นายกเล็งถกหลังมติศาลรัฐธรรมนูญชี้คดีโฮปเวลล์ขัด รธน.
นายกฯ เตรียมนำคำวินิจฉัยของศาล รธน. พิจารณาอีกครั้งในแง่กฎหมาย หลังมีมติเสียงข้างมาก ชี้มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด กรณีนับอายุความในคดีโฮปเวลล์ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
วันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดี ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องเพิ่มเติม ขอให้ พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ม. 213 ว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ในวันที่ 27 พ.ย.2545 ซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเป็นระเบียบ ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ม.44 แต่ไม่ได้ดำเนินการตามหลายมาตรา จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ โดยขอให้สั่งเพิกถอนมติ หรือการกระทำดังกล่าว
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ในวันดังกล่าว เรื่องปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครองเป็นการออกระเบียบตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีฯ ม.44 แต่มิได้ดำเนินการตาม ม.5 และม.6 วรรคหนึ่ง จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ม.3 วรรคสอง และม.197 วรรคสี่
จากมติของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ย่อมมีผลต่อการที่กระทรวงคมนาคม และ รฟท. จะยื่นรื้อคดีใหม่ เนื่องจากหลังศาลปกครองฯ มีคำพิพากษาสั่งให้ทั้ง 2 หน่วยงานปฏิบัติตามมติอนุญาโตตุลาการ ที่ให้รัฐบาลต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับบริษัทโฮปเวลล์ กว่า 2.4 ล้านบาทนั้น กระทรวงคมนาคม และรฟท. ได้มอบหมายให้ทนายความ ยื่นหลักฐานใหม่ขอรื้อคดี โดยอ้างว่า บริษัท โฮปเวลล์ เป็นบริษัทต่างด้าวจดทะเบียนไม่ถูกต้อง แต่ก็ถูกตีตกทำให้คดีถึงที่สุด จนต้องร้องต่อผู้ตรวจฯ ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดในครั้งนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระบุกรณีนี้ว่า จะให้คณะทำงานติดตามรายละเอียดอีกครั้ง และนำคำวินิจฉัยกลับไปพิจารณา ว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินการอย่างไรต่อไปได้บ้าง ถ้าสามารถแก้ไขได้ก็ถือเป็นการดี เป็นการสงวนงบประมาณแผ่นดิน ทั้งนี้ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างระมัดระวังที่สุด และต้องเริ่มต้นทุกอย่างด้วยตามความถูกต้อง และกำชับไม่ให้เกิดการทุจริต
"ขอให้เข้าใจว่าประเด็นดังกล่าวเป็นสิ่งที่ค้างคามา จนถึงรัฐบาลนี้และได้พยายามแก้ไขโดยใช้กระบวนการทางกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่า รัฐบาลจะแก้ปัญหาเช่นนี้ต่อไป ในทุกเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ แต่หลายอย่างต้องใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไป" นายกฯ กล่าว
อ้างอิงจาก: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์