คำแบบไหนที่ไม่ควรใช้ปลอบใจคนที่กำลังเสียใจ
ปลอบใจ ใช้คำไหนให้คนที่กำลังแสรดอยู่ รู้สึกดีมีกำลังใจขึ้นมาได้บ้างนะ
คนเรามักจะต้องพบเจอช่วงเวลาที่แย่ๆ เลวร้ายกันทั้งนั้น คนรอบข้างของคุณเองก้เช่นกัน ไม่ว่าจะเพื่อน หรือว่าแฟนก็ตาม แต่ปัญหาก็คือในยามที่พวกเขากำลังรู้สึกแย่สุดๆ หรือว่าต้องเสียน้ำตานั้น เราควรจะใช้คำพูดแบบไหนถึงจะดี ไม่ไปทำร้ายจิตใจของเขาให้รู้สึกแย่มากกว่าเดิมได้ เพราะถ้าใช้คำผิด ก็เหมือนเรายิ่งไปซ้ำเติมหรือทำร้ายจิตใจของเขายิ่งขึ้นไปอีกนะ ดังนั้นแล้วต้องระมัดระวังคำพูดเอาไว้ให้มากๆ ค่ะ มาลองเปรียบเทียบกันดูระหว่างคำพูดที่เราควรหลีกเลี่ยง กับคำพูดที่เราควรเปลี่ยนมาใช้กันนะคะ
10. คนเลวๆ ย่อมได้รับสิ่งแย่ กลับคืน
การสาปส่งไม่ใช่แนวคิดดีๆ ที่น่าสนับสนุน นอกจากไม่ใช่วิถีของแม่พระ คนฉลาด จิตใจดีเค้าทำกันแล้ว ก็เพราะเราไม่อาจรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกกับคู่กรณีแบบไหน และเรื่องราวจริงๆ เป็นยังไงทั้งหมดด้วย ดังนั้นเวลาเกิดเรื่องแย่ๆ กับเพื่อนหรือว่าแฟนแล้ว ทางที่ดี เราควรวางตัวให้เป็นกลางเอาไว้ก่อนจะดีกว่านะ
ใครทำอะไรก็รับผลกรรมนั้นแหละ
ให้กฎแห่งกรรมช่วยตัดสินเป็นคำที่พูดได้ดูเป็นกลางที่สุดแล้ว เป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้วสำหรับคนทำอะไรไม่ดีไว้ เขาจะต้องได้รับผลกระทบจากสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้ ไม่วันใดก็วันนึง เชื่อว่าถ้าพอได้ยินปุ้บเพื่อนคุณก็จะใจเย็นและมีสติได้มากขึ้นนะ ดีกว่าเอาใจไปคิดเคียดแค้น มัวแต่หาทางเอาคืนต้องจมอยู่กับความทุกข์แบบนั้นเลยดีกว่า
9. อย่ามัวแต่ร้องไห้เสียใจไปเลย
เอ้า คนกำลังร้องไห้เสียใจอยู่จะไปเบรคไปฝืนไม่ให้เขาระบายออกก็เหมือนเขื่อนที่กักเก็บน้ำไว้จนล้น ยิ่งเก็บเอาไว้มากเท่าไหร่ก็มีโอกาสที่เขื่อนจะพังทลายมากเท่านั้น รู้นะว่าไม่อยากเห็นเพื่อนรักร้องไห้เสียใจ แต่คงไม่ใช่กับสถานการณ์แบบนี้อย่างแน่นอนนะคะ มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ควรห้ามค่ะ
ร้องไห้เสียให้พอ แล้วจำบทเรียนนี้ไว้สอนใจ
นี่คือสิ่งที่ควรแนะนำค่ะ ให้เขาร้องไห้ออกมาให้พอ มีความทุกข์แค่ไหนก็ให้ระบายออกมาให้หมดเลยดีกว่า เพราะยามที่เราได้ระบายออก จิตใจที่หนักอึ้งจากความทุกข์ก็จะเบาบางขึ้น หลังจากที่ร้องไห้หนักๆ แล้ว เหมือนความทุกข์ได้ลดลงสักหน่อย บางเรื่องเราก็ควรเรียนรู้จากความเจ็บปวด จดจำความเจ็บเอาไว เพื่อที่จะได้ไม่กลับไปทำอีก
8. เขาไปดีแล้วล่ะ
สำหรับเพื่อนหรือคนใกล้ชิดของคุณที่ต้องประสบกับการสูญเสียคนที่รักไปแล้ว การปลอบว่าเขาไปดีแล้ว ไปสบายแล้ว ไม่น่าจะใช่ทางที่ดีหรอกนะ ไม่มีใครรู้ทั้งนั้นแหละว่าโลกหลังความตายสำหรับใครสักคนมันจะดีกว่า หรือว่าจะแย่กว่า และมันก็เหมือนการตีความอีกแบบได้ว่า การที่คนๆ นั้นตายจากไปไม่ต้องทนอยู่กับอีกฝ่ายคือหนทางที่มีความสุขกว่านะ
อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็เคยได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน
ลองปลอบใจด้วยคำพูดประมาณนี้ดู : เธอกับเขาอาจจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตคู่กันแค่นี้ก็จริง ให้จำแต่ช่วงเวลาที่ดีต่อกันไว้ก็พอแล้วล่ะ ฉันเชื่อว่าเขายังอยากให้เธอมีชีวิตที่มีความสุขต่อไปนะ เขาคงจะไม่สบายใจแน่ๆ ถ้าเธอต้องมาเป็นทุกข์ไม่มีความสุขเพราะเขาอีกได้
7. ฉันเข้าใจเธอดี
เป็นคำปลอบที่ฟังดูดี แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นยามที่อีกฝ่ายหนึ่งกำลังเสียใจ หรือรู้สึกแย่อยู่ และต่อให้เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว แต่ในช่วงเวลานั้นเขาก็กำลังคิดและรู้สึกอยู่ดีนั่นแหละ ว่าเขากำลังเป็นคนที่โชคร้าย มีความทุกข์มากที่สุดในโลกอยู่ดี มันแย่จนเกินกว่าที่ใครจะมาเข้าใจได้อย่างแน่นอน
ฉันรู้ว่าเธอคงรู้สึกแย่มากในตอนนี้นะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน
เป็นคำปลอบที่ฟังแล้วโอเค เก๋กู๊ดมาก เป็นการบอกตรงๆ ด้วยความจริงใจว่าแม้เราจะให้ความช่วยเหลือใดๆ กับอีกฝ่ายไม่ได้ก็จริง แต่ว่าเราก็พร้อมจะช่วยนะ ในยามที่เขาต้องการเรา จะไม่ปล่อยให้เขาต้องอยู่อย่างเดียวดายอย่างแน่นอน เขาจะต้องรู้สึกดีขึ้นในยามที่ได้ยินแบบนี้ขึ้นมาบ้างล่ะ
6. มองโลกในแง่ดีเข้าไว้
เวลารู้สึกเศร้าหรือหงุดหงิดขั้นสุด เวลาที่ได้ยินใครมาปลอบแบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้จิตใจรู้สึกดีได้เหมือนกัน แถมพลอยจะรู้สึกขุ่นเคืองหน่อยๆ ด้วยว่า ถ้าอย่างนั้นเธอก็หาว่าฉันเป็นมองโลกในแง่ร้ายอย่างนั้นล่ะสินะ ใช่สิ...เจอเรื่องแย่ๆ ขนาดนี้ใครจะไปมองโลกในแง่ดีไหวล่ะ ไม่ได้อยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ไหมเธอ?
ไม่มีอะไรดีตลอด แต่ไม่มีอะไรที่แย่ตลอดไป
ลองปลอบใจด้วยคำพูดนี้แทนดู ให้เขารู้ว่า ชีวิตคนเรามันต้องมีเจอทั้งเรื่องดีๆ และเรื่องแย่ๆ ไม่มีใครที่จะมีชีวิตดีเลิศเลอไปตลอด ไม่ต้องพานพบกับเรื่องโหดร้าย และคนที่ประสบพบเจอแต่เรื่องเลวร้ายก็ไม่ใช่ว่าชีวิตจะไม่เจอแสงสว่าง ความโชคดีและวันของตัวเองเหมือนกัน เรื่องร้ายๆ จะต้องผ่านไป ขอแค่อดทนเอาไว้ก็พอ การเจอความทุกข์ ก็จะทำให้เรารู้ความสุขคืออะไรมันดีแค่ไหนเหมือนกันนะ
5. ผู้ชายมีเยอะแยะ หาเอาใหม่เหอะ
หลายๆ คนคงต้องเคยได้ยินคำปลอบใจแนวๆ นี้ ทำนองนี้มากันบ้างแหละ มันก็จริงนะ ที่ผู้ชายดีๆ ยังมีอีกเยอะ แต่ถ้าไม่เคยรักชอบ หรือคบกับใครก็ไม่รู้หรอกว่า ต่อให้ผู้ชายจะมีเยอะแค่ไหน แต่ก็สู้คนที่ใจต้องการมากที่สุดที่มีเพียงคนเดียวไม่ได้อยู่ดี คนที่ใช่ คนที่ต้องใจต้องการ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีเสมอไปสักหน่อยเถอะนะ ไม่งั้นผู้หญิงอย่างเราๆ คงไม่มีเรื่องให้ต้องเสียน้ำตากันแบบนี้หรอก
ยังมีคนที่เข้ากันได้ดีกว่าเธอให้เจออยู่ในอนาคตนะ
หากเธอต้องการให้เพื่อนตัดใจให้ขาด มีชีวิตที่ดีกว่าเดิมแล้วต้องพูดชี้นำให้ถูกทางดีกว่า อย่างน้อยการอยู่คนเดียวก็แค่เบื่อเหงาๆ แต่ไม่ต้องทนใช้ชีวิตแบบไร้ความสุขมีแต่น้ำตาอย่างนั้นแน่นอน และถ้าโชคดีแล้วล่ะก็ การที่จะมีโอกาสพบกับคนใหม่ที่เข้าใจกันมากกว่านี้ก็ย่อมดีกว่าชีวิตอมทุกข์กับคนเดิมๆ เจ็บแแบบเดิมๆ แน่นอน
4. ถึงเขาจะแย่ แต่มีส่วนที่ดีอยู่บ้างนะ
ในสถานการณ์ที่เพื่อนต้องตัดความสัมพันธ์กับใครไปด้วยความรู้สึกแย่ การพูดปลอบใจด้วยประโยคแบบนี้ก็ออกจะทำให้รู้สึกแปลกๆ ไปหน่อยนะ เหมือนจะพูดให้รู้สึกเสียดายไปทำไมกัน? ในเมื่อเขามีส่วนที่แย่ และเข้ากันไปได้จนต้องเลิกคบแบบนี้ไปแล้ว ข้อดีก็คงไม่อยากจะมองเห็นในตอนนี้แล้วล่ะ
อย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่เสียเวลาชีวิตไปกับคนแบบนี้อีก
บอกให้จดจำไว้เป็นบทเรียน สำหรับบางคนก็ไม่ควรค่าแก่การคบหาจริงๆ อย่างน้อยการได้รู้ธาตุแท้ของเขาไวหน่อยก็ทำให้ไม่ต้องอยู่คนแบบนี้ให้เปลืองเวลา เปลืองใจด้วย เก็บความปรารถนาดี ความหวังดีของเราไว้ให้กับคนที่คู่ควรดีกว่าเนาะ
3. เขาเป็นคนที่แย่มากๆ เลยล่ะ
ถึงจะมีอารมณ์ร่วมแค่ไหน แต่การให้ความเห็นเชิงลบ โจมตีบุคคลที่สาม ไม่ใช่อะไรที่แฟร์เลยนะ ยิ่งถ้าเป็นคนรู้จักด้วยก็ยิ่งไม่ดี หากว่าเราจะพูดว่าร้ายให้ร้ายใคร ต่อให้จะมีมูลความจริงหรือไม่ก็ตาม ไม่ก่อให้เกิดผลดีกับฝ่ายไหนทั้งนั้น ไม่แนะนำให้พูดออกมาเลยจะดีที่สุดค่ะ
ไหนลองบอกสิ ว่าเขาไม่ดีตรงไหนบ้าง
ต่อให้เราจะรู้หรือไม่รู้ว่าบุคคลที่ 3 มีข้อเสียตรงไหนบ้างก็ไม่เป็นไร ปล่อยให้เพื่อนของเราพูดระบายสิ่งแย่ๆ ที่อัดอั้นอยู่ในใจของเขาให้เรารับฟังแทนดีกว่า เน้นการรับฟัง โดยที่ไม่ต้องไปแสดงความคิดเห็นร่วมมากจะเป็นการดีที่สุดค่ะ
2. เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง
อาจจะเป็นคำพูดที่จริงส่วนหนึ่ง แต่กับหลายๆ เรื่องต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็จะยังเป็นแผลที่สะกิดเมื่อไหร่ก็เจ็บและเลือดไหลออกมาได้เสมอ บาดแผลของแต่ละคนที่มีต่อความเจ็บปวดในแต่ละเรื่อง มันเป็นแผลลึกหรือใหญ่ไม่เท่ากัน ดังนั้นแล้วเวลาอาจจะไม่ได้ช่วยรักษาบาดแผลที่มีให้หายไปได้อย่างแท้จริง แค่ทำให้เบาบางลงได้เท่านั้นเอง
ลองคิดดูว่า อีก 5-10 ปีข้างหน้า เธออยากบอกอะไรตัวเองในวันนี้
ลองปลอบใจด้วยคำพูดนี้ดู ให้เขาลองคิดลองจินตนาการจากอดีตก็ได้ เป็นการดึงความสนใจในความเศร้าของเขาไปให้คิดถึงเรื่องอื่นๆ แทน ชวนคุยเรื่องอนาคตก็ได้ว่ายังมีอะไรที่ต้องทำ ที่ยังอยากจะทำอยู่อีกบ้าง แต่โดยมากแล้วเรื่องบางเรื่องที่ใหญ่และหนักหนา บางทีพอผ่านมันไปได้แล้วมันก็กลายเป็นเรื่องตลกได้อยู่นะ
1. ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมล่ะกัน
เป็นคำปลอบใจที่ไร้ความรับผิดชอบและดูไม่แฟร์เลยจริงๆ แล้วทำไมอยู่ๆ คนๆ นึงจะต้องมารับกรรมด้วย ซึ่งบางทีก็ไม่ใช่กรรมที่ตัวเองก่ออีกต่างหาก ยิ่งพูดถึงแล้วบางทีก็ยิ่งน่าโมโหเข้าไปใหญ่อีก ควรเอาเรื่องเวรกรรมไปสอนใจกันเวลาอื่นมากกว่าเอามาเป็นคำปลอบใจแบบนี้นะคะ
ทุกอย่างที่เกิดย่อมมีเหตุและผลนะ
ฟังดูดีมีที่มาที่ไปมากกว่าการบอกว่าเป็นเรื่องของเวรกรรมกันอย่างแน่นอน แม้เราชาวพุทธจะเชื่อถือในเรื่องของเวรกรรมมากสักแค่ไหนก็ตาม แต่การไปยึดติดว่าการที่เจอเรื่องเลวร้ายต่างๆ เป็นเหตุที่เกิดมาจากรรมก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี มีแต่จะพลอยทำให้จิตใจหดหู่เปล่าๆ ด้วย อย่าให้เพื่อน ทำใจยอมรับสภาพด้วยวิธีแบบนี้เลยเถอะค่ะ
ก็เป็นคำปลอบใจที่คัดมาแล้วว่าดี ควรนำมาปรับใช้กับชีวิตดูค่ะ เวลาที่คนใกล้ชิดเราต้องประสบพบเจอกับเรื่องแย่ๆ เรื่องเลวร้ายนั้น เราจะได้วางตัวถูก ให้คำพูดดีๆ ที่ส่งเสริมแรงใจในยามที่จิตใจของเขาย่ำแย่ได้นะคะ
บทความ โดย : Akine_noxx
เผยแพร่ครั้งแรกในเว็บ Spice/Pepper
ฝากติดตาม กดไลค์ กดแชร์ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ