คนละครึ่ง VS ช้อปดีมีคืน ใช้สิทธิ์โครงการไหนดีที่เหมาะกับคุณที่สุด ❓
คลอดแล้วจ้า !!! มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลกับมาตรการ "คนละครึ่ง" และ "ช้อปดีมีคืน" ที่กระตุ้นให้คนนำเงินออกมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบ
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจไม่ทราบว่า เราสามารถเลือกเข้าร่วมได้เพียง 1 มาตรการเท่านั้น เช่น หากลงทะเบียนคนละครึ่งไปแล้ว จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ในโครงการช้อปดีมีคืนได้อีก ดังนั้น เราควรเลือกเข้าร่วมมาตรการไหนดี ถึงจะได้รับประโยชน์มากกว่า ลองมารู้จักแต่ละมาตรการกันเลย
เนื่องจาก 1 คน เข้าร่วมได้เพียงมาตรการเดียวเท่านั้น จึงต้องเลือกมาตรการที่เหมาะกับเรามากที่สุด
คนละครึ่ง เหมาะกับใคร ?
- คนที่ซื้อสินค้าจากร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย ตลาด ร้านโชห่วย เป็นประจำ
- คนที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ฯ หรือมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี คือ มีรายได้รวมทั้งปีไม่เกิน 310,000 บาท หรือมีเงินเดือนเฉลี่ยไม่เกิน 25,833.33 บาท
- คนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี คือมีรายได้รวมทั้งปีเกิน 310,000 บาท แต่มีค่าลดหย่อนส่วนอื่น ๆ ที่ทำให้มีรายได้สุทธิไม่ถึง 150,000 บาท จึงไม่ต้องเสียภาษีในปี 2563
ทั้งนี้ เนื่องจากคนที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีจะไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายจากโครงการช้อปดีมีคืน ไปขอหักลดหย่อนภาษีได้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่สามารถเข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืนได้
ช้อปดีมีคืน เหมาะกับใคร ?
- คนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี คือมีรายได้ทั้งปีเกิน 310,000 บาท และต้องการซื้อหนังสือ, สินค้า OTOP, ซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เกต ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปได้
- คนที่มีฐานภาษีอัตราสูงจะได้รับประโยชน์มากกว่า เพราะจะได้รับส่วนลดจากการซื้อสินค้ามากกว่า เช่น หากซื้อสินค้า 10,000 บาท คนที่มีฐานภาษี 5% จะได้ลดหย่อนภาษีเพียง 500 บาท ขณะที่คนมีฐานภาษี 30% จะได้ลดหย่อนภาษี 3,000 บาท ดังนั้นคนที่มีฐานภาษีไม่สูงมาก เช่น 5% หรือ 10% อาจยอมเลือกเสียภาษีตามปกติ แล้วพิจารณาลงทะเบียนมาตรการ "คนละครึ่ง" แทนได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืน เพื่อลดหย่อนภาษี ควรพิจารณาว่า เราจำเป็นต้องซื้อสินค้าเพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีมากน้อยแค่ไหน เพราะเราต้องจ่ายเงินเองเป็นจำนวนมากกว่าส่วนลดที่ได้รับ
เช่น คนที่มีฐานภาษี 10% หากต้องการลดหย่อนภาษี 3,000 บาท จะต้องซื้อสินค้าเป็นจำนวนถึง 30,000 บาท ส่วนคนที่มีฐานภาษี 30% จะต้องใช้จ่าย 10,000 บาท ถึงจะได้ส่วนลดภาษี 3,000 บาท
หากตั้งใจจะซื้อสินค้ามูลค่าดังกล่าวนี้อยู่แล้ว ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ลดหย่อนภาษีไปในตัว แต่ถ้าไม่มีแผนจะใช้จ่ายเงินจำนวนนี้ การไม่เข้าร่วมโครงการแล้วยอมเสียภาษีตามปกติ น่าจะช่วยให้เราประหยัดเงินได้มากกว่า