั่นไม่ใช่เธอ
4. เจ้า เวย รับจางเจ๋อฮั่นเข้าทำงานในบริษัทของตน เพราะก่อนที่จางเจ๋อฮั่นจะเข้ามาทำงานในบริษัทของเจ้า เวย ก็มีพฤติกรรมส่งเสริม "จิตวิญญาณญี่ปุ่น" แล้ว มีการระดมปล่อยภาพถ่ายของจางเมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นภาพจางเข้าร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่จัดขึ้นที่ "ศาลเจ้าโนกิ" และภาพจางถ่ายภาพกับ ศาลเจ้ายาสุคุนิ ซึ่งศาลเจ้าทั้งสองแห่งนี้เป็นที่เก็บป้ายวิญญาณของทหารญี่ปุ่นซึ่งมีกลุ่มนายทหารใหญ่ที่นำทัพรุกรานจีนรวมอยู่ด้วย
5. เรื่องธุรกิจการสร้างความมั่งคั่ง และอื้อฉาวในตลาดหุ้น โดยสื่อจีนถือว่าเป็นความผิดที่หนักหนาที่สุด เพราะเกี่ยวพันไปถึงเครือธุรกิจของอาลีบาบา ที่เธอและสามีนักธุรกิจสิงคโปร์คือ "หวงโหย่วหลง" โดดลงไปทำธุรกิจที่เกิดเรื่องอื้อฉาวละเมิดกฎกระเบียบเพื่อกอบโดยกำไรจากหุ้นของประชาชน ทั้งทำลายระเบียบในตลาดหุ้น เพราะเบื้องหลังความสำเร็จของเจ้า เวย ไม่เพียงแต่มีแค่สามีคอยสนับสนุน แต่ยังมีเจ็ค หม่า เป็นดั่งต้นไม้ใหญ่ให้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ในปี 2014 แจ็ค หม่าเชิญ เจ้า เวย มาร่วมลงทุนบริษัท Alibaba Pictures และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่สอง






