ประวัติศาสตร์ “เซ็กส์ทอย (Sex Toy)”
บทความนี้เป็นเรื่องของ “ประวัติศาสตร์ “เซ็กส์ทอย (Sex Toy)””
ในปัจจุบัน ตลาด “เซ็กส์ทอย (Sex Toy)” กำลังเติบโต มีการผลิตออกมาหลายรุ่น หลายประเภท อีกทั้งการเติบโตของอีคอมเมิร์ซก็ทำให้การสั่งซื้อเซ็กส์ทอยนั้นง่ายและรวดเร็ว
ในปีค.ศ.2018 (พ.ศ.2561) ตลาดเซ็กส์ทอยในสหรัฐอเมริกามีมูลค่าสูงถึง 26,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 800,000 ล้านบาท) โดยจากผลสำรวจ พบว่าชาวอเมริกันถึง 53% ใช้เซ็กส์ทอย
แต่ไม่ใช่เพียงแค่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น ทางฝั่งเอเชียก็ไม่น้อยหน้า โดยจีนเป็นประเทศที่ผลิตเซ็กส์ทอยเป็นจำนวนมากที่สุดในโลก ตั้งแต่ดิลโด ไปจนถึงตุ๊กตายาง และส่งขายทั่วโลก
และเมื่อตรวจดูประวัติศาสตร์ของเซ็กส์ทอย ก็พบว่ามีความเก่าแก่กว่าที่คิดและน่าสนใจ
ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น ขุนนางมักจะมีการใช้ที่ยัดรูทวารที่ทำมาจากหยก รวมถึงสายรัดอวัยวะเพศ ซึ่งใช้กันแพร่หลายทั้งชายหญิง
แต่เซ็กส์ทอยในสมัยราชวงศ์ฮั่นก็ยังไม่ได้เก่าแก่ที่สุด เซ็กส์ทอยที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบนั้นมีอายุกว่า 28,000 ปีเลยทีเดียว
มนุษย์ได้มีการสร้างดิลโดหรืออวัยวะเพศเทียมมานานแล้ว โดยในทีแรก ก็สร้างมาจากวัสดุง่ายๆ เช่น หินหรือกระดูกสัตว์ ก่อนจะใช้ลูกปัด แม้แต่ขนมปังก็เคยใช้ และพัฒนามาเป็นยางและพลาสติกในปัจจุบัน
1
ชนเผ่าพื้นเมืองในอเมริกาใต้ก็มีการใช้ขนม้ามาช่วยในเวลาที่ช่วยตัวเอง บางคนก็ประดับร่างกายด้วยงาช้างและใบไผ่เพื่อช่วยปลุกอารมณ์คู่นอน
ต่อมาในศตวรรษที่ 17 ชาวเรือที่ออกทะเลก็ได้คิดทำตุ๊กตายางขึ้นมา
ชาวเรือที่ออกทะเลไปเป็นเวลานานมักจะมีความเปลี่ยวเหงา จึงคิดทำตุ๊กตารูปผู้หญิง โดยเอาฟางมามัดรวมกัน ทำเป็นรูปผู้หญิง และแต่งตัวให้ตุ๊กตาด้วยเสื้อผ้าผู้หญิง
เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ “ไวเบรเตอร์ (Vibrator)” หรือเครื่องสั่นก็ได้รับความนิยม โดยในทีแรก ไม่ได้คิดจะให้เป็นเซ็กส์ทอย หากแต่เป็นเครื่องที่ช่วยในการบรรเทาอาการปวดหลังและลดน้ำหนัก
เซ็กส์ทอยได้มีพัฒนาการมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน และปัจจุบัน เซ็กส์ทอยก็เป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนสนใจและหากศึกษา ก็จะเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีประวัติความเป็นมายาวนานเลยทีเดียว