ภาพสะท้อนกับคำพูดของ "นพ.นิธิ" ถึงการคัดค้านฉีดเข็มที่ 3 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์
เมื่อวานมีข่าวเรื่องที่มี อาจารย์ อุดม
ในฐานะตัวแทนของที่ปรึกษารัฐบาล
ออกมาแถลงว่า มีแผนจะให้วัคซีนเข็มสาม
กับบุคลากรทางการแพทย์
เนื่องจากเหตุผลเรื่องภูมิคุ้มกันที่ตกลง
หลังได้ SinoVac มา 3 เดือน
โดยบอกว่า อาจเป็น Pfizer ที่ได้บริจาคมา
หรือ เป็น AstraZeneca ก็ได้
โดยมีการกล่าวว่าจะให้บุคลากรทั้งหมด
จำนวน 700,000 คน
ตอนแรกคิดว่าวันนี้
จะมาเล่าว่าผมคิดเห็นยังไง
เพราะเคยเกริ่นไว้บ้างแล้ว
จากโพสต์วันก่อนว่า
ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนก็ได้
เพราะ Pfizer เราได้มาน้อย
และ มีคนกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเยอะอยู่
หากเราคัดแยก แค่บุคลากรที่เป็น ด่านหน้าจริงๆ
หมอก็ไม่ใช่หมอทุกคนที่ทำงาน
เข้มข้นกับเคสโควิดตลอด
(ตัวผมเองก็ยังไม่นับ)
เน้นให้ครอบคลุมคนทำงานที่เสี่ยงจริงๆ
พยาบาลในไอซียู, ในวอร์ดดูแลโควิด
แม่บ้านประจำวอร์ด, ผู้ช่วย, ห้องแลบ
เจ้าหน้าที่เอกซเรย์ที่ต้องเข้าไป
ในวอร์ดคนไข้จริงๆ เป็นต้น
จำนวนมันไม่น่าจะมากมาย
อาจจะเป็นสัก 100,000 คน
แต่ เมื่อคืนมีความเห็นจาก
คุณหมอ นิธิ ที่น่าสนใจ
ที่โพสต์บน Facebook ว่า
การที่ บุคลากรด่านหน้า ได้รับเข็มที่ 3
โดยที่หลายๆ คนยังไม่ได้เข็มที่ 1 เลยนั้น
เป็น = ความเห็นแก่ตัว =
ปกติ ผมไม่เคยใช้คำว่า เสียสละ
กับการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์
ผมเชื่อว่าคนทำงานหลายคนก็คิดคล้ายกัน
คือคิดเสมอว่า นี่คือหน้าที่ เท่านั้น
คำว่า เสียสละ อาจจะเกินไปนิด
เป็นการยกย่องกันเกินไปหน่อย
แต่ถึงขั้นมาบอกว่า
คนเหล่านี้ เป็นคนเห็นแก่ตัว
หากต้องการวัคซีนเพื่อป้องกันตัวเอง
ให้ดีขึ้นอีกนิด ????
โอ้โห .... คุณเป็นเทวดา
หรือ พระเวสสันดร ผู้สละได้ทุกอย่างหรือ ?
จึงกล้าใช้คำแบบนี้กับพวกเขา ?
เคยมาเห็นสภาพ คนเห็นแก่ตัว
ที่เดินราวด์ เคสโควิดตั้งแต่เช้ายันเย็นไหม ?
มันมะล่อกมะแล่กแค่ไหน
เคยรู้ไหมว่า พยาบาลหลับคาโต๊ะ
กินนอนใน รพ. ไม่ได้กลับบ้าน
เป็นสัปดาห์ เป็นเดือนนั้นเป็นยังไง
ผู้ช่วยพยาบาลกลับบ้านไป
ไม่กล้าเข้าใกล้ลูก จนลูกร้องไห้
คุณรู้ไหม ว่ามันเป็นยังไง ?
หมอห้องฉุกเฉินที่ต้องช่วยชีวิตคน
โดยที่ไม่ทันได้ป้องกันตัวเอง
เขามีความกลัว ความวิตกขนาดไหน
คุณเข้าใจบ้างหรือเปล่า ?
คุณลองไตร่ตรองอีกสักนิด
แล้วคุณยังกล้าใช้คำว่า เห็นแก่ตัว
จริงๆ หรือ ?
อ้างอิงจาก: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล