อ่านแล้วน้ำตาซึม.."พี่ครับ แถวนี้มีห้องน้ำมั้ยครับ" คำถามเดียวถึงกับจุกอก
“พี่ครับ แถวนี้มีห้องน้ำมั้ยครับ”
คำถามจากชายคนนี้ทำให้เราตอบยาก
น้องยืนขายคุ๊กกี้และขนมอยู่ข้างถนน น้องตาบอดทั้งสองข้าง ถามถึงห้องน้ำเสียงแผ่วหลังจากพวกเราอุดหนุนขนมน้องไป
“น่าจะมีนะครับ ตึกตรงนี้ ไม่ไกลมาก”
แล้วก็แว่บคิดว่าน้องมองไม่เห็น จะอธิบายทางกันยังไง
น้องค่อยๆคลำสัมภาระ เก็บขนมที่เอาออกมาวางขายกลับเข้ากล่องกระเป๋าลากใบใหญ่ ทีละชิ้น ทีละชิ้น ทีละชิ้น จนหมด คลำซิบ ปิดกระเป๋า คลำหาแก้วน้ำบนพื้นถนนที่เหลือแต่น้ำแข็งละลายก้นแก้ว
เมื่อน้องเงยตัวขึ้นมา เราเอ่ยปาก
“พี่พาไปนะ”
“ขอบคุณครับ” เสียงแผ่วเกรงใจ น้องทิ้งกระเป๋าลากที่มีของหากินทุกอย่างไว้ริมถนน
เรายื่นแขนให้น้องเกาะ พากันเดินไปตามฟุตบาท คอยบอกน้องเป็นระยะ
…ผ่านรอยแตกนะ ทางลาดลงนะ ทางเป็นแผ่นกระดกนะ เดี๋ยวจะข้ามทางรถไฟนะ ทางลาดขึ้นนะ มีบันไดนะ 3ขั้นนะครับ 1…2…3 เข้าตึกละนะ ถึงห้องน้ำแล้ว ฉี่ใช่มั้ย ตรงนี้โถฉี่ครับ…
เมื่อส่งน้องยืนหน้าโถ น้องค่อยๆคลำหารูปพรรณสัณฐานโถฉี่ คลำหาช่อง คลำหาที่วางไม้เท้า คลำหาปุ่มกดน้ำ … ตาเราเห็นว่าโถมันคงเลอะ แต่น้องก็ต้องคลำสินะ
รู้สึกจุกๆ
เมื่อน้องฉี่เสร็จ น้องใช้เวลาพอควรในการคลำหากางเกง หัวเข็มขัด รูเข็มขัด น้องน่ารักแม้มองตัวเองไม่เห็นแต่ตั้งใจแต่งตัวให้เรียบร้อย
เราพามาล้างมือที่โถ น้องคลำเปิดน้ำเอง กดสบู่เอง เราหยิบทิชชู่ให้น้อง น้องเช็ดมือเสร็จ เราขอทิชชู่ไปทิ้งให้ ส่งแขนให้น้องเกาะ แล้วก็พากันออกเดินกลับ
…ลงบันไดนะ ขั้น1 …2…3 ลงฟุตบาทนะ ทางแฉะนะ ทางลาดลงนะ ทางลาดขึ้นนะ ร่องทางรถไฟนะ ฝึกสติละเอียดข้างถนนกันเลย
จนกลับมาถึงจุดเดิมที่น้องขายขนม ทิ้งของไว้ ก็ต้องวางไว้แบบนี้แหละนะ เพราะแค่พาตัวเองไปเข้าห้องน้ำยังยาก มีพี่ยามBTSมาถามว่าไปไหนมา คงเป็นห่วงเพราะน่าจะเป็นคนพาลงมาจากสถานีข้างบน เราอุดหนุนขนมน้องกันอีกก่อนร่ำลา
เราเดินกลับทางเดิมเมื่อกี้ที่พาน้องไปเข้าห้องน้ำ แต่คราวนี้ใจมันสั่น แล้วน้ำตาเริ่มเอ่อ ทั้งห่วงและทั้งตื้นตัน ทางที่เราเคยเดินอย่างไม่เคยคิดถึงมันด้วยซ้ำ วันนี้มันกลับมีรายละเอียดมากจนเราใจหาย มันยากและอันตรายเหลือเกินถ้ามองไม่เห็น นี่แค่สัมผัสจากเท้า ไหนจะรอบตัวซ้ายขวา เหนือหัวอีกหละ เสียงจอแจที่อยู่รอบตัว มีอะไรจะพุ่งมามั้ย มันยังทางเดินอยู่มั้ย เป็นท่อระบายน้ำใหญ่ฝาเปิด หรือเป็นถนนรถวิ่งเร็วไปแล้ว
ทุกกิริยา ทุกการเคลื่อนไหว ติดตาติดใจเรามาก ตาพวกเราเห็น-ต้องรู้ว่าโลกกว้างขนาดไหน แต่น้องรู้ได้แค่สุดมือแตะ เราไม่รู้ว่าเราต้องบอกน้องละเอียดขนาดนั้นมั้ย สัมผัสน้องอาจจะดีกว่าที่เราคิด แต่มันห่วงไปหมด อธิบายทุกอย่าง เห็นแต่อุปสรรคที่มากมายจากถนนแค่ไม่กี่สิบเมตรที่เคยเดินไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
โลกใบเดียวกัน แต่กับบางคนมันยากกว่ามาก มากจนเราใจหาย
มันยากจริงๆ ไม่ใช่ยากเพราะแค่ไม่สะดวกสบาย
แต่โลกใบเดียวกันนี้ น้องเค้ายังตื่นมาอาบน้ำ แต่งตัว น้องคลำของจัดขนม จัดกระเป๋าเดินออกจากห้อง ลงบันได ออกถนน ขึ้นรถไฟฟ้า มายืนทำงาน
น้องอายุ 23 อยู่คนเดียว…และตาบอด
เราเดินกลั้นน้ำตาที่เอ่อแล้ว
เรานึกว่าเราพาน้องเดิน แต่น้องรู้มั้ย…น้องต่างหากที่พาพี่เดิน
น้องทำให้พี่รู้ค่าการเดินได้อย่างอิสระ การมองเห็น การทำได้
อุปสรรคใหญ่ๆที่กำลังมี ดูเล็กกว่าร่องถนน และขอบฟุตบาทของน้องอีก
ไม่มีใครดีกว่าด้อยกว่า ไม่มีใครต้องโทษใคร
เมื่อเกิดมา เจอแล้ว ก็ไม่โอดครวญนาน
ทุกคนล้วนกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่างทั้งนั้น
ขอบคุณน้อง ที่ให้พี่พาเดิน
ขอบคุณกิ๊ก
Kigkog Kookkig
ที่นำทางไปหาห้องน้ำให้
ขอบคุณอ้อม
Aom Wasinee
กับปอ
MangPor Sansita
ที่ยืนเฝ้าของให้น้องริมถนน
เรื่องนี้ไม่มีบทสรุปอะไร
ชีวิตไม่มีบทสรุป
ยังไม่สิ้นลมก็เดินต่อ
เลือกเอา…จะให้วันรุ่งขึ้นเป็นภาระ
หรือเป็นพร
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/photo?fbid=10158507123761438&set=a.10150101566466438