ค้างค่าโทรศัพท์-ค่าอินเทอร์เน็ตรายเดือน โดนฟ้องไหม? โพสต์นี้มีคำตอบ
ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี รายรับรายจ่าย หลายคนชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็อาจจะประสบปัญหากับการค้างจ่ายค่าบริการรายเดือนโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต รวมถึงค่าโทรศัพท์มือถือที่ยังคงติดสัญญาพ่วงรายเดือนที่ยังไม่ครบสัญญาการใช้บริการ ที่ผ่านมายังมีความเข้าใจผิดของผู้ใช้บริการอีกมากเกี่ยวกับคดีการเป็นหนี้ค้างชำระค่าบริการสาธารณูปโภคเหล่านี้ โพสต์นี้ เราจึงรวบรวม 5 เรื่องความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการเบี้ยวหนี้ มาฝากกัน
ซึ่งต้องทำความเข้าใจกันอีกครั้งว่า การเป็นหนี้นั้น ต้องชดใช้ทุกกรณี แม้จะเป็นการค้างชำระค่าบริการแค่เพียงหลักร้อย หลักพัน หลายคนเข้าใจผิดว่ายอดหนี้ไม่เยอะ บริษัทโอเปอเรเตอร์ต่างๆ เค้าคงไม่เสียเวลามายื่นฟ้องขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นคดีความให้เสียเวลา เสียค่าทนาย ค่าศาล แต่อันที่จริงแล้วหากรวมๆยอดหนี้ของลูกค้าหลายคนที่ค้างค่าบริการ ก็เป็นมูลหนี้มหาศาลสำหรับโอเปอร์เรเตอร์ผู้ให้บริการเช่นกัน จงจำไว้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นหนี้ 10 บาท หรือ 20 บาท ถ้าคุณไม่ชำระหนี้ เขาฟ้องศาล ถึงแม้จะเป็นคดีแพ่ง แต่เขาก็สามารถที่จะยึดทรัพย์สินของคุณได้ ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะมีมูลค่าเท่าไหร่ก็ตาม
ซึ่งตามหลักกฏหมายแล้วการที่จะบังคับชำระหนี้ สำหรับลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระ เจ้าหนี้ก็จะต้องไปฟ้องศาล พอเรื่องถึงฟ้องศาลหากเจ้าหนี้ชนะคดี ศาลสั่งให้ลูกหนี้จ่ายแล้วลูกหนี้ก็ยังไม่จ่าย เจ้าหนี้ก็ต้องไปผ่านขั้นตอน ไปสืบทรัพย์ว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินอะไรบ้าง ดั่งที่เคยเป็นข่าวดังเมื่อปลายปีที่แล้ว
โดยในเคสนี้ทนายรัชพล ศิริสาคร จากเพจเฟซบุ๊ก สายตรงกฎหมาย โดย ทนายรัชพล ศิริสาคร ให้ความเห็นว่า
“เป็นเรื่องสัญญา คนที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาก็ต้องถูกบังคับชำระหนี้ เป็นกระบวนการทางกฎหมาย มันเป็นเรื่องปกติในวงการกฎหมาย แต่ว่าชาวบ้านอาจจะมองว่าไม่เป็นธรรม แต่จริงๆ แล้วเป็นเรื่องปกติครับ
การที่จะบังคับชำระหนี้ สำหรับลูกหนี้ที่เขาเบี้ยวมันก็เป็นไปตามกฎหมายแล้วครับ ก็คือว่า ถ้าลูกหนี้เบี้ยวไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็จะต้องไปฟ้องศาล พอฟ้องศาลปุ๊บ สมมติว่าชนะคดี ศาลสั่งให้ลูกหนี้จ่ายแล้วลูกหนี้ก็ยังไม่จ่าย เจ้าหนี้ก็ต้องไปผ่านขั้นตอน ไปสืบทรัพย์ว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินอะไรบ้าง
สมมติว่า อย่างเคสนี้เจอทรัพย์สินว่าลูกหนี้มีที่ดิน ก็ต้องดำเนินการขั้นตอนต่อไปก็คือบังคับคดี บังคับคดีก็คือ เอาที่ดิน ยึดที่ดินมานะครับ แล้วก็ไปขาดทอดตลาดได้เท่าไหร่ก็เอาเงินมาชำระหนี้ ส่วนที่เหลือก็ต้องคืนแก่ลูกหนี้ ก็ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างแล้ว เพราะฉะนั้นลูกหนี้ ถ้าใครรู้ว่าตัวเองเป็นหนี้อยู่แล้วไปเบี้ยวหนี้ อาจจะถูกบังคับคดี ยึดทรัพย์สินได้นะครับ ถ้ารู้ตัวเองว่าเป็นลูกหนี้ก็ควรชำระหนี้ อย่าปล่อยให้เกิดการฟ้องศาล หรือว่าบังคับชำระหนี้ขึ้นมา ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดความเสียหายอย่างเช่นกรณีตัวอย่างได้”