ส.ส.เพื่อไทย ทวงหาหลักฐานพิสูจน์ซื้อวัคซีนไม่มีเงินทอน
ส.ส.เพื่อไทย ทวงหาหลักฐานพิสูจน์ซื้อวัคซีนไม่มีเงินทอน
ระบุช่วงวิกฤตโรคร้ายได้เห็น "สัปเหร่อ" ทำงานมากกว่า "นายกฯ" แม้แต่พระยังใส่ชุดพีพีอี-หน้ากากช่วยปชช.
วันที่ 3 ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงการบริหารสถานการณ์โควิด ของ นายกรัฐมนตรี ที่ล้มเหลว พาประเทศถึงจุดวิกฤติ สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ต้องตอบคือ1.คณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้มีมติให้ซื้อวัคซีนที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปอย่างเคร่งครัด หมายความว่า ต้องซื้อมากกว่า 1ยี่ห้อ แต่คณะรัฐมนตรี(ครม.)กลับมีมติซื้อวัคซีนซิโนแวคอย่างเดียว และที่ผ่านมาสื่อของสหรัฐเคยเสนอข่าวบริษัท ซิโนแวค เคยติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ นี่คือเหตุผลที่ไม่ซื้อวัคซีนยี่ห้ออื่นหรือไม่
2.ข้อสงสัยเงินทอนวัคซีนซิโนแวค 5ครั้ง ซื้อโดสละ 17 เหรียญสหรัฐ 10.9ล้านโดส อ้างเป็นการจัดซื้อเฉพาะครั้งแรก แต่ครั้งต่อๆไปราคาจัดซื้อลดลง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดการจัดซื้อครั้งที่2-5 ครม.ยังอนุมัติงินจัดซื้อราคา 17เหรียญสหรัฐต่อโดสเหมือนเดิม หลักการถ้าซื้อราคาใดต้องอนุมัติเงินราคานั้น ไม่ใช่ขอเผื่อไว้ จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไรว่า มีเงินทอนจากที่ครม.อนุมัติเงินเกินจริง 1.6พันล้านบาท เพื่อยืนยันความโปร่งใสขอให้นำเอกสารมาชี้แจงคือ หลักฐานการจ่ายเงินที่กรมควบคุมโรคจ่ายให้องค์การเภสัชกรรม(อภ.)ไปซื้อวัคซีน
3.เอกสารการจ่ายเงินที่อภ.จ่ายค่าวัคซีนให้บริษัทซิโนแวคมาแสดงในทุกครั้ง อย่าอ้างเปิดเผยไม่ได้ เพราะเป็นภาษีประชาชน ไม่ใช่สัญญาระหว่างประเทศ การอ้างเงินส่วนที่เหลือจะส่งคืนคลัง ตอบง่ายเกินไป ต้องเอาหลักฐานมาแสดง มิเช่นนั้นไม่มีใครเชื่อ วันนี้เจ้าของภาษีอยากรู้มีเงินทอนหรือไม่ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์หรือนายอนุทินตอบไม่ชัดเจน แสดงว่าค้าความตาย หากินบนซากศพประชาชน รอพรรคเพื่อไทยยื่นดำเนินคดีได้เลย ส่วนการซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกา เป็นการคาดการณ์ผิดพลาดมหันต์ ไม่รู้หรือว่า สภาพบริษัท สยามไบโอไซเอม์กำลังขาดทุน ไม่มีประสบการณ์วัคซีน ทำไมกล้าเอาเงินภาษีไปฝากความหวังบริษัทนี้
“หลายคนบอกว่าตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเห็นวิกฤตหนักหนาสาหัสแบบนี้ ภาวะประเทศไทยขณะนี้ สัปเหร่อทำงานมากกว่านายกฯ พล.อ.ประยุทธ์เวิร์คฟอร์มโฮมปิดทองหลังพระ แต่พระต้องมาใส่ชุดพีพีอี ใส่หน้ากากช่วยเหลือประชาชน ทุกอย่างกลับตาลปัดไปหมด ประชาชนต้องรอตรวจ รอเตียง รอตายกลางถนน จนเตาเผาศพพัง แต่รัฐบาลยังอยู่ได้
คนจำนวนมากไม่ได้ตายเพราะโรคระบาด แต่ตายเพราะความไม่ฉลาดของผู้นำ ขอไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตจากโควิด ชาติหน้ามีจริงฉันใดขอให้ท่านเหล่านี้ อย่าได้มาเกิดในยุคที่มีรัฐประหารยุคพล.ประยุทธ์ อย่าได้มาเกิดในยุคของผู้นำที่ขาดความรับผิดชอบ อย่าได้มาเกิดในยุคที่มีผู้นำโอหังคลั่งอำนาจ ไม่เห็นหัวประชาชน อย่าได้มาเกิดในยุคที่ผู้นำค้าความตาย หากินบนซากศพและที่สำคัญอย่าได้มาเกิดในยุคที่ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด ทั้งหมดที่กล่าวมา จึงไม่อาจไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ บริหารต่อไป”