วิจารณ์เดือด "จตุรงค์ สุขเอียด" นักข่าวหัวเห็ดชื่อดัง วิเคราะห์คดี "ผกก.โจ้" ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น‼️🐅
จากกรณีข่าว “อดีตผู้กำกับโจ้” ถูกจับกุม เมื่อมาถึงกองบังคับการปราบปรามแล้ว ก็มี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร และนายตำรวจอื่นๆ เข้าร่วมสอบปากคำตามที่เสนอไปแล้วนั้น
ต่อมา "จตุรงค์ สุขเอียด" นักข่าวชื่อดัง ได้ออกมาบอกว่า มีนักข่าวรุ่นน้องโทรมาหา..ให้ลองวิเคราะห์ คดีผกก.โจ้ ให้หน่อย..
📍สรุปผมว่า…
1.การส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ ภาค6 ซึ่งเป็นพื้นที่ในปกครองของเขา เหมือนเอาเสือกลับเข้าป่าไป
•ถึงจะบาดเจ็บแต่ก็ยังเป็นเสือ
2.มีลูกพี่ ภาค6 ดูแล มีสายสัมพันธุ์ส่งไกลได้หลายจังหวัด และถึงสำนักงานใหญ่ที่ปทุมวัน
•…“หนักจะกลายเป็นเบา”
3.คดีนี้อัยการมีการสั่งฟ้องแน่ เพื่อให้จบที่คำสั่งศาล เพราะจะไม่มีใครโต้แย้งผลที่ออกมาได้ แล้วยังไรครับพี่.....
•คดีนี้ อ่อน เพราะโจทก์หรือเจ้าทุกข์ “ตายแล้ว” และมีข้อหายาเสพติด
📌เจ้าทุกข์ตายแล้ว..
1.ทำให้ญาติไม่กล้าเดินหน้าเอาเรื่องถึงที่สุด
2.ปฎิกิริยาญาติก็อ่อนลง การจะมาเรียกร้องหรือโต้แย้ง ในศาลแบบ คนที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นธรรม คงไม่เกิด
3.มีจุดแข็งจุดเดียว คือ คลิปที่ร่วมกันใช้คลุมหัวจนตาย
•- แต่เขาโต้แย้งว่า ไม่เจตนาฆ่า
แม้มีคลิปมาเผยแพร่ จะถูกเกลี้ยกล่อมให้การแค่ตามสภาพ
•- ผลคือ ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
แต่ถ้าซักค้านว่า จำเลย ได้ร่วมกันกู้ชีพ แล้วนำส่งโรงพยาบาล ประกอบด้วยแสดงเจตนาบริสุทธิ์
•- ผลชันสูตร ถ้าไม่ลงว่าเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ ก็ยิ่งสนับสนุน ไม่ได้เจตนาฆ่า
•- ผมว่าคดีนี้ สรุปสำนวนสั่งฟ้องเร็ว เพื่อให้พิพากษาเร็ว
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ติดคุกระหว่างพิจารณาคดีนาน
•ถ้าจำเลยรับสารภาพ ความผิดจะได้ลดลงอีกครึ่งหนึ่ง โทษคงไม่มากนัก
•ถ้าข้อหาไม่เจตนา แค่ปฎิบัติหน้าที่โดยประมาท ก็นับวันออกมาได้เลย
❓แล้วยังไงจึง จะยุติธรรมกับเหยื่อ
ผมวิเคราะห์ต่อว่า คดีนี้..
ทนายษิทราเป็นคนเปิดประเด็น
ทนายจึงคือจุดแข็งหลัก ที่จะงัดกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำหน้าที่ให้เกิดความถูกต้องได้
ทนายควรเดินหน้า เรียกร้องให้หน่วยงานคู่ขนานทำสำนวน คู่
🔺สอบสวนคู่ คือ.. 1คดี ส่งศาลแบบ2 หรือ3 สำนวนของตำรวจชุดหนึ่ง และส่งให้หน่วยงานอื่นที่มีอำนาจเกี่ยวข้องอีกชุด มันจะค้านกันให้ศาลเห็นเพื่อพิจารณา
-คือ ให้ร้อง ให้ปปท.ทำคดี กับดีเอสไอ ร่วมตั้งพนักงานสอบสวนคดี ฆาตรกรรม บังคับขู่เข็ญ ขินใจ ประสงค์ต่อทรัพย์
-ร้อง 157 ปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งชุด
-ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตั้งคณะเข้ามาดูการละเมิดสิทธิ์ผู้ต้องหา
-ให้ ร้อง ปปง.ตรวจอายัดทรัพย์และเส้นทางการเงินทั้งเครือข่าย แล้วรวบรวมคดี ฟ้องใหม่ ไม่ใช่ แค่พลั้งมือ.....
ความผิดหนักเบาในคดี จึงขึ้นกับว่า ใครทำ สำนวน ด้วย เพราะเมื่อทำละเอียดรอบคอบ ความยุติธรรมกับคนเป็นหรือคนตาย ก็จะเกิดขึ้น แล้วมันจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปได้
ขอบคุณที่มา : จตุรงค์ สุขเอียด
ขอบคุณไทยนิวส์