เครือข่ายปกป้องนาบอน เผย จากเหตุระเบิดกิ่งแก้ว ประเทศนี้ไม่รับผิดชอบใดๆเลย
เอิบ สารานิตย์ หนึ่งในเครือข่ายปกป้องนาบอนจากโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงพิษ เดินทาง 800 กม.จากนครศรีธรรมราชมากรุงเทพฯ เพื่อแสดงจุดยืนว่าไม่ต้องการโรงไฟฟ้าขยะลูกครึ่งชีวมวลที่จะตั้งกลางชุมชน
เขาเผยว่า ชะตาของคนนาบอนอาจไม่ต่างกับคนละแวก #ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว หากเสียงคัดค้านของพวกเขาไม่ได้ผลและถึงวันที่โรงไฟฟ้าตั้งตระหง่านกลางชุมชน
อันตรายจากการตั้งโรงงานในพื้นที่ชุมชนนั้นเห็นได้ชัดจากกรณี #ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว ซึ่งโรงงานผลิตพลาสติกตั้งอยู่ในย่านชุมชน (ผังเมืองสีแดง) เมื่อเกิดอุบัติเหตุจึงสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นวงกว้าง ความเสี่ยงนี้คล้ายกับโครงการโรงไฟฟ้านาบอน
ในรัศมี 5 กม.จากที่ตั้งมีโรงเรียน 10 แห่ง สถานพยาบาล 7 แห่ง และวัด 7 วัด คนอาศัยอยู่กว่า 8,000 ชีวิต มีรายได้จากการเกษตร พึ่งพิงแหล่งน้ำธรรมชาติที่จะโรงไฟฟ้าจะเข้ามาใช้ร่วมและเป็นปลายทางน้ำเสีย ยังไม่นับว่าจะตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นหลุมแอ่ง มีภูเขาล้อมรอบ ทำให้เกิดความกังวลว่ามลภาวะทางอากาศจากโรงงานไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะจะขังอยู่ในพื้นที่ในระยะยาว
นอกจากนี้กระบวนการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมยังเต็มไปด้วยคำถาม ชุมชนบริเวณซอยกิ่งแก้วไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับสารพิษในโรงงาน หรืออันตรายจากการแพร่กระจายของสาร เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง การรับมืออย่างถูกต้องปลอดภัยจึงเป็นไปได้ยาก เช่นเดียวกับชุมชนนาบอน เครือข่ายยืนยันว่าไม่เคยได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องและโปร่งใส ตั้งแต่กระบวนการจัดซื้อที่ดิน จนถึงการทำ EIA ที่คนในพื้นที่ไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
วันนี้เครือข่ายปกป้องนาบอนจากโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงพิษยังคงปักหลักต่อที่กรุงเทพฯ บริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ SCB ผู้ถือหุ้นหลักบริษัทเจ้าของโครงการ พวกเขาเรียกร้องให้บริษัท ACE และผู้ถือหุ้นยกเลิกโรงงานไฟฟ้านาบอน เพราะเป็นธุรกิจที่ “ทำกำไรบนการทำลายชีวิตคน” ขัดกับหลักการที่ธุรกิจต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน
อ้างอิงจาก: GreenNews