เมื่อนักข่าวเป็น "ฆาตกร" ซะเอง
ลองมาอ่านข่าว "ฆาตกรรม" ต่อเนื่องกันบ้างเนอะ
นักข่าวรายนี้มีชื่อว่า 'วลาโด ตาเนสกี' (Vlado Taneski) เกิดเมื่อปี 2495 ในเมืองคิเซโวแห่งนี้ สมัยที่ประเทศมาซิโดเนียยังคงเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย เขาพบรักกับนักศึกษากฎหมายที่ชื่อ "เวสนา" เมื่อตอนอายุ 21 จนแต่งงานมีลูก 2 คน เขาเริ่มเข้าสู่วงการนักข่าวจากสถานีวิทยุท้องถิ่น จนโลดแล่นในแวดวงข่าวมากว่า 20 ปี
ย้อนไปช่วงปี 2547 ในเมืองคิเชโว ประเทศมาซิโดเนีย ได้เกิดคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญขึ้น โดยตำรวจพบ...
เหยื่อรายที่ 1 ชื่อว่า Mitra Simjanoska หญิงสูงวัย อายุ 64 ปี เธอหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 16 พย. 2547 ขณะเดินทางไปซื้อของที่ตลาดในเมือง จนเนิ่นนานกว่าจะมาพบว่าเป็นศพในต้นปีเมื่อ 12 มค. 2548 เธอถูกรัดคอ มัดมือมัดเท้า และมีร่องรอยการถูกข่มขืนเสียชีวิตในเวลาต่อมาไม่ถึง 2 สัปดาห์จากการถูกทรมาน
เหยื่อรายที่ 2 ชื่อ Ljubica Licoska สตรีวัย 56 ปี หายตัวไปต้นเดือน พย. 2550 ตอนเดินออกไปซื้อของ ศพถูกพบเมื่อ 3 กพ. 2551 สภาพถูกรัดคอ ถูกทุบตีและถูกข่มขืนเช่นกัน
เหยื่อรายที่ 3 ชื่อ Zivana Temelkoska หญิงวัย 65 ปี หายตัวไปเมื่อ 7 พฤศภาคม 2551 โดยเธอถูกหลอกล่อว่าลูกชายประสบเหตุเข้าโรงพยาบาล ก่อนจะพบร่างไร้วิญญาณในสภาพถูกข่มขืน ฆ่ารัดคอด้วยสายโทรศัพท์
เหยื่อทั้ง 3 รายทำอาชีพพนักงานทำความสะอาดและมีฐานะยากจนไม่ได้เรียนสูง สภาพศพทั้ง 3 ถูกห่อด้วยพลาสติกและได้นำไปทิ้งกระจายไว้รอบๆ แถบชานเมืองคิเซโว
เมื่อมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นต่อเนื่อง สื่อท้องถิ่นก็เฝ้าติดตามการสืบสวนอย่างใกล้ชิด ในเวลานั้นนาย วลาโด ตาเนสกี ก็คือหนึ่งในนักข่าวท้องถิ่นให้เกาะติดสถานการณ์การสืบสวนคดีนี้ด้วย ด้วยความที่เขาเป็นนักข่าวท้องถิ่นในเมืองที่เกิดเหตุ ทำให้เขาได้เกาะติดรายงานข่าวอย่างใกล้ชิด จนเขาได้รับการชื่นชมมีชื่อเสียงอย่างมาก จากคนอ่านรวมถึงกองบรรณาธิการต้นสังกัดว่าข่าวของเขานั้น "โดดเด่น" และ "เชิงลึก"
แต่สุดท้ายเขาก็พลาดเองคือ ในรายงานข่าวของเหยื่อทั้ง 3 ราย เขาระบุด้วยการลงลึกถึงลักษณะของ "สายโทรศัพท์" ซึ่งใช้รัดคอเหยื่อ นั่นจึงทำให้ตำรวจเริ่มสงสัยในการทำงานของเขาทันที เพราะรู้สึกว่าเขารู้รายละเอียดบางอย่างของคดีโดยที่ตำรวจไม่ได้เปิดเผยว่าเหยื่อถูกรัดคอด้วยอะไร แต่เขากลับรู้ลักษณะของสายโทรศัพท์ที่ใช้รัดคอเหยื่อซะงั้น
เอาล่ะดิ..งานนี้ตำรวจก็เริ่มเปลี่ยนทิศทางการสอบสวน บุกไปตรวจค้นบ้านพักของเขาโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า พบหลักฐานเป็นคอลเล็กชั่นวิดีโอและสื่อลามกจำนวนมากจากบ้านพักตากอากาศของเขาเอง เขาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 20 มิย. 2551
ตำรวจได้นำตัวอย่าง DNA จากการตรวจค้นบ้านพัก ไปเปรียบเทียบกับ DNA ของเหยื่อก็พบว่าเขาคือ "ฆาตกรตัวจริง" หลักฐานจึงมัดตัวดิ้นไม่หลุด เขาสารภาพยอมรับว่าเขาคือ "ฆาตกร" ที่ตำรวจตามหาอยู่ เขาถูกตั้งข้อฆาตกรรมเหยื่อหญิงสองคน ขณะที่เหยื่อคนที่สามตำรวจกำลังสอบสวนเพื่อเตรียมตั้งข้อหาเพิ่มเติม
พอวันที่ 23 มิย. ตำรวจได้ฝากขังเขาในเรือนจำ แต่ทว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กลับพบศพของเขาในห้องขัง เขาได้ใช้ถังพลาสติกเติมน้ำก่อน ก้มศีรษะตัวเองลงในถังน้ำจนเสียชีวิต
ตำรวจเชื่อว่าเหยื่อรายที่ 3 เขาก็น่าจะมีส่วนด้วย จากนั้นตำรวจก็พบยังมีเหยื่อรายที่ 4 หญิงวัย 78 ปีหายตัวไปในปี 2546 แต่ยังไม่พบร่างของเธอ ซึ่งตำรวจกำลังจะเตรียมขยายผลการสืบสวน แต่ว่าเขากลับมาฆ่าตัวตายไปเสียก่อนนั้นเอง
นี่แหละคนเราบางที "รู้หน้าไม่รู้ใจ" จริงๆ ว่าลึกๆ จะเป็นคนอำมหิต สามารถฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นได้ขนาดนี้ แถมยังทำตัวเป็นคนดี มาทำหน้าที่นักข่าวได้อย่างหน้าตาเฉยในสังคม