รู้หรือไม่!? "ตะเคียนทอง" ต้นไม้ที่คนชอบปลูก แต่ "ไม่ผลัดใบ"
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Hopea odorata Roxb.
ชื่อวงศ์ : DIPTEROCARPACEAE
ชื่อท้องถิ่น : ตะเคียน ตะเคียนใหญ่(ภาคกลาง) จูเค้ โซเก(กาญจนบุรี) จะเคียน(ภาคเหนือ) แคน(ภาคอีสาน)
กะกี้ โกกี้ (เชียงใหม่) ไพร (เชียงใหม่)
ชื่อสามัญ : Iron Wood, Thingan, Sace, Takian
ถิ่นกำเนิด : เอเชียเขตร้อน
แหล่งที่พบ : พบได้ทั่วไปในประเทศไทย
ลักษณะสัณฐาน : วิสัย ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ สูงได้ถึง 40 เมตร เรือนยอดแน่นสีเขียวเข้ม เป็นพุ่มกลม
ลำต้น เปลาตรง เปลือกต้นสีน้ำตาลดำแตกเป็นร่องลึกตามยาว เมื่ออายุมากขึ้นเปลือกจะเป็นเกล็ดๆ เปลือกชั้นในสีเหลืองหม่น มักมียางสีเหลืองซึมออกมา กิ่งแผ่กว้าง กิ่งแขนงเรียวเล็กลู่ลง
ใบ เป็นใบเดี่ยว(simple leaf) ออกเรียงสลับ(alternate) รูปไข่แคบหรือขอบขนาน(oblong) กว้าง 3-7 เซนติเมตร ยาว 8-16 เซนติเมตร เนื้อใบค่อนข้างหนา ปลายใบเรียวแหลมมีหาง(acuminate) โคนใบสอบ(attenuate) แผ่นใบบิดเป็นลอนเล็กน้อย แผ่นใบเรียบทั้งสองด้าน ใบอ่อนมีขนรูปดาวสีเทา ก้านใบสั้นเรียวเล็ก ยาว 1-1.8 เซนติเมตร หูใบเป็นรูปสามเหลี่ยม เส้นใบข้าง 11-12 คู่ และเส้นใบย่อยเชื่อมเป็นขั้นบันได หลังใบมีต่อมอยู่ตามง่ามแขนงเส้นใบ แผ่นใบบางแต่ค่อนข้างเหนียว
ดอก เป็นช่อแบบช่อแยกแขนง(panicle)ที่ซอกใบและปลายกิ่ง มีดอกย่อยช่อละ 40-50 ดอก ช่อยาว 5-7 เซนติเมตร ดอกสีเหลืองแกมน้ำตาล มีกลิ่นหอม มีขนนุ่ม กลีบดอกมี 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่กลีบดอกจะบิดคล้ายกงจักร ขนาดดอก 0.8-1 เซนติเมตร กลีบดอก 3-5 มิลลิเมตร ปลายกลีบหยักส่วนล่างบิดและเชื่อมติดกัน เกสรตัวผู้มี 15 อัน อับเรณูมียอดแหลม เกสรตัวเมียมีรังไข่เหนือวงกลีบ เรียวเล็ก ความยาวเท่ากับรังไข่ เมื่อหลุดจะร่วงทั้งชั้นรวมทั้งเกสรตัวผู้ติดไปด้วย กลีบเลี้ยงเล็กมากมี 5 กลีบ
ฝัก/ผล แห้งไม่แตก(samaroid) รูปกลมหรือรูปไข่เกลี้ยง ปลายมนเป็นติ่ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.6 เซนติเมตร มีปีกรูปใบพาย ยาว 1 คู่ ยาว 4-6 เซนติเมตร ปลายปีกกว้าง 1 เซนติเมตร ส่วนโคนเรียว มีเส้นตามยาว 9-11 เส้น ปีกสั้น 3 ปีก ซ้อนกัน ยาวน้อยกว่า 0.5 เซนติเมตร ปีกซ้อนกัน แต่หุ้มส่วนกลางผลไม่มิด ผลสีเขียวอ่อน เมื่อสุกสีน้ำตาลเข้ม
ฤดูกาลออกดอก: ราวเดือนธันวาคมถึงมีนาคม
ประโยชน์
เป็นไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของประเทศ เพราะเนื้อไม้มีความทนทาน ทนปลวกดี เลื่อย ไสกบ ตกแต่งและชักเงาได้ดีมาก นิยมใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน เครื่องเรือน หน้าต่าง วงกบประตู ทำพื้นกระดาน ฝ้าหลังคา รั้วไม้ หีบใส่ของ ด้ามเครื่องมือกสิกรรมต่าง ๆ พานท้ายและรางปืน หรือใช้ทำสะพาน ต่อเรือ ทำเรือมาด เรือขุด เรือแคนู เสาโป๊ะ กระโดงเรือ ทำรถลาก ทำหมอนรองรางรถไฟ ตัวถังรถ กังหันนั้น เกวียน หูกทอผ้า ทำไม้ฟืน ฯลฯ ไม้ชนิดนี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในงานไม้ได้ทุกอย่างที่ต้องการความแข็งแรงทนทาน เหนียวและเด้ง
เปลือกต้นให้น้ำฝาดชนิด Catechol และ Pyrogallol[1]
ชันจากไม้ตะเคียนใช้ทำน้ำมันชักเงาตบแต่งเครื่องใช้ในร่ม ใช้ผสมกับน้ำมันทาไม้ยาแนวเรือ หรือใช้ผมกับวัสดุอื่น ๆ เพื่อใช้ในงานต่าง ๆ เช่น ใช้สำหรับทาเคลือบเรือเพื่อช่วยรักษาเนื้อไม้และป้องกันเพรียงทำลาย เป็นต้น
ใบตะเคียนมีสารแทนนินอยู่ประมาณ 10% โดยน้ำหนักแห้ง ส่วนในเปลือกต้นก็มีสารประกอบนี้อยู่ด้วยเช่นกัน โดยคุณสมบัติของแทนนินที่ได้จากไม้ตะเคียนทองนี้ เมื่อนำมาใช้ฟอกหนังจะช่วยทำให้แผ่นหนังแข็งขึ้นกว่าเดิม จึงเหมาะกับการนำมาใช้เฉพาะงานได้เป็นอย่างดี
ใช้ปลูกตามป่าหรือตามสวนสมุนไพรเพื่อเป็นไม้บังลม เพื่อให้ร่มเงา และช่วยรักษาสมดุลทางธรรมชาติ เพราะไม้เป็นไม้ไม่ผลัดใบพร้อมกัน จึงเป็นไม้ที่ช่วยรักษาความเขียวได้ตลอดปี ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เป็นอย่างดี
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ปัตตานี
อ้างอิงจาก: https://sites.google.com/site/councilcoving1/laksna-thang-phvkssastr/takheiyn-thxng

















