"จิราพร สินธุไพร" ตั้งคำถามว่า หากรัฐบาลอ้างเหตุ ‘จำเป็นเร่งด่วน’ ต้องใช้งบประมาณเพื่อเยียวยาวิกฤตโรคระบาด เท่ากับรัฐบาลบีบให้ประชาชนแบกหนี้แทนตน
จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด อภิปราย พ.ร.ก. เงินกู้ จำนวน 5 แสนล้านบาท โดยตั้งคำถามว่า หากรัฐบาลอ้างเหตุ ‘จำเป็นเร่งด่วน’ ต้องใช้งบประมาณเพื่อเยียวยาวิกฤตโรคระบาดและไม่สามารถตั้งงบประมาณแบบปกติผ่านกระบวนการทางสภา ตราออกมาเป็น ‘พ.ร.บ.’ ได้ทัน จึงต้องใช้การกู้เงินผ่าน ‘พ.ร.ก.’ โดยอ้างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 172 ที่ว่า “การตราพระราชกำหนดตามวรรคหนึ่ง ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้” นั้น หากดูที่มาที่ไปของ พ.ร.ก.เงินกู้ฉบับนี้จะพบว่า รัฐบาลสามารถกู้เงินผ่านวิธีการออกเป็น ‘พ.ร.บ.’ ได้ เพียงแต่รัฐบาลไม่เลือกใช้ แต่กลับอ้าง ‘ความเร่งด่วน’ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและบังคับให้สภาผ่าน พ.ร.ก.เงินกู้ ฉบับนี้โดยเร็ว
จิราพร ไล่เรียงไทม์ไลน์ว่า วันที่ 31 พ.ค. - 2 มิ.ย. ช่วงอภิปรายร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 รัฐบาลถูกวิจารณ์อย่างหนัก ว่าจัดสรรงบประมาณไม่สอดคล้องกับวิกฤตโรคระบาด ไม่ตั้งงบแก้โควิด-19 ไว้ในงบกลางเหมือน พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ที่ตั้งเอาไว้ 40,000 ล้านบาท
โดย พลเอกประยุทธ์ ชี้แจงว่า งบสาธารณสุขส่วนที่จะใช้แก้ปัญหาโรคระบาดจะเอามาจาก พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาทฉบับนี้ โดยจะตั้งวงเงินเอาไว้จำนวน 30,000 ล้านบาท
แปลว่ารัฐบาลวางแผนจะกู้เงิน 5 แสนล้านบาทนี้ ตั้งแต่แรก
จึงจงใจไม่จัดงบสาธารณสุขไว้ในร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565
แต่เก็บมากู้นอกระบบ ซึ่งจะยากต่อการตรวจสอบ
เมื่อเป็นแบบนี้ ต่อให้รัฐบาลบอกว่า พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาทนี้ เป็นการกู้กรณี ‘ฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้’ จึง #ฟังไม่ขึ้น
อีกประเด็นคือ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา สำนักบริหารหนี้สาธารณะชี้แจงว่างบประมาณปี 2564 ซึ่งจะสิ้นปีงบประมาณในเดือนกันยายนนี้ เงินในก้อน 5 แสนล้านบาทนี้ รัฐบาลวางแผนจะกู้เงินเพียง 1 แสนล้านบาทเท่านั้น ส่วนเงินที่เหลืออีก 4 แสนล้านบาทจะเป็นการทยอยกู้และกว่าจะได้ใช้เงินจำนวนนี้จริงก็ต้องรอปีงบประมาณใหม่
นั่นแปลว่า เงิน 4 แสนล้านบาทที่เหลือ จึงไม่ใช่เร่งด่วน!
หากรัฐบาลต้องการแสดงความจริงใจในการใช้เงินภาษีของประชาชน ก็ควรใส่แผนการใช้เงินจำนวนนี้ไว้ใน พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ตั้งแต่แรก
การกู้เงินก่อนหน้านี้จำนวน 1 ล้านล้านบาท ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าใจดีถึงความเดือดร้อนของประชาชน จึงยอมให้รัฐบาลกู้เงินจำนวนมากไปเพื่อหวังว่ารัฐบาลจะนำไปช่วยแก้ปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
แต่ผ่านมา 1 ปี 4 เดือน ประเทศไทยผ่านการระบาดใหญ่มาถึงครั้งที่ 3 เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลไม่เคยเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาการจัดการวิกฤตจนทำให้สถานการณ์เลวร้ายเช่นในปัจจุบัน
แล้วจะให้รัฐสภาไว้ใจยอมให้กู้เงินอีกได้อย่างไร ?
ต้องฝากบอกไปยังหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า บริหารเงินจำนวนมากไม่ได้แปลว่า เศรษฐกิจจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่อยู่ที่ ‘คนใช้เงิน’ ตราบใดที่ ‘คนใช้เงิน’ ไม่มีความรู้ความเข้าใจทางเศรษฐกิจเลยมาแก้ปัญหา เงินจำนวนมากนี้ก็จะถูกใช้ไปกับการแจก และทำให้ประชาชน ‘เจ้าของภาษี’ ต้องเป็นผู้แบกรับหนี้ โดยไม่มีอนาคต
“ที่ท่านถามว่ารู้จักคำว่า ‘อนาคต’ ดิฉันอยากตอบว่า ‘รู้จัก’ ค่ะ แต่ดิฉันไม่เห็นมันภายใต้การบริหารของพลเอกประยุทธ์ เราจะปล่อยให้คนที่บริหารล้มเหลวมา 7 ปี ทำเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทสูญหาย จะให้คนๆ นี้ใช้เงิน 5 แสนล้านบาท เพิ่มเติมอีกหรือ ?
“หยุดเอาประชาชนเป็นตัวประกัน เอาความเป็นความตายประชาชนมาเป็นข้ออ้างเพื่อประโยชน์ทางการเมือง หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ เอาประโยชน์ของพรรคพวกตัวเองเป็นที่ตั้ง โยนหนี้ก้อนโตให้คนในประเทศเป็นคนแบกรับแทน ขอบคุณค่ะ”
จิราพร อภิปรายจบภายใน 10 นาที เธอพับไมค์
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/politics991/photos/a.112306483711166/340265440915268/