โฆษกัฐบาลแจงกรณีไทยไม่ได้สิทธิรับวัคซีนฟรีจากโครงการโคแวกซ์ (COVAX)
ขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย
มีหลายปัจจัย และพิจารณาอย่างรอบด้าน ระบุการเจรจากับผู้ผลิตโดยตรงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม!!
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวไทยตกขบวนรับวัคซีนฟรีจากโครงการโคแวกซ์ หรือโครงการเพื่อการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ระดับโลก ว่า โครงการ COVAX เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาด (Coalition for Epidemic Preparedness Innovations: CEPI), องค์กรกาวี (Gavi, the Vaccine Alliance) และองค์การอนามัยโลก จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกอย่างเท่าเทียม ซึ่งประเทศไทยได้ส่งหนังสือแสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมตั้งแต่ช่วงต้นของโครงการ แต่เนื่องจากกรอบการจัดสรรวัคซีน และข้อตกลงการจองวัคซีนที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลกในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงต้นของการพัฒนาวัคซีน แม้ว่าทำการจองไปแล้ว จะยังไม่ทราบว่าวัคซีนที่จองไปประสบความสำเร็จหรือไม่ การตัดสินใจของรัฐบาลเป็นไปอย่างรอบคอบท่ามกลางข้อจำกัดหลายด้าน ผ่านคณะทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข ที่มีผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในและนอกกระทรวง ทั้งด้านวิชาการ กฎหมาย การเงิน เพื่อร่วมกันพิจารณาเงื่อนไข จึงเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานระหว่างผลประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพราะอาจจะไม่ได้รับวัคซีนหากการพัฒนาไม่สำเร็จ ล่าช้า และจำเป็นต้องเสียเงินค่าจองล่วงหน้า
นอกจากนี้ ประเทศในอาเซียนที่จัดอยู่ในระดับที่มีรายได้ปานกลางจนถึงระดับสูง เช่น ไทย บรูไน สิงคโปร์ และมาเลเซีย จะไม่เข้าข่ายได้รับความช่วยเหลือให้ได้รับวัคซีนฟรี หรือให้ซื้อได้ในราคาถูกจากโครงการ COVAX เพราะรายได้ของไทยอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้ มี 6 ประเทศในอาเซียนที่ได้รับวัคซีนฟรี ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม อีกทั้งหากไทยหากต้องการเข้าร่วมโครงการการจัดซื้อจัดหาวัคซีนผ่าน COVAX จะต้องจ่ายเงินซื้อเองด้วยงบประมาณที่สูง และมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ ประเทศไทยทำความตกลงซื้อวัคซีนโควิด-19 จากผู้ผลิตโดยตรงจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ มีความยืดหยุ่นกว่า สามารถต่อรองราคาและเงื่อนไขได้โดยตรงกับผู้ผลิต ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ปิดกั้นการเจรจากับที่ใดหาก COVAX ปรับเงื่อนไขรวมถึงข้อเสนอต่างๆ ที่ไทยเห็นว่า เป็นประโยชน์ก็ยังสามารถทำข้อตกลงผ่าน COVAX ได้ในอนาคต
อ้างอิงจาก: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์