โลกันต์สะเทือน! สิ้นสุด 40พรรษาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ มือขวาสมเด็จชิน ย่องลาสิกขาเงียบ แต่บก.ปปป.ยังตรวจสอบเงินทอนวัดอย่างเงียบๆเช่นกัน
พระราชมงคลดิลก (ประกอบ สุภากโร) หรือ “เจ้าคุณประกอบ” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เจ้าคณะเขตพระโขนง (ธรรมยุต) ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
เกิด 25 เมษายน พ.ศ. 2504
อายุ 59 ปี
พรรษา 40
วัด วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร
ท้องที่ กรุงเทพมหานคร
สังกัด ธรรมยุติกนิกาย
วุฒิการศึกษา น.ธ.เอก, ร.บ., ศศ.ม., Ph.D
นักธรรมชั้นเอก
Doctor of Philosophy (Ph.D.)
พ.ศ. 2545 สำเร็จ ปริญญารัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
พ.ศ. 2551 สำเร็จ ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ศศ.ม.) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
เจ้าคุณประกอบ มือขวาสมเด็จชิน
เจ้าคุณประกอบ ศิษย์สมเด็จหลวงปู่วิริยังค์
ก็ต้องถือว่าดังระดับ "ลานเทสะเทือน" สำหรับการ "ลาสิกขา" ของเจ้าคุณประกอบ-พระราชมงคลดิลก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธ เจ้าคณะเขตพระโขนง เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ และมีดีกรีการศึกษาระดับ "ด๊อกเตอร์" โกอินเตอร์ได้สบายๆ เป็นที่ไว้วางใจของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ หรือสมเด็จชิน จนได้รับฉายา "มือขวาสมเด็จชิน" รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ก็มีสิทธิ์ไปไกลถึง "สมเด็จ" ในอนาคต เหมือนสมเด็จชินเจ้านาย
แต่กลับกลายเป็นว่า "ลาสึกเงียบ" ไม่บอกไม่ลา ไม่มีพิธีรีตรองใดๆ ในวัดราชบพิธ ไม่มีใครไปเป็นสักขีพยานให้กำลังใจ แถมยังไปสึกเสียไกลที่ "วัดเสนาสนาราม" กรุงศรีอยุธยา ซึ่งแรกนั้นข่าวออกมาว่า "สึกที่พิษณุโลก" วันนี้เปลี่ยนเป็นที่อยุธยาไปเสียแล้ว
ลำพัง "สถานที่สึก" ก็ยังลับลวงพราง อย่างอื่นคงไม่ต้องพูดถึง แต่ยังไงก็เลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องพูด เพราะคนใหญ่คนโตระดับ "มือขวาสมเด็จชิน" แถมยังเป็น "ศิษย์ก้นกุฎิ" สมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธ สึกเงียบแบบนี้ ไม่พูดถึงไม่ได้หรอก นักข่าวตามตัวแจเชียว เจ้าคุณแป๊ะสึกเงียบแต่ดัง ฉันใด เจ้าคุณประกอบสึกเงียบก็ไม่สงบ ฉันนั้น
ถามว่า สาเหตุแห่งการสึกของเจ้าคุณประกอบนั้นคืออะไร ?
คำตอบก็คือว่า น่าจะมาจากปัญหาหลัก คือ เรื่องงานและเรื่องเงิน
เรื่องงานนั้น มี 2 งานหลัก คือ งานในวัดราชบพิธ หรือสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งจะต้องสนองงานสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งงานส่วนนี้จะอยู่ในการควบคุมดูแลของ "สมเด็จชิน" ถ้างานส่วนนี้มีปัญหา สมเด็จชินต้องรับผิดชอบ
งานหลักอีกงานหนึ่งก็คือ งานในมหามกุฎราชวิทยาลัย ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่งนายกสภา และสมเด็จชินก็เป็น "อุปนายก" แถมเจ้าคุณสมคิดก็เป็นอธิการบดี งานด้านนี้ ก็ตกอยู่ในความดูแลของ "สมเด็จชิน" อีกเช่นกัน และเมื่อเจ้าคุณประกอบ เป็นที่ไว้วางใจของสมเด็จชิน ก็คงจะได้เข้าไปช่วยงานอย่างเต็มตัว
มมร. ปีนี้ มีปัญหาหลายเรื่อง ที่การประเมินคุณภาพที่ไม่ผ่าน ทั้งปัญหา "เงินทอน" ที่ปูดออกมาจากคนภายใน ทำให้ต้องหาผู้รับผิดชอบแทนเจ้านายคือสมเด็จชิน ไม่งั้นจะลามไปถึงสมเด็จพระสังฆราช นี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เจ้าคุณประกอบต้องลี้หนีหน้าไปสึกไกลถึงอยุธยาเมืองเก่า
แน่นอนว่า ปัญหาแต่ละเรื่องที่ประดังเข้ามาที่สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งก็คือ สมเด็จชิน นั้น ต้องเป็นปัญหาใหญ่ระดับ "คอขาดบาดตาย" ซึ่งวงการพระเรียกว่า "ข้อหาปาราชิก" ไม่งั้นคงไม่ถึงกับจะให้เจ้าคุณราชต้อง "ลาสิกขา" เพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลม การแก้ปัญหาเช่นนี้ได้ผลชงัด แต่ก็ไม่สามารถจะห้ามความเสียหายด้านอื่นได้ เพราะการลาสิกขาของพระผู้ใหญ่ในวัดสังฆราช ต้องสามารถตอบคำถามสังคมพุทธไทยให้ได้ว่า สึกทำไม และทำไมไม่สึกอย่างถูกต้องตามประเพณีไทย หลบลี้หนีหน้าไปเช่นนี้ มันเสียศักดิ์ศรีวัดอันดับหนึ่งของประเทศไทยไปหมด
เอ้า ! ถามใครไม่ได้ ก็ต้องถาม "สมเด็จชิน" นั่นแหละครับ ถูกเนื้อถูกตัวที่สุด เพราะมือขวาสึกก็เท่ากับตัดแขนทิ้ง ก่อนจะตัดแขนก็ต้อง "ตัดใจ" ใช้หลักการใหญ่ที่ว่า "เสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต" การเสียสละเจ้าคุณประกอบออกไปจากวัด จะช่วยเซฟชีวิตใครไว้ได้บ้าง สมเด็จชินผู้รอดชีวิตก็คงจะรู้ดีที่สุด บอกแล้วไงว่าอย่าเอาอำนาจไว้เยอะ เพราะอำนาจเยอะผลประโยชน์ก็เยอะ พอผลประโยชน์เยอะ ปัญหาก็จะเยอะ สุดท้ายก็ทำลายพระลงไปเห็นๆ นะสมเด็จชินนะ ลาออกเสียบ้างเถอะครับ กับตำแหน่งล้นวัดน่ะ