สื่อตะลึงรัฐบาลลุงตู่ทำ!!พัฒนาที่อยู่ริมคลอง (เวนิสเอเชีย) คืนสายน้ำให้คนเมือง
รัฐบาลชุดนี้ผนึกกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาคูคลองใน กทม. คืนสายน้ำใส ริมคลองสวยงามให้คนเมือง
ซึ่งเราจะเห็นโมเดลแรกที่ผ่านไปอย่างสวยงามคือริมคลองลาดพร้าว
คลองต่อไปคือ คลองเปรมประชากร
“ดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากรนี้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการพัฒนาให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนเห็นประโยชน์ร่วมกันทั้งส่วนตนและส่วนรวม และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาไปพร้อมกับภาครัฐ เพื่อให้ชาวชุมชนริมคลองเปรมฯ และลูกหลาน มีคุณภาพชีวิต มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ขณะเดียวกันส่วนรวมก็จะได้ประโยชน์จากการสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งบำบัดน้ำเสียได้ด้วย”
ความคืบหน้าการดำเนินการพัฒนาพื้นที่คลองเปรมประชากร โดย
กองทัพฯ
สนง.เขตจตุจักร
สนน.ระบายน้ำ
พอช.
กรมธนารักษ์
สนง.ที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาจตุจักร
การประปา สาขาประชาชื่น
ร่วมกันลงพื้นที่รังวัดแนวเขตที่ดินของกรมธนารักษ์ และแนวเขตที่ดินของเอกชน
เพื่อ ติดตามความคืบหน้า การดำเนินการก่อสร้างบ้านมั่นคงของผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านมั่นคง ณ ชุมชนประชาร่วมใจ 1 เขตจตุจักร และ การก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองเปรมประชากร ช่วงที่ 4 บริเวณพื้นที่ชุมชนประชาร่วมใจ 1
.
ตามแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลอง และการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 โดยมีกรอบการดำเนินงาน 4 ด้าน คือ
.
1.ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมของเมือง เช่น การสร้างเขื่อนระบายน้ำริมคลองเปรมประชากรเพื่อป้องกันน้ำท่วมและระบบรวบรวมบำบัดน้ำเสีย
.
2. ด้านการพัฒนาชุมชนริมคลอง ซึ่งมีเป้าหมายการพัฒนาที่อยู่อาศัยของทุกครัวเรือนอยู่ริมคลอง โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ พอช. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รับผิดชอบดำเนินการ มีกลุ่มเป้าหมายในเขตกรุงเทพมหานคร 3 เขต คือ
ดอนเมือง หลักสี่ และจตุจักร จำนวน 32 ชุมชน
และพื้นที่เทศบาลตำบลหลักหก อ.เมือง จังหวัดปทุมธานี 6 หมู่
กลุ่มเป้าหมายรวม 6,386 ครัวเรือน
ระยะความยาวตามแนวคลองประมาณ 17 กิโลเมตร
(จากความยาวทั้งหมด 50.8 กิโลเมตร)
.
3. ด้านการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน
.
และ 4.ด้านกฎหมายและการขับเคลื่อนงาน
.
ทางด้าน นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ ชี้แจงว่า
.
“การพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากรนั้น พอช. ได้กำหนดแผนระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2562 – 2565
โดยใช้รูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวทางโครงการบ้านมั่นคง ลักษณะเดียวกันกับการดำเนินโครงการที่คลองลาดพร้าว
โดยให้ชุมชนเป็นแกนหลักในการดำเนินโครงการ เริ่มจากการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์และจดทะเบียนเป็นสหกรณ์เพื่อเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ เพราะเป็นที่ดินราชพัสดุที่กรมธนารักษ์ดูแล
มีการออกแบบและวางผังร่วมกันทั้งชุมชน เพื่อขออนุญาตปลูกสร้างบ้านใหม่จากกรมธนารักษ์และท้องถิ่น เพื่อให้บ้านใหม่ที่จะสร้างขึ้นมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการอยู่อาศัย เปลี่ยนจากผู้บุกรุกเป็นผู้อยู่อาศัยที่ถูกต้องตามกฎหมาย และช่วยให้การดูแลรักษาสภาพแวดล้อมคลองเปรมประชากรเป็นไปได้อย่างยั่งยืน”
นายสมชาติกล่าวถึงความเป็นมาของการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมฯ
.
เปลี่ยนจาก “ผู้บุกรุกเป็นผู้อยู่อาศัยอย่างถูกต้อง” ดังนี้
.
1. ชาวบ้านริมคลองเปรมประชากร บริเวณที่รื้อย้าย 628 เมตร
(เพื่อสร้างบ้านใหม่และเปิดพื้นที่ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสร้างเขื่อนระบายน้ำ)
ส่วนใหญ่เข้ามาอยู่อาศัยในช่วงการสร้างหมู่บ้านเมืองเอก (ประมาณ 30-50ปี) บางครัวเรือนมาอยู่อาศัยในช่วงประมาณสิบปีหลัง ไม่ใช่ 77 ปีตามที่กล่าวอ้าง
และเป็นที่ดินราชพัสดุ กรมธนารักษ์ดูแล โดยรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาคลองเปรมประชากร ซึ่งจะต้องรื้อย้ายบ้านเรือนที่รุกล้ำคูคลองเพื่อเปิดพื้นที่สร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม
ขณะเดียวกันประชาชนก็จะได้พัฒนาที่อยู่อาศัย จากเดิมที่มีสภาพเป็นชุมชนแออัด บ้านเรือนทรุดโทรม สถานภาพบุกรุก เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยอย่างถูกต้อง โดยจะมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชน พัฒนาสิ่งแวดล้อม และคูคลองต่อไป
.
2. ทุกครัวเรือนผ่านกระบวนการรับรองสิทธิเพื่อเข้าร่วมโครงการ และเกือบทั้งหมดยินดีเข้าร่วมโครงการ เพื่อจะเปลี่ยนจากผู้อยู่อาศัยไม่ถูกต้องตามกฏหมายเป็นการอยู่อาศัยที่ถูกต้อง
ด้วยการเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์และปลูกสร้างบ้านตามแบบที่ได้รับการ อนุญาตจากท้องถิ่น ตามผังที่ได้ตกลงแบ่งปันที่ดินริมตลิ่งร่วมกัน
(ดำเนินโครงการเฟสแรก จำนวน 210 ครัวเรือน มีเพียง 3 ครัวเรือน ที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการและรื้อถอนบ้านเดิมที่ผิดกฎหมาย โดยมีการต่อต้าน 1 ครัวเรือน)
3. การกู้เงินเพื่อปลูกสร้างบ้านเป็นการกู้จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ (โดยสหกรณ์เคหสถานที่จัดตั้งขึ้นจากสมาชิกชุมชนในนามสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด)
กระจายไปแต่ละครัวเรือนๆ ละ 360,000 บาท จากราคาบ้านที่ประมาณการ 460,000 บาท
โดยส่วนต่างเป็นการออมสบทบของสมาชิกและเงินอุดหนุนจากรัฐบาล
ภาระการผ่อนครัวเรือนละ 2,580 บาท/เดือน ระยะเวลา 20 ปี
นอกจากรัฐอุดหนุนเรื่องก่อสร้างบ้านเพื่อให้ชาวบ้านกู้เงินไม่สูงมากจนเกินภาระของครัวเรือนแล้ว ยังมีงบช่วยเหลือเรื่องระบบสาธารณูปโภค และค่าเช่าบ้านในช่วงรื้อย้ายบ้านเดิมและสร้างบ้านใหม่ (รวมงบอุดหนุนให้แต่ละครัวเรือน 147,000 บาท)
.
การกำหนดแบบบ้านจะพิจารณาจากความสามารถในการรับภาระของครัวเรือนด้วย (ดูจากเงินออมทรัพย์สมทบต่อเดือน)
โดยมีสมาชิก 10 ครัวเรือนที่เลือกแบบบ้านชั้นเดียว
เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพรายได้ โดยมีภาระผ่อนชำระประมาณ 1,500 บาท/เดือน
.
ส่วนภาระค่าเช่าที่ดินของกรมธนารักษ์ กรมธนารักษ์จะคิดค่าเช่าในอัตราผ่อนปรน
ปัจจุบันเฉลี่ย 60 บาท/ครัวเรือน หรือปีละ 720 บาท
(ขนาดที่ดินต่อครัวเรือน 4X7 ตารางเมตร ไม่รวมพื้นที่ส่วนกลาง)
มีการปรับค่าเช่า 3 ปี/ครั้ง ๆ ละ 9% โดยประมาณคาดว่าค่าเช่าในปีที่ 28-30 จะอยู่ที่ครัวเรือนละประมาณ 120 บาท/เดือน
(ค่าเช่ารวม 30 ปีต่อครัวเรือนรวมไม่เกิน 30,000 บาท)
ต่อไปคูคลองของไทยก็จะคล้ายเวนิส ที่อิตาลีเลยนะครับ
ไปดูความคืบหน้าไปถึงใหนละ ก่อสร้างบ้านริมคลองเปรมประชากร..
----------------------
ที่มาข้อมูลเพจ Thailand Vision
ขอบคุณภาพ
บ้านคือจุดเริ่มต้นแห่งความสุข บ้านน่าอยู่ สิ่งดีๆก็ตามมา..
นี่คือผลงานอีกหนึ่งที่น่าชื่นชมใช่มั้ยครับ