“งามไส้” ตำรวจอีกแล้ว ใช้รถหลวงขนผู้ต้องขัง นำบุหรี่เถื่อนเข้าไทย

แหม..ช่วงนี้ข่าวตำรวจไม่ดีๆนี่ดังเนอะ..อย่างเช่นข่าวนี้

จเรตำรวจแห่งชาติ สั่งไล่ออกดาบตำรวจ ตม.สระแก้ว เพราะใช้รถหลวงขนบุหรี่เถื่อน 600 ซองอำพรางการถูกจับ ถูกเปรียบเทียบปรับ 336,000 บาท

ซึ่งเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2564 เจ้าหน้าที่สรรพสามิตได้จับกุม ด.ต.นายหนึ่ง คือ ด.ต.วินัย สายทอง ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ตม. จว. สระแก้ว สังกัด สตม. สังกัดตำรวจหน่วยงานประจำชายแดนไทย-กัมพูชา ขับรถกรงขังนำต่างด้าวข้ามไปส่งฝั่งกัมพูชา ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้ลักลอบขนสินค้าหนีภาษีได้ และถูกสรรพสามิตจับกุมดำเนินคดี

ซึ่งภายหลังได้รับการยืนยันจากหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ว่าได้จับกุมตำรวจสังกัดดังกลาวจริง โดยใช้รถหลวงซึ่งเป็นรถห้องขังขนบุหรี่เถื่อนใส่มาในรถจริง โดยเจ้าหน้าที่สรรพสามิตได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด ซึ่งพบมีการกระทำมาหลายครั้ง และมีการรายงานชื่อ-นามสกุลและสังกัดไปยังหน่วยงานต่างๆ ด้วย พร้อมทั้งมีการตักเตือนจากผู้บังคับบัญชา แต่ก็ยังคงปฏิบัติอยู่

ซึ่งภายหลังถูกจับกุมได้มีการอ้างว่าเป็นของผู้บังคับบัญชาด้วย สำหรับรถของราชการที่ใช้ในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวมีอยู่ 2 คัน ซึ่งเข้าไปฝั่งกัมพูชาเกือบทุกวันด้วย

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 64 พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ได้สั่งการให้ พล.ต.ต. รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3 เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที ในวันที่ 4 ก.ย.วันเดียวกับที่ปรากฏข่าว และกำชับให้ดำเนินการทางวินัยอย่างเฉียบขาด หากพบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง

ซึ่งต่อมาในวันเดียวกันได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ว่า ผู้กระทำผิดคือ ด.ต.วินัย สายทอง ผบ.หมู่ ตม.จว.สระแก้ว กระทำผิดจริงตามข่าว โดย ด.ต.วินัย ถูกจนท.สรรพสามิต พื้นที่สระแก้ว สาขาอรัญประเทศ จับกุมดำเนินคดี ข้อหามีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษี และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก จว.สระแก้ว และถูกเปรียบเทียบปรับ 336,000 บาท

ซึ่งพบว่า ด.ต.วินัย สายทอง จะอาศัยโอกาสหลังจากขับรถยนต์ควบคุมผู้ต้องกักของทางราชการ โดยจะใช้ขนผู้ต้องขังต่างด้าวเพื่อนำกลับไปส่งที่ฝั่งกัมพูชา ทางด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากนั้นขากลับก็จะลักลอบขนบุหรี่ต่างประเทศหนีภาษีเข้ามาจำนวน 600 ซอง โดยหวังจะใช้รถของทางราชการตบตาเพื่ออำพรางการถูกตรวจสอบจับกุม

ดังนั้นทาง บก.ตม.3 จึงมีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยทันที เพราะถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรงฐาน “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตต่อหน้าที่ โดยกระทำความผิดทางอาญา" และมีคำสั่งให้ ด.ต.วินัย สายทอง “ออกจากราชการไว้ก่อนฯ”

โดย พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวต่อว่าการดำเนินการดังกล่าว ดำเนินการตรวจสอบ สั่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย และไล่ออกทันทีภายในวันเดียว เพื่อให้ปรากฏเป็นเยี่ยงอย่างแก่ข้าราชการตำรวจรายอื่นว่า...

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีนโยบายช่วยเหลือ หรือผ่อนปรนให้กับข้าราชการตำรวจที่ปรากฏความผิดอย่างชัดเจน โดยต้องมีการดำเนินการอย่างเฉียบขาดเพื่อตอบคำถามสังคมอย่างรวดเร็ว

ตามดำริของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่เคยกล่าวว่า..“นิ้วไหนเป็นเนื้อร้ายก็ต้องตัดทิ้ง และต้องตัดทิ้งอย่างรวดเร็ว” เพื่อไม่ให้ลุกลามเสียหายไปทั้งองค์กร