สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีมติเอกฉันท์ ประกาศใช้ข้อบังคับ นำเข้าวัคซีนและเวชภัณฑ์สู้โควิด-19
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เผยแพร่เอกสารข่าวเกี่ยวกับมติสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกาศใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการนำเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์ เพื่อรับมือการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ระบุว่า
สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีมติโดยเอกฉันท์ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยครั้งที่ 8 /2564 เมื่อวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564 เห็นชอบให้ประกาศใช้ "ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการจัดการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 " ซึ่งนายกสภามหาวิทยาลัยได้ลงนามประกาศใช้ข้อบังคับดังกล่าวในวันนี้แล้ว
การตราข้อบังคับฉบับดังกล่าว เป็นการดำเนินการโดยอาศัยอำนาจแห่งพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2558 มาตรา 14(1 ) และ (14 ) ประกอบกับมาตรา 23 (2 ) (4) ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจสภามหาวิทยาลัยในการออกข้อบังคับเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนทั้งในและต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศในกิจการหรือภารกิจของมหาวิทยาลัยได้
โดยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และคณะวิชาทางวิทยาศาสตร์สุขภาพจำนวนมาก ซึ่งมีหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงในการให้บริการแก่สังคมในเรื่องการป้องกัน การแก้ไขปัญหาและการรักษาพยาบาลผู้ได้ที่รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
แหล่งข่าวจากสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้รายละเอียดมติของสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันนี้ ว่า การประชุมสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วันนี้ ที่มีศ.นรนิติ เศรษฐบุตร นายกสภามธ.เป็นประธาน
ทางศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะประธานโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต ปทุมธานี ได้นำเสนอวาระเรื่องขอให้ สภามธ.อนุมัติเห็นชอบให้มหาวิทยาลัยออกประกาศข้อบังคับว่าด้วยการจัดการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด เพื่อประกาศภารกิจเกี่ยวกับการให้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์โควิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการทั้งในประเทศ และต่างประเทศเกี่ยวกับการจัดหา นำเข้า หรือขึ้นทะเบียน บรรดาสิ่งจำเป็นทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นยา วัคซีน เวชภัณฑ์
โดยศ.ดร.สุรพล ให้เหตุผลและความจำเป็นในการนำเข้าวัคซีนโควิดโดยธรรมศาสตร์เองว่า เนื่องจากขณะนี้ จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่มารักษาตัวที่รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติและรพ.สนามธรรมศาสตร์มีจำนวนมาก จนล้นโรงพยาบาล เกินกว่าที่รพ.จะรับไหว อีกทั้งบุคลากรทางการแพทย์ของรพ.ธรรมศาสตร์เองก็ติดเชื้อโควิด
ขณะเดียวกันการจะไปรอวัคซีนที่รัฐบาลจัดสรรมาให้ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ก็ไม่เพียงพอ และกระบวนการล่าช้า ไม่ทันกับสถานการณ์วิกฤตโควิดในขณะนี้ที่จำนวนผู้ป่วยและคนเสียชีวิตมีจำนวนมาก เพราะปัจจุบันรพ.ธรรมศาสตร์ฯ มีคนไข้โควิดเข้ามาที่รพ.จำนวนมาก จึงเห็นว่าจากข้อกฎหมายของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่มีอยู่ สามารถออกข้อบังคับนำเข้าวัคซีน ยา และเวชภัณฑ์เองได้ เช่นเดียวกับ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จึงเสนอขอให้สภามธ.อนุมัติหลักการดังกล่าว













