คนไทยยังไม่รู้!!พรบ.กิจการอวกาศเพราะดาวเทียมไทยคมจะหมดสัญญาสัปทาน
กิจการอวกาศในที่นี่คงไม่ได้หมายถึงสร้างยานไปสร้างอาณาจักรใหม่ในต่างดาว...แต่เป็นกิจการเกี่ยวกับดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจร
ซึ่งปัจจุบันมีดาวเทียมกำเนิดใหม่มากมาย เลยมีบางดวงมาอยู่ในวงโคจรที่ควรเป็นสิทธิประโยชน์ของชาติไทย
ปัจจุบันอุตสาหกรรมอวกาศภายในและต่างประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการรองรับอัตราการเติบโตและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ ตลอดจนดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน เทคโนโลยีอวกาศจึงได้เข้ามามีบทบาทและส่วนสำคัญกับชีวิตประจำวันของประชาชน
เช่น การใช้เทคโนโลยีดาวเทียมระบุตำแหน่ง GNSS ตลอดจนการเติบโตของธุรกิจและอุตสาหกรรมอวกาศในระดับโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดทำให้ช่วงเวลานี้ในห้วงอวกาศมี การใช้งานดาวเทียม หรือสถานีอวกาศมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมแล้วมากกว่า 3,000 ดวง และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกๆปี โดยคาดการณ์ว่าในระยะ 10 ปี นี้ จะมีดาวเทียมเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 17,000 ดวง
ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการมี พ.ร.บ. กิจการอวกาศฯ ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน คือ
1.ประเทศไทยจะเกิดการลงทุนด้านกิจการอวกาศจะก่อให้เกิดธุรกิจ อุตสาหกรรมและ ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยมีความพร้อมในการดำเนินกิจการในด้านอวกาศที่จะต่อยอดสู่การจ้างงานเพิ่มขึ้นในที่สุด รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับประเทศอีกทางหนึ่ง
2.มีหน่วยงานและกลไกเพื่อทำหน้าที่กำกับและส่งเสริม สร้างความเชื่อมั่นในการดึงต่างชาติให้มาลงทุนพัฒนากิจการอวกาศในประเทศไทย 3.มีกลไกพัฒนาบุคลากรด้านอวกาศในประเทศ เพื่อให้มีขีดความสามารถทัดเทียมกับต่างชาติในอนาคต
4.การดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับอวกาศทั้งภาคเอกชน และภาครัฐจะเป็นไปด้วยมาตรฐานสากล และได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
ไทยมีดาวเทียมเป็นของตนเองในปี 2534 แต่ขายสัมปทานการบริหารไป...30 ปี
ชื่อ "ไทยคม" (Thaicom) เป็นชื่อพระราชทาน ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน โดยย่อมาจาก Thai Communications ในภาษาอังกฤษ
ดาวเทียมไทยคม เป็นโครงการ ดาวเทียมสื่อสาร เพื่อให้บริการสื่อสารผ่านช่องสัญญาณดาวเทียม ซึ่งกระทรวงคมนาคม (ในขณะนั้น) ต้องการจัดหาดาวเทียมเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการสื่อสารของประเทศอย่างรวดเร็ว แต่ในเวลานั้นประเทศไทยยังไม่มีดาวเทียมเป็นของตนเอง และต้องทำการเช่าวงจรสื่อสารจากดาวเทียมของประเทศต่างๆ ทำให้ให้เกิดความไม่สะดวกและสูญเสียเงินออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากการจัดสร้างดาวเทียมต้องใช้เงินลงทุนสูงมากจึงได้มีการเปิดประมูลเพื่อให้สัมปทานแก่บริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการแทนการใช้งบประมาณจากภาครัฐ และ บริษัท ชินวัตร แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ตามลำดับ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือชิน คอร์ปอเรชั่น ได้รับสัมปทานเมื่อ พ.ศ. 2534 เป็นต้นมา เป็นระยะเวลา 30 ปี (ปัจจุบันอำนาจการดูแลสัญญาโอนไปที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม)
จนปัจจุบันมีคนปล่อยข่าวในโซเชียลว่า
ประเทศไทย กำลังจะถึงยุคศิวิไลซ์ ได้ ในยุค ร๑๐ คือ ๑ แปรสัมปทาน ดาวเทียม มาเป็นของชาติไทยเรา
๒ แปรพลังงาน มาเป็นของชาติไทยเรา
แล้วรายได้จาก ๒ อย่างจะมาเป็นของคนในชาติทุกคน รัฐสวัสดิการจะเกิดขึ้นในยุค ร๑๐ ครับ
มีบุคคลเงาพยายามล้มรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ให้ได้เพราะสัมปทานดาวเทียมของชาติไทยที่เอาไปขายให้ต่างชาติกำลังหมดสัญญา
/ถ้าลุงตู่อยู่ต่อต้องรักษาผลประโยชน์มหาศาลของชาติไทยไว้ให้คนไทย
/เขาจึงกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อล้มรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ให้ได้!
/เราคนไทยที่มีสำนึกกตัญญยึดมั่นในคุณธรรมเพื่ออนาคตที่สดใสของเราทุกคนและของลูกหลานฯเราๆ
ฯลฯ
สักวันคุณคงจะเจอข้อความนี้แชร์มาเพราะยังมีอีกยาวผมเอาใจความมาพอครับ
ขอบคุณข้อมูลภาพ