ไทย-เยอรมันจับมือพัฒนายกระดับระบบรางของไทย
ไทยและเยอรมันร่วมเสวนาทางไกล
เรื่อง “Developing German-Thai cooperation and Tech-Localization for enhancing the service quality and attractiveness of Railway in Thailand”
นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคมได้รับมอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ) ในการทำหน้าที่กล่าวเปิดการเสวนาทางไกล
เรื่อง “Developing German-Thai cooperation and Tech-Localization for enhancing the service quality and attractiveness of Railway in Thailand”
ร่วมกับนายเกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย
โดยสมาคมความร่วมมือด้านระบบราง ระหว่างไทย - เยอรมนี (German-Thai Railway Association: GTRA)
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564ภายใต้แถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีที่ได้มีการลงนามกันไว้เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2559
ซึ่งในครั้งนี้สมาคมฯ ได้เป็นเจ้าภาพการจัดเสวนาทางไกล (GTRA Talk) เป็นครั้งแรก
GTRA Talk มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการกระชับความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างบริษัทไทยและเยอรมนีเพื่อยกระดับระบบรถไฟของประเทศไทย ซึ่งวิทยากรที่เข้าร่วมการหารือในครั้งนี้ ได้แก่
วิทยากรจากการรถไฟแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ (EABC) บริษัท Siemens Mobility Limited และบริษัท Shaeffler
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงคมนาคมได้กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบรางเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีโครงการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองหลักในภูมิภาคต่าง ๆ
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่มทางเลือกในการเดินทาง อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองอย่างยั่งยืน
รวมทั้งการผลักดันพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางรางให้เป็นโครงข่ายหลักของประเทศ ลดต้นทุนการขนส่งสินค้า
และจะเป็นกลไกเสริมสร้างการแข่งขันให้กับประเทศ รวมทั้งการศึกษาโครงการ MR-Map เพื่อพัฒนาทางรถไฟพร้อมกับ Motorway เพื่อบูรณาการโครงข่ายเส้นทางการขนส่งสินค้าให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ซึ่งจะได้เห็นผลลัพธ์การศึกษาโครงการดังกล่าวในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทาง ได้แก่
สายตะวันออกเฉียงเหนือ ทอดยาวจากกรุงเทพฯ ไปจนถึงจังหวัดหนองคาย
เพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง ไปยัง สปป.ลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่งเสริมการขนส่งระบบรางและกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค
และโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระหว่างสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา
เพื่อเชื่อมโยงความสะดวกของการเดินทางและกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มจังหวัดพื้นที่ EEC อำนวยความสะดวกการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสนามบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
การแสวงหาความร่วมมือจากผู้นำด้านระบบรางเช่นเยอรมนีเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และถอดบทเรียนความสำเร็จ
จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาระบบรางของประเทศไทย และหวังว่าการเสวนา ครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับธุรกิจด้านรถไฟ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมระบบราง และกระชับความร่วมมือระหว่างไทย - เยอรมนี อย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลภาพ