ห้องที่ปิดตาย
บ้านเพื่อนของเอกที่อยู่แถวเพชรเกษม เพื่อนคนที่เป็นเจ้าของบ้านมีชื่อว่าบี เอกมาบ้านบีอยู่หลายครั้งเขาสังเกตว่ามีห้องอยู่ห้องหนึ่งในบ้านหลังนั้นถูกปิดล็อกอยู่ตลอดเวลา เอกพยายามถามบีว่าเป็นห้องอะไรทำไมถึงต้องล็อกไว้แบบนั้นตลอด บีก็ได้แต่บอกว่าไม่มีอะไรหรอกเป็นแค่ห้องพระธรรมดา จนเมื่อวันเกิดบีเมื่อปีที่แล้วบีจัดงานเลี้ยงสังสรรค์โดยเชิญเพื่อนๆ ที่สนิทมาร่วมงานประมาณสิบคนซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเอกรวมอยู่ด้วย งานปาร์ตี้เริ่มต้นตั้งแต่ตอนเย็นก็มีทำอาหารกินกันเองโดยมีเพื่อนๆ ผู้หญิงมาเป็นแม่ครัวทำอาหารให้ โดยเข้าไปทำที่ครัวหลังบ้าน ส่วนพวกผู้ชายก็ตั้งวงดื่มเหล้ากันอยู่ที่หน้าบ้านกันไปอย่างสนุกสนาน เมื่อกับข้าวเสร็จเพื่อนผู้หญิงก็ทยอยเอาออกมาเสิร์ฟให้ พร้อมกับถามบีว่าข้างบนชั้นสองมีคนอยู่ด้วยหรอ เพราะได้ยินเสียงเหมือนมีเด็กมาวิ่งเล่นที่ด้านบน บีก็บอกว่าเด็กที่ไหนไม่มีหรอกอาจจะเป็นเสียงเด็กข้างบ้านวิ่งเล่นกันก็ได้ เพราะบ้านเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์มันน่าจะสะเทือนถึงกันอยู่ พอดื่มกินกันไปจนถึงเวลาประมาณสามทุ่มน้ำแข็งหมด บีเลยวานให้เอกออกไปซื้อน้ำแข็งที่หน้าหมู่บ้านให้ที เอกขี่มอเตอร์ไซค์ของบีออกไปซื้อน้ำแข็งพร้อมกับเพื่อนอีกคน ตอนที่ขี่เข้าซอยมาก่อนจะถึงบ้านเอกก็สังเกตุว่ามีคนมายืนอยู่ที่หน้าบ้าน แต่เมื่อขี่รถเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ ร่างนั้นก็หายไป เอกคิดว่าคงเป็นเพื่อนที่เดินออกมาสูบบุหรี่ เสร็จแล้วก็เดินกลับเข้าบ้านไป ในระหว่างที่นั่งดื่มกินกันอยู่หน้าบ้าน เอกซึ่งนั่งหันข้างเข้าบ้านก็รู้สึกว่าหางตาเห็นมีคนเดินอยู่ในบ้านทั้งที่ตอนนั้นทุกคนนั่งอยู่ด้วยกันข้างนอกหมดแล้ว แต่เมื่อหันเข้าไปมองตรงๆ ก็ไม่เห็นอะไร เลยคิดว่าตัวเองนั้นตาฝาดไป เลยไม่ได้สนใจอะไรนั่งดื่มต่อไป เวลาเกือบๆ จะเที่ยงคืนก็มีการเตรียมเป่าเทียนวันเกิด ในขณะที่กำลังจะร้องเพลงนั้นไฟที่บ้านของบีก็ดับพรึ่บลง ตอนแรกก็คิดไฟของหมู่บ้านดับแต่เมื่อมองไปที่บ้านอื่นไฟก็ยังติดอยู่ปกติ ก็เลยคิดว่ามีเพื่อนปิดเพื่อทำเซอร์ไพร์สแต่ทุกคนก็ยังนั่งกันอยู่ครบ บีจึงเดินเข้าไปดูที่แผงไฟในบ้านปรากฏว่าคัทเอาท์ไฟนั้นสับลง ก็สันนิษฐานกันว่าน่าจะเพราะใช้ไฟเยอะเกินไปเลยทำให้คัทเอาท์นั้นตัด
เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติก็เป่าเทียนตัดเค้กกันจนเสร็จเรียบร้อย เพื่อนๆ บางคนก็ขอตัวกลับก่อน ก็เหลือบีเจ้าของบ้าน เอก และเพื่อนผู้ชายอีกสองคนนั่งดื่มกันต่อ จนเวลาตีหนึ่งกว่าๆ ก็ตกลงกันว่าพอเท่านี้แล้วก็เข้าบ้านนอน บีชวนเอก และเพื่อนอีกสองคนให้ขึ้นไปนอนบนห้องแต่เอกขอนอนที่โซฟาข้างล้างเพราะขี้เกียจไปนอนเบียดกันข้างบน นอนที่โซฟาน่าจะสบายกว่า บีก็ไม่ได้ว่าอะไรเอาผ้าห่มมาให้บีเผื่อตอนดึกๆ จะหนาว แล้วก็พาเพื่อนอีกสองคนขึ้นไปนอนที่ห้องนอนข้างบน พอเอกนอนกำลังจะเคลิ้มหลับก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินอยู่ที่หน้าบ้าน เพราะโซฝาที่เอกนอนนั้นอยู่ติดกับหน้าต่างจึงทำให้ได้ยินเสียงเดินนั้นชัด แล้วก็มีเสียงเตะขวดโซดาที่ตั้งไว้ที่พื้นล้ม เอกนั้นสะดุ้งลุกขึ้นมาดูเพราะคิดว่าอาจจะเป็นขโมยเข้ามาในบ้าน แต่เมื่อชะโงกหน้าไปดูก็ไม่เห็นมีอะไร เลยคิดว่าอาจจะเป็นแมวที่เข้ามาหาเศษอาหารกินแล้วเดินเตะขวดล้มแล้วตกใจวิ่งหนีไปแล้ว เมื่อไม่มีอะไรผิดปกติเอกก็ล้มตัวลงนอนต่อ ซักพักเขารู้สึกว่ามีคนมาดึงผ้าห่มที่ตรงปลายเท้า เอกก็ดึงผ้ากลับมา เป็นแบบนี้อยู่ 2-3 ครั้งเอกก็ลุกขึ้นนั่งมองว่าใครมาแกล้ง แต่ก็ไม่เจอใครก็จึงตัดสินใจนอนต่อเพราะตอนนั้นทั้งง่วง และเมาด้วย จนเอกหลับไปได้ซักพักคราวนี้ได้ยินเสียงเหมือนคนลงมาจากบันไดชั้นสอง และก็มีเสียงเหมือนกระพรวนข้อเท้าเด็กดังกริ๊ง กริ๊ง ตามจังหวะการเดินด้วยเอกพยายามจะลืมตาดูต้นเสียงว่าคืออะไร แต่ตอนนั้นเหมือนกับเปลือกตาหนักมากเขาลืมตาได้เพียงแค่นิดเดียว เห็นช่วงล่างของเด็กตั้งแต่เอวลงมาใส่โจงกระเบนสีแดง ที่ข้อเท้ามีกระพรวนทองเหลือง แล้วเด็กนั้นก็ ค่อยๆ เดินมาทางที่เข้านอน ตอนนั้นเอกตกใจมากพยายามจะลุกจากโซฟาแต่ก็ทำไม่ได้ จะร้องให้เพื่อนช่วยก็ร้องไม่ออก เอกตัดสินใจหลับตาแต่หูก็ยังได้ยินเสียงกระพรวนนั้นดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ตรงข้างโซฟาที่เอกนอนอยู่ ตอนนั้นเอกเหงื่อไหลเต็มมือ เต็มหน้าไปหมดไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ในขณะที่ใจคิดว่าเกิดอะไรขึ้นเอกก็ได้ยินเสียงพูดว่า “มาเล่นกับหนูไหม” “หนูรู้นะว่ายังไม่หลับ” ตอนนั้นเองเอกนึกในใจว่าอย่ามายุ่งกับเขาเลย พร้อมทั้งสวดมนต์ สวดคkถา ทุกบทเท่าที่จะนึกออก แต่ก็ยังรู้สึกว่าเด็กคนนั้นยังไม่ได้ไปไหนเพราะยังมีเสียงกระพรวนข้อเท้าดังเป็นระยะๆ เอกจึงนึกในใจว่างอย่ามากวนพี่เลยนะแล้วจะทำบุญไปให้ พร้อมกับนึกถึงพ่อแม่ จนทำให้เอกหลุดจากพวังค์ และลุกขึ้นมานั่งได้ เมื่อมีสติได้เอกรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองเข้าไปในห้องนอนของบี และปลุกเพื่อนทุกคนที่อยู่ในห้อง พร้อมกับเล่าเรื่องที่เจอให้ฟัง พอบีได้ฟังแบบนั้นก็รู้สาเหตุแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขายังไม่พูดอะไรบอกให้เพื่อนทุกคนรวมถึงเอกนอนก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยคุยกัน
เช้าวันรุ่งขึ้นเอก บี และเพื่อนอีกสองคนก็ลงมานั่งคุยกันเรื่องที่เอกเจอเมื่อคืน บีบอกกับเพื่อนๆ ว่าตัวเขานั้นน่ะเลี้ยงกุมารทองไว้ ที่เอกเจอก็น่าจะเป็นกุมารทองของเขาเองนั่นแหละ เพราะกุมารทองตนนี้มีนิสัยขี้เล่น เมื่อสมัยเรียนมีเพื่อนมานอนที่บ้านก็เจอกันบ่อย แล้วบีก็พาเพื่อนๆ ขึ้นไปเปิดห้องพระที่บีล็อกกุญแจเอาไว้ ก็ปรากฏว่ามีโต๊ะหมู่ที่เอาไว้บูชากุมารทอง มีของเล่นวางอยู่เต็มโต๊ะ เอกมองไปที่รูปปั้นกุมารเป็นเด็กชายจ้ำม่ำ ผิวขาว นุ่งโจงกระเบนสีแดง ที่ข้อเท้าสวมกระพรวนสีทอง ลักษณะตรงกับที่เขาเห็นเมื่อคืนนี้ไม่มีผิด หลังจากรู้เรื่องเรียบร้อยบีก็พาเพื่อนๆ ออกไปทำบุญเพื่ออุทิศให้กับกุมารตามที่เอกได้สัญญาไว้ หลังจากวันนั้นเอก็ปฏิเสธที่จะไปนอนที่บ้านบีอีกเลย