ชาวกะเหรี่ยงหลบหนีเข้าไทย หลังถูกกองทัพเมียนมาไล่ฆ่า
"อุทยานสันติภาพสาละวิน" เรียกร้องสหประชาชาติ เร่งดำเนินการเพื่อช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรมแก่ผู้อพยพจากรัฐกะเหรี่ยงด่วน จากการป้องกันการสังหารเพิ่ม
หลังทหารพม่าได้เข้าโจมตี ในเขตเดปูโหน่ รัฐกะเหรี่ยง ในอุทยานสันติภาพสาละวิน เพื่อแสดงแสนยานุภาพ ทางทหารของทหารพม่า เหตุการณ์นี้มีเฮลิคอปเตอร์ตรวจการณ์ เข้ามาในเวลาประมาณ 15.30 น. เครื่องบินรบของทหารพม่า 2 ลำทิ้งระเบิด 9 ลูก และ ยิงปืนอัตโนมัติจากเครื่องบิน ตั้งแต่เวลา 19.30 น. จนถึงเที่ยงคืน ชาวบ้าน 3 คนเสียชีวิต จากการโจมตีทางอากาศ และมี 7 คนบาดเจ็บสาหัส บ้านเรือนและอาคารหลายหลัง ได้รับความเสียหาย
ผลจากการโจมตีเหล่านี้ ทำให้ชาวบ้านได้หลบหนีเข้าไปในป่า เพื่อซ่อนตัวจากกองทัพ ผู้คนจากหมู่บ้านริมแม่น้ำสาละวิน รวมทั้งหมู่บ้านแม่นึท่า หมู่บ้านอูแวโกล และ ค่ายผู้พลัดถิ่นอิตุท่า ได้ข้ามแม่น้ำสาละวิน เพื่อขอลี้ภัยเข้ามาในประเทศไทย
การโจมตีทางอากาศ ทำให้ตัดขาดการสื่อสาร จึงเป็นการยากที่จะยืนยันถึง จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้พลัดถิ่น ผู้ลี้ภัยที่แน่นอน กลุ่มข่าวท้องถิ่นและองค์กรชุมชน ได้รายงานว่าประชาชนจำนวนราวๆ 2,500-3,000 คน กำลังขอลี้ภัยในประเทศไทย ก่อนที่จะมีการโจมตีทางอากาศ
ทหารเมียนมา ได้ลักลอบยิงปืนใหญ่ ใส่หมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยง เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องหลบหนี จาการกบุกรุกอย่างต่อเนื่อง และ การโจมตีทางอากาศของทหารเมียนมา คาดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลง โดยมีผู้เสียชีวิตและการพลัดถิ่นเป็นจำนวนมาก...
ที่มา: https://www3.nhk.or.jp









