คนอเมริกันก็มี แบนสปอนเซอร์ช่องข่าว ที่นำเสนอข่าวยั่วยุไม่เป็นกลางกับผู้ชุมนุมเหมือนกันนะ
หลังจากในบ้านเรามีกรณีแบนช่องเนชั่น โดยเฉพาะการแบนสินค้าที่สนับสนุนช่องนี้ จนเกิดเป็นแซงชั่น กดดันให้เจ้าของสินค้าเหล่านั้นต้องทำการถอดโฆษณาและเลิกสนับสนุนไม่งั้นจะเกิดการเลิกการแบนไม่ซื้อสินค้าเหล่านี้ เราเลยจะมาดูกรณีที่เกิดขึ้นในอเมริกาบ้าง ว่าเขาก็มีการทำแบบนี้เหมือนกันนะ
จากกรณีที่มีคลิปแพร่กระจายบนโลกโซเชี่ยล ที่ตำรวจกระหน่ำยิงชายผิวสีใส่หลังกว่า 7 นัดในระยะประชิด ในขณะที่เขากำลังเดินกลับเข้าไปในรถของตัวเอง และมีลูกๆ ของเขาอยู่ในรถนั้นด้วย เบลคถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและยังคงอยู่ในอาการวิกฤต รวมถึงยังมีอาการเป็นอัมพาตด้วย ทนายความของเบลคได้กล่าวในแถลงข่าวเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า เบลคอาจจะกลายเป็นอัมพาตและคงต้องรอปาฏิหาริย์ในการที่จะกลับมาเดินได้อีกครั้ง
การกระทำของตำรวจในครั้งนี้ ทำให้กระแส #Blacklivesmetter ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง กลุ่มคนที่ไม่พอใจกับการกระทำของตำรวจได้ทำการชุมนุมในรัฐวิสคอนซิน ได้มีวีดีโอในเหตุการแสดงภาพถึงชายคนหนึ่งวิ่งไปตามท้องถนนพร้อมกับปืนไรเฟิล AR15 เพื่อหนีจากคนที่พยายามจะจับกุมตัวเขา เขาล้มลงกับพื้น จากนั้นก็หันกลับมายิงที่พยายามจะมาปลดอาวุธเขา เขายิงชาวม๊อบกลุ่มดังกล่าวตายไปสองศพ และบาดเจ็บอีก 1 ราย
หลังเกิดเหตุจึงได้รู้ว่าคนร้ายคือวัยรุ่นผิวขาวอายุ 17 ปี ชื่อ ริตเทินเฮาส์ ได้กราดยิงผู้ประท้วงตายไป 2 เจ็บ 1 ที่เมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน นาย Tucker Carlson พิธีกรชื่อดังของ FoxNews พูดในรายการประมาณว่า เพราะไม่มีหน่วยงานไหนมาดูแลควบคุมการประท้วงที่วุ่นวาย ทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ต้องออกมาทำหน้าที่แทน
Tucker Carlson: "How shocked are we that 17 year olds with rifles decided they had to maintain order when no one else would?" pic.twitter.com/6jf59YW60U
— Brendan Karet 🚮 (@bad_takes) August 27, 2020
การพูดยั่วยุความรุนแรงเช่นนี้ ทำให้เกิดกระแส #DropFox อีกครั้ง ที่กระตุ้นให้บริษัทเลิกโฆษณาสนับสนุนทีวีช่องนี้ คล้ายกับการแบนเนชั่น ในไทย ซึ่งเป็นการตอบโต้ทั่วไปของผู้บริโภค ไม่ใช่ “การคุกคามจากกลุ่มคนที่เห็นต่างและไม่หวังดี” ไม่ใช่ “การให้ร้าย” แบบที่ CEO บอกว่าเป็นการบูลลี่จากโซเชี่ยลด้วย
มีผู้วิเคราะห์ขนาดว่ารายการของนายทัคเกอร์นั้น มีโฆษณาออกอากาศอยู่เท่าไหร่อย่างไร? คิดเป็นกี่เปอร์เซนต์บ้าง?
I analyzed 3 months of Tucker Carlson's advertising. Th data shows just how few are companies willing advertise on the show.
During this period, there were a total of 745 minutes of ads.
MyPillow: 302 mins
— Angelo Carusone (@GoAngelo) June 11, 2020
All Others Combined: 443 mins
He's essentially a 1 advertiser show. pic.twitter.com/PEcSPt6YrN
พอรู้ว่าเป็นบริษัทอะไรก็คนทำรายการสินค้าที่ควรแบนขึ้นมาให้รับรู้โดยทั่วกัน เพื่อเลิกสนับสนุนสปอนเซอร์สนับสนุน รายการที่นำเสนอข่าวใส่ร้าย ยั่วยุ และไม่เป็นกลาง ของ FoxNews โดยเฉพาะในช่วงของนายทัคเกอร์ ดังในภาพนี้
โพสต์จากบริษัทสินค้าอย่าง P&G เอง ถ้าลองไปเช็คคอมเม้นท์ดูก็จะมีคอมเม้นท์ของเหล่าผู้บริโภคไปกดดันอยู่เหมือนกัน
P&G global LGBTQ+ equality program leader, Brent Miller had a candid interview with #PGSignal 360 to talk about how big business can—and should—influence societal perceptions of marginalized groups. https://t.co/HgWugTgGMq pic.twitter.com/z9kXrKZVRQ
— Procter & Gamble (@ProcterGamble) August 27, 2020
ในยุคที่เป็นทุนนิยมแบบนี้การที่จะเลือกผู้บริโภคเอาไว้ก่อน ก็นับว่ามีความสำคัญต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก วิธีนี้จึงเป็นที่ประชาชานส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้กัน เพราะแค่ใช้สิทธิ์ของตัวเองที่จะไม่เลือก ไม่สนับสนุนสินค้าที่สนับสนุนสื่อ หรือรายการทีวีเหล่านี้ได้จึงเป็นการต่อต้านอย่างตรงจุดได้โดยตรงนั่นเอง
บทความ โดย : Akine_noxx
ฝากติดตาม กดให้ดาว กดแชร์ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ





















