เที่ยวเกาะลันตาช่วงมรสุมรุมเร้า ไม่เหงาและปลอดภัย
เมื่อตัดสินใจออกเดินทางไปพักผ่อนในช่วงโควิดที่หลายจังหวัดสั่งให้อยู่บ้านเพื่อลดเชื้อ แต่เมื่อเช็คๆดูแล้วสถานที่ต่างๆ ก็ไม่ได้ปิดและแทบจะไม่มีคนไปพัก การเดินทางในครั้งนี้ก็ได้เริ่มขึ้น เราไปทั้งครอบครัวโดยรถส่วนตัวนะ เนื่องจากอยู่บ้านนานมากกกก และไม่ได้ออกไปไหนเลยก่อนออกเดินทางก็หาข้อมูลมาเยอะมาก เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ก่อนไปก็สอบถามรายละเอียดที่พักหลายรอบมาก สุดท้ายก็ตัดสินใจขับรถออกจากบ้านไปยังเกาะลันตาที่ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียว ก่อนไปก็อ่านรีวิว การเป็นอยู่ อาหารการกิน หลังจากนั้นก็ดูแผนที่ สอบถามฝนฟ้าอากาศ เช็คเส้นทางด่านตรวจ ทุกอย่างพร้อมก็ออกเดินทางกันเล้ยยย
ออกเดินทางครั้งนี้เราออกเดินทางเวลา 6.00 น.พร้อมสมาชิกอีก 5 คน จากพัทลุง แวะเติมน้ำมันปั๊มปตท.ก่อนแยกเข้าจ.ตรัง คิดแระว่าไม่แวะที่ไหนแล้ว นอกจากเข้าห้องน้ำในปั๊ม อาหารเช้าแม่ก็นึ่งข้าวเหนียวหมูฝอยพกมาในรถ (ดูแล้วยุ่งยากเนอะ แต่คนในบ้านตกลงกันแบบนี้ อยากเที่ยวแบบปลอดภัย) ระหว่างทางแวะถ่ายรูปช้างบนเขาบรรทัด ยามเช้าอากาศดีไม่มีคนเลย ปลอดภัยลงจากรถได้
อากาศดี มีแดดอ่อนๆ ไม่ร้อนเลย พื้นเปียก น่าจะฝนตกเมื่อตอนเช้ามืด
ถ่ายรูปกันประมาณครึ่งชม.แล้วขับรถไปต่อเข้าเขตจังหวัดกระบี่ตลอดเส้นทางมีฝนตกพรำๆ ตลอดทาง รถน้อยขับสบาย มีทำถนนระหว่างทางบ้างนิดหน่อย มาถึงไวกว่ากำหนดเลยขับรถเลยไป อ.เหนือคลอง พอไปถึงตลาดเห็นคนค่อนข้างเยอะเลยวนรถกลับ เข้าท่าเรือมุ่งหน้าสู่เกาะลันตา ถึงท่าเรือ 10โมงกว่าๆ บริเวณท่าเรือมีรถไปเกาะไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน
บนแพขนานยนต์ ข้ามระหว่างพื้นดินไปเกาะลันตาน้อย และรถรอขึ้นแพขนานยนต์เพื่อกลับฝั่งกระบี่
ระหว่างอยู่บนแพขนานยนต์ข้ามไปเกาะลันตาน้อยก็กินข้าวเหนียวหมูฝอย เพิ่มพลังกันหน่อย
ถึงแล้วเกาะลันตา ขับรถต่อไปเพื่อข้ามสะพานสิริลันตาไปเกาะลันตาใหญ่
กินไปชมวิวข้างทางเพลินๆ แป๊บบเดียวแพก็พาเราถึงเกาะลันตาน้อย ขับรถไปต่อสองข้างทางมีรถสวนน้อยมาก ขับมาเรื่อยๆ จนข้ามสะพานสิริลันตาไปสู่เกาะลันตาใหญ่ จุดหมายของเรา คือ ทวินเบย์ รีสอร์ท ที่หาดคอกวาง เราได้จองที่พักที่นั่นไว้ เมื่อมาถึงเกาะลันตาใหญ่ ตอนแรกว่าจะแวะเข้าตลาดเพื่อไปกินมื้อเที่ยง แต่ปรากฎว่าเมื่อเข้าไปในตลาดเงียบมากจนต้องเข้าไปกินอาหารเที่ยงในที่พักเลย
เข้ามาบริเวณหาดคอกวางระหว่างทางลมแรง เห็นคลื่นซัดกำแพงน้ำกระเด็น สวยดี เลยจอดรถลงดู กะว่าจะดูแป๊บเดียว ไปๆมาๆ แวะเกือบครึ่งชม.น่าจะเพราะไม่ได้ออกจากบ้านกันนาน ทุกสิ่งอย่างรอบตัวมันช่างน่าตื่นเต้นไปหมด
หันไปดูแต่ละคนถือกล้อง รอเล็งจังหวะคลื่นซัดมา เลยลองบ้าง เก็บภาพกันอย่างเพลิดเพลิน
ที่พักที่จองไว้อย่างที่บอกไว้ตอนต้น คือ ทวินเบย์ รีสอร์ท ที่หาดคอกวาง ซึ่งด้านหน้าติดทะเล ด้านหลังก็ติดทะเล หลังจากนี้ ครอบครัวของเราก็อาจจะอยู่แต่ในที่พักตลอดแระ ส่วนบรรยากาศที่พักนั้น….ให้ภาพบรรยาย
บริเวณด้านหน้าของ ทวินเบย์ รีสอร์ท ร่มรื่น เย็นสบาย ตรงข้ามรีสอร์ท ติดทะเล และทางเข้ามีมุมถ่ายรูปเล่น
เข้ามาเจอการต้อนรับที่น่ารักของน้องๆพนักงานก่อนเข้าพักในรีสอร์ท ก็ได้มีการวัดอุณหภูมิ ล้างมือโดยเจลฆ่าเชื้อและแจ้งเรื่องมาตรการปลอดภัยก่อนเลย อ่อ! พนักงานจะแจ้งก่อนเลยนะว่าจะไม่มาบริการเราตลอดเพื่อเว้นระยะห่าง แต่หากต้องการอะไร สามารถเรียกได้ตลอดเวลา (ประมาณดูแลห่างๆ อย่างห่วงๆ 555) ระหว่างที่แจ้งรายละเอียด ก็จะมี Welcome Drink มาให้ดื่ม (น้ำว่านกาบหอย ผ้าเย็น และขนมเอแคลร์) กินแล้วสดชื่นดี ส่วนขนมน้านนนเด็กๆ กวาดเรียบ แทบจะไม่ทันถ่ายรูป
มาที่ห้องพัก เราจองห้อง Suit Family Bungalow อยู่ติดหาดริมสุด เข้ามาภายในห้อง คือใหญ่และมีความเป็นส่วนตัว แบ่งเป็นสัดส่วน มุมของเด็กๆ น่ารักดี มีห้องแต่งตัวไว้วางสัมภาระ ซึ่งเหมาะกับครอบครัวเรามาก (ถ้าไม่มีห้องนี้ กระเป๋าเต็มห้องแน่นอน)
ออกมาด้านหน้าห้องก็มีเก้าอี้ชายหาดไว้นอนเล่น เหมาะกับการนอนรับลม ฟังเสียงคลื่น มองออกไปเห็นชายหาด
หลังจากชมห้องพักกันจนลืมหิว น้องพนักงานก็มาเรียกไปทานมื้อเที่ยง ซึ่งเราได้สั่งไว้ตอนเช็คอินแล้ว เมนูมื้อแรกของที่นี่ คือ ข้าวผัดทะเล ต้มยำรวมมิตร แกงจืดเต้าหู้ และผัดผักรวมมิตร
รูปที่ออกมาก็จะเห็นแค่แว๊บเดียว ไม่สามารถถ่ายรวมกันได้ เพราะวางเมื่อไหร่ คือ เกลี้ยง ข้าวผัดทะเลกุ้งตัวใหญ่ๆ หมึกสดกรอบๆ หลังจากอาหารคาวแล้ว ก็สั่งสมูทตี้มาลองชิม
(มะม่วง, สตรอเบอร์รี่, น้ำผึ้งมะนาว) ทานแล้วสดชื่น จนต้องสั่งเพิ่ม 555
หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อเที่ยง ก็คิดว่าจะกลับไปเปลี่ยนชุดเดินเล่น แต่ฝนเริ่มตก อาจจะเพราะที่นั่นเข้าสู่ช่วงมรสุมแล้ว สอบถามน้องพนักงาน น้องก็บอกว่าเกาะลันตา หน้ามรสุมก็สามารถนั่งแพขนานยนต์มาเที่ยว มาพักผ่อน แต่ไม่สามารถนั่งเรือไปดูประการังได้ ซึ่งเหมาะกับคนที่อยากมาพักผ่อนแบบเบาๆ อย่างครอบครัวเราเลย ประมาณว่าแค่ออกจากบ้านมานอนรับลมทะเลก็พอแระ ช่วงบ่ายวางแผนไว้ว่าถ้าฝนไม่ตกจะไปดำน้ำดูปะการัง แถบโขดหิน แต่ปรากฎว่าน้ำลดจนสามารถเดินไปดูประการังและปูตัวเล็กได้สบายเลย ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เหมาะกับช่วงมรสุมแบบนี้
มาต่อกับกิจกรรมของครอบครัวเราหลังฝนพรำกันเถอะ
ช่วงประมาณ 4 โมงเย็นฝนหยุดตก แต่ฟ้ายังครึ้ม น้ำลดลงไปเยอะจนสามารถเดินเล่นชายหาดได้ ซึ่งด้านหลังที่พักจะเป็นชายหาด เดินเล่นดูปู ปีนหินไปดูเค้าตกปลา รอบๆ โขดหินก็จะมีประการังเพิ่งงอกมาเยอะเหมือนกัน เดินเล่นจนเย็น ลืมไปเลยว่านัดเด็กๆ เล่นน้ำ หันไปอีกที อยู่ในสระกันแล้ว
สระน้ำที่นี่ มี 3 สระ สระเด็ก สระสำหรับผู้ใหญ่แช่ตัว( น่าจะมีน้ำวนแต่ไม่มีใครเล่น เลยไม่ได้สอบถาม) และสระใหญ่ Infity Pool ที่ติดหาดทราย น่าจะถ่ายรูปสวย ต้องจัดสักหน่อย
และรูปที่ได้เมื่อให้หลานๆ ถ่ายรูปให้ก็ออกมาประมาณนี้ เฮ้อ!!!!หนักใจ
หลังจากเล่นน้ำกันเสร็จก็ได้เวลาอาหารมื้อเย็น ตอนแรกตั้งใจว่าจะกิน ปิ้ง ย่าง ริมทะเล แต่ฝนก็มาซะงั้น เลยเปลี่ยนแผนมากินในห้องอาหาร ของทางรีสอร์ท
แม้จะอยู่ในห้องอาหารก็ยังสนุกและอร่อยเช่นเดิม ตากล้องเรียกให้ถ่ายรูปก็ไม่มีใครสนใจ มุ่งมั่นกับอาหารตรงหน้ามาก
หมูกระทะ เฟรนช์ฟรายส์ ข้าวผัดกระเทียม ไก่ทอด เด็กๆ ก็สนุกกันการปิ้งย่าง ผู้ใหญ่ก็เพลินกับการกิน อิ่ม อร่อย เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน กลับเข้าห้องพัก บ๊าย บาย สำหรับคืนแรก
เช้าวันที่ 2 ตื่นมากับการนอนที่เต็มอิ่ม 6 โมงเช้ารับแดดอ่อนๆ ตื่นแล้วเห็นแต่เด็กๆนอนกันอยู่ ส่วนพ่อกับแม่นั้น ออกไปเดินหาดกันแล้ว ปลุกเด็กๆ แล้วรีบออกไปเดินเล่น บรรยากาศยามเช้าน้ำลดลงจนเดินไปได้ถึงโขดหิน ทะเลที่นี่ยังค่อนข้างสมบูรณ์ มองไปที่โขดหินจะเห็นประการังและหญ้าทะเลเล็กๆ งอกออกมา หอยและปูตัวเล็กๆ เยอะ ปูทหารอยู่บนชายหาดหลายๆ ฝูงเลย วิ่งจับจนเกือบลืมเวลาอาหารเช้า
ยามเช้าอากาศดี วันนี้มีแสงแดดอ่อนๆ ให้ได้ชื่นใจ เดินเล่นดูหินดูทราย
บรรยากาศด้านหน้ารีสอร์ทอีกฝั่ง สามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ยามเช้า พ่อตื่นเช้าเดินไปเก็บภาพมา วิวดีมากเลยทีเดียว
แล้วก็ถึงเวลาอาหารเช้าที่มีเมนูให้เลือก
กินอาหารเช้าเสร็จแล้วก็เล่นน้ำในสระกันต่อ แล้วออกไปขับรถเล่นรอบๆ เกาะ
บนเกาะเงียบมาก มีก่อสร้างถนนเป็นระยะ ร้านอาหารก็ปิดเกือบหมด จนสุดท้ายกลับมากินมื้อเที่ยงที่รีสอร์ท
มื้อเที่ยงวันที่ 2 ทางรีสอร์ทนำเสนอ อาหารระหว่างรอข้าวมา คือ พิชซ่าไส้กรอกชีส เมนูนี้เราขอแนะนำเลยหล่ะ
กินเรียกน้ำย่อย อร่อยจริง สำหรับเราคือ ไม่ต้องใส่ซอสใดๆ เพิ่ม กำลังดี แป้งกรอบ
และต่อมาก็ตามด้วยมื้อเที่ยง แบบจริงจัง ปีกไก่ทอด ข้าวเหนียว กุ้งทอดใบเล็บครุฑ ต้มส้มปลาทู ยำรวมมิตร ข้าวเปล่า
อาหารมาคือ ทุกคนพร้อม ถ่ายรูปแทบไม่ทันเช่นเดิม ได้มาอย่างที่เห็น อาหารรสชาติพอดี ปริมาณพออิ่ม
เสร็จมื้อเที่ยงวันนี้ มีนัดกับกิจกรรมผ้าบาติกประมาณบ่าย 2 คุณครูมาพร้อมด้วยผ้าที่วาดรูปมาพร้อมลงสี สีและอุปกรณ์สำหรับลงสี เด็กๆก็พร้อม แม่มาดูด้วย กิจกรรมนี้เราว่าเหมาะกับทุกๆ วัยเลยนะ ได้ฝึกสมาธิ และจดจ่อกับสิ่งที่ทำ ทำเสร็จก็มีผลงานกลับบ้านซึ่งเด็กๆ ชอบและตื่นเต้นมาก มีผลงานชิ้นเดียวในโลกเป็นของตัวเอง(เด็กๆว่างั้น)
หลังจากทำผ้าบาติกเสร็จแล้วคิดว่าจะชวนเด็กๆ ขี่ม้า แต่เห็นคนเยอะที่บริเวณชายหาด ไปถามดูปรากฎว่าเค้าเดินหาหอย แม่เลยชวนหาด้วย หากันนานไม่เจอซักตัว จนน้องพนักงานเดินมา บอกอาหารเย็นพร้อมแล้ว วันนี้อากาศดี เลยได้ตั้งโต๊ะกินริมทะเล บรรยากาศโรแมนติกมากกกกก กินอาหารริมทะเลแบบนี้ มันเป็นส่วนตัวจริงๆ กินไปชมทะเลไป
มื้อเย็นวันนี้ แกงเหลืองปลากะพงอ้อดิบ น้ำพริกกุ้งสดพร้อมผัก ใบเหลียงผัดไข่ ผัดสะตอกะปิกุ้ง และข้าวเปล่ากินอาหารเย็นเสร็จ เด็กๆ ชวนลงเล่นน้ำในสระอีกรอบ สอบถามแล้วเค้าบอกว่าเล่นได้ตลอด เด็กๆ เลยชวนเล่นน้ำตลอดเวลาที่ว่าง แม้แต่ตอนค่ำ
วันที่ 3 วันสุดท้ายของการพักที่นี่ ทวินเบย์ รีสอร์ท เริ่มต้นด้วยการเดินเล่นริมหาด แต่วันนี้มาพร้อมด้วยการถ่ายรูปโพสท่าริมทะเล แสงแดดกำลังดี มุมกำลังโดน แม่เลยขอร่วมเป็นนางแบบด้วย ให้หลานช่วยเป็นตากล้องให้ สนุกสนานกันมาก
หลังจากนั้นก็ทานอาหารเช้า แล้วลงเล่นน้ำในสระก่อนจะไปเก็บของเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับบ้าน ก่อนกลับก็สั่งชานมไต้หวันมาโด๊ปเอาแรงสักหน่อย สดชื่นนน พร้อมเดินทางต่อ
3 วันกับการพักที่ทวินเบย์ รีสอร์ท เวลามันช่างสั้นมาก ไม่เบื่อเลย ตอนแรกคิดว่าจะนอนพักผ่อน อ่านหนังสือ แต่ด้วยเวลาอันสั้น 555 การอ่านหนังสือและนอนนิ่งๆ ฟังเสียงคลื่นต้องตัดทิ้งไป ไว้คราวหน้า ค่อยมาแก้ตัวใหม่นะ
แล้วก็ถึงเวลา Check out ฝนก็ได้เทลงมา เราก็รีบ ขนสัมภาระขึ้นรถ น้องๆพนักงานมาส่ง อบอุ่นดี
ขับรถออกจากที่พัก คิดไว้ว่าถ้าฝนหยุดตกจะแวะไปหมู่บ้านทำผ้าบาติกซึ่งอยู่อีกฝั่งนึงของเกาะลันตาใหญ่ แต่ฝนยังตกเรื่อยๆ เลยขับรถมุ่งตรงไปยังท่าเรือเพื่อขึ้นแพขนานยนต์กลับฝั่ง กลับขึ้นฝั่งมาเจอร้านขายหอย และปู แวะซื้อหอยเจดีย์และหอยหวาน ตัวเป็นๆอยู่เลย ได้มาถุงใหญ่ๆ
ฝนยังคงตกเป็นระยะ แวะ 7-11 แถวคลองพน เพื่อซื้ออาหารกินรองท้องไปก่อน ด้วยความกลัวหิวเลยซื้อมาเยอะมาก จนไม่ได้แวะร้านอาหารอีก มุ่งตรงจ.พัทลุงเลย
จบทริปเกาะลันตา แบบส่วนตั๊ว ส่วนตัว พื้นที่เกาะลันตาในวันนี้ยังเป็นพื้นที่สีเขียว ส่วนพัทลุงน้านนน เป็นพื้นที่สีเหลือง ที่เมื่อกลับมาก็ต้องระวังตัวในการใช้ชีวิตต่อไป…