Trump ยกระดับการเจรจากับจีน โดยใช้ WeChat และ TikTok เป็นภัยคุกคาม

Trump ยกระดับการเจรจากับจีน โดยใช้ WeChat และ TikTok เป็นภัยคุกคาม

และข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติในการประกาศข้อจำกัด ที่ครอบคลุมเครือข่ายโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีนทั้งสองเครือข่ายมีแนวโน้มที่อาจจะถูกตอบโต้จากรัฐบาลจีน

วอชิงตัน: ​​ฝ่ายบริหารของ Trump ได้ประกาศข้อจำกัด เครือข่ายโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีนสองรายการคือ TikTok และ WeChat ซึ่งเป็นการเพิ่มการเผชิญหน้าอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มว่าจะได้รับการตอบโต้จากจีน

ผู้บริหารสองคนได้เปิดเผยว่า เมื่อวันพฤหัสบดี อ้างถึงภัยความมั่นคงแห่งชาติเพื่อป้องกันการทำธุรกรรมใด ๆ กับ WeChat หรือ TikTok โดยบุคคลใด ๆ หรือเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินใด ๆ ภายใต้เขตอำนาจของสหรัฐอเมริกา คำสั่งดังกล่าวกำหนดเส้นตาย 45 วันสำหรับการเข้าซื้อ TikTok ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อกิจการโดย Microsoft

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับที่ไม่เคยเห็นมาหลายทศวรรษจากความแตกแยกทางภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยีและการค้า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่บริหารของทรัมป์ได้ท้าทายจีนในการปราบปรามฮ่องกง การอ้างสิทธิ์ในอาณาเขตในทะเลจีนใต้และความพยายามในสร้างบริษัทระดับแชมป์เปี้ยนด้านเทคโนโลยีระดับโลก การตอบโต้ดังกล่าวได้รับการกระตุ้นจากท่าทีของจีน และประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการโน้มน้าวผู้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าสามารถจัดการกับจีนเมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีใกล้เข้ามา

ที่ปรึกษาด้านเทคโนยีของประธานาธิบดี ให้ความเห็นว่า สมควรที่จะแบนการใช้งานบริษัทเทคโนโลยีต่างๆที่มาจากจีน ซึ่งความตึงเครียดนี้ อาจจะก่อให้เกิดเป็นสงครามเย็นครั้งใหม่

นายทรัมป์กล่าวหาว่า WeChat โดย Tencent และ TikTok ดย ByteDance เปิดทางให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้รับข้อมูลที่เป็นสิทธิ์ส่วนตัวของชาวอเมริกันและบิดเบือนข้อมูลเพื่อประโยชน์ของจีน

“ ความนิยมขของแอปพลิเคชันมือถือของจีน เป็ยคุกคามความมั่นคงของประเทศนโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา” ประธานาธิบดีกล่าว

การตอบโต้นี้ยังไม่ชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าจะส่งผลที่รุนแรงสำหรับ WeChat มากกว่า TikTok ซึ่งได้รับความนิยมแฟนชาวอเมริกัน

WeChat ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเชื้อสายจีนเพื่อสื่อสารกับเพื่อน อ่านข่าวและทำธุรกรรมทางธุรกิจ และการห้ามดังกล่าวสามารถตัดการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการระหว่างคนในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำถามยังคงมีอยู่ว่าการตอบโต้นี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เชื่อมโยงกับ Tencent ซึ่งเป็น บริษัท แม่ของ WeChat ซึ่งเป็นผู้ลงทุนในเทคโนโลยียอดนิยมของอเมริกา

ทั้งนี้TikTok และ Tencent ไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นในทันที ส่วน Microsoft ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น

TikTok อยู่ระหว่างการเจรจากับ บริษัท อเมริกันอย่างน้อยสามแห่ง รวมถึง Microsoft เกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการของ TikTok เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Microsoft กล่าวว่ามีแผนที่จะดำเนินการเจรจาเพื่อซื้อบริการของ TikTok ในสหรัฐอเมริกาแคนาดา ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์และจะดำเนินการภายในวันที่ 15 กันยายน

หลายสัปดาห์ก่อนทรัมป์กระตุ้นให้ทำการแทรกแซง TikTok ทั้งนี้่ปรึกษาหลายคนรวมถึง นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้คำแนะนำแก่ทรัมป์ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ คณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐอเมริกาและอนุญาตให้ไมโครซอฟต์หรือ บริษัท อื่นซื้อบริการที่เป็นของจีน

แต่ที่ปรึกษาคนอื่น ๆ เช่น Peter Navarro ที่ปรึกษาการค้าของทำเนียบขาวผลักดันให้มีการดำเนินการที่ครอบคลุมมากขึ้น ในช่วงเย็นวันศุกร์ขณะที่ประธานาธิบดีบินกลับวอชิงตันจากฟลอริดา ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าเขาไม่ต้องการให้ บริษัท อเมริกันเข้าซื้อกิจการ TikTok และเขาจะใช้อำนาจประธานาธิบดีเพื่อกีดกัน TikTok จากการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกา

จากนั้นไม่นาน นาย มนูซิน และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ พยายามเกลี้ยกล่อมประธานาธิบดีโดยขอร้องให้ วุฒิสมาชิกจากเซาท์แคโรไลนา ลินด์เซย์ เกรแฮม จากพรรครีพับลิกัน อธิบายให้ประธานาธิบดีฟังว่าเหตุใดข้อตกลงของไมโครซอฟต์จึงเป็นตัวเลือกที่ดี ทั้งนี้ นายเกรแฮมและนายมนุชินเตือนนายทรัมป์เกี่ยวกับกระแสทางการเมืองที่มีความเสี่ยงหากการซื้อกิจการ TikTok มืดมนลง อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานายทรัมป์ กลับมาพิจารณา แต่ดูเหมือนว่าเขายังไม่ตัดสินแนวทางหนึ่งแนวทางใด

การคุกคามของการห้ามทำธุรกรรมโดยสิ้นเชิง ถือเป็นการโจมตีอย่างรุนแรงสำหรับ ByteDance และ Zhang Yiming ผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท ซึ่งมีเป้าหมายในการเชื่อมต่อโลกผ่านแอปสำหรับผู้บริโภคมานานหลายปี ชื่อเล่นว่า“ โรงงานผลิตแอพ” ในประเทศจีน ByteDance เป็นที่ตั้งของแอพมากกว่า 20 แอพรวมถึงแอพการเงินส่วนบุคคลและโปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานต่างๆ

TikTok ที่มีผลงานห่างไกลจาก ByteDance TikTok อย่างมาก ถูกใช้โดยผู้คนมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก TikTok ได้รับความนิยมจากวิดีโอสั้น ๆ ที่น่าดึงดูด และแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และแพร่กระจายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย Mr. Zhang ต้องการให้ TikTok เป็นบริษัทระดับโลก เช่นการ จัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บนเซิร์ฟเวอร์ในเวอร์จิเนียและสิงคโปร์และจ้างหัวหน้าธุรกิจในสหรัฐอเมริกา

การแบนวีแชท อาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนจีน ขณะที่ tiktok ไม่ได้ปฏิบัติการเฉพาะคนจีน โดย Bycedance เสนอบริการที่เรียกว่า Douyin ทดแทน

ในทางกลับกัน WeChat มีฐานปฏิบัติการทั้งในจีนและนอกจีนที่ปักกิ่ง ทั้งนักเรียนแลกเปลี่ยนใช้เพื่อติดต่อกับครอบครัวของพวกเขา นักลงทุนใช้เพื่อทำข้อตกลงนายหน้าและชุมชนพลัดถิ่นต่างพึ่งพาเพื่อติดต่อกับญาติ ภายในประเทศจีนมีทางเลือกอื่นสำหรับ WeChat เนื่องจากแอปส่งข้อความระหว่างประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่ถูกบล็อก

คำสั่งดังกล่าวดูเหมือนจะห้ามการทำธุรกรรมระหว่าง บริษัท ในสหรัฐอเมริกากับ Tencent ซึ่งเป็นเจ้าของ WeChat การบล็อกดังกล่าวจะกลายเป็นปัญหาสำคัญสำหรับ บริษัท อเมริกันในจีนซึ่งใช้แอปโซเชียลมีเดีย WeChat ที่แพร่หลายในการทำการตลาดโฆษณาและบริการหลังการขาย

Tencent ยังลงทุนอย่างกว้างขวางใน บริษัท เกมและโซเชียลมีเดียของอเมริกาเช่น Snap, Activision Blizzard และผู้ผลิต Fortnite, Clash of Clans และ League of Legends และยังไม่ชัดเจนว่าคำสั่งแบนดังกล่าวจะส่งผลต่อการลงทุนดังกล่าวอย่างไร

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา WeChat เปลี่ยนจากแอพแชทเลียนแบบมาเป็นพัฒนาความสามารถของตัวเอง เช่นการบริการชำระเงินออนไลน์ คำสั่งซื้อทางอีคอมเมิร์ซและบริการอื่น ๆ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำหรับ Silicon Valley บริษัท ต่างๆเช่น Facebook ที่เลียนแบบเพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้กับแอพส่งข้อความของบริษัทเอง

ถึงกระนั้น WeChat ยังถูกใช้โดยตำรวจในปักกิ่งเพื่อติดตามผู้ต่อต้านหรือคัดค้านทางการเมือง เมื่อไม่นานมานี้แอปได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับตำรวจอินเทอร์เน็ตที่เพิ่งได้รับอำนาจในการตรวจสอบทุจริตทางการเมือง นอกจากนี้แอปยังถูกเซ็นเซอร์อย่างหนักโดยเปลี่ยนตัวกรองที่ควบคุมโดยรัฐ ข่าวลือที่ปักกิ่งไม่ยอมรับได้ถูกระงับในขณะที่ข่าวลืออื่น ๆ ก่อนที่จะถูกปล่อยให้แพร่กระจาย

ความกังวลเพิ่มขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่บริหารของทรัมป์ว่า WeChat ไม่ได้เป็นเพียงวิธีการรวบรวมข้อมูลและข้อมูลภายในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางที่มีศักยภาพในการเผยแพร่ข่าวโคมลอยและการบิดเบือนข้อมูล Matthew Pottinger รองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวและนาย Navarro ต่างก็เป็นผู้สนับสนุนคำสั่งของฝ่ายบริหาร

ด้วยการพยายามใช้คดีความมั่นคงแห่งชาติต่อ TikTok และ WeChat ก็ยังคงห่างไกลจากความชัดเจน แม้แต่ในชุมชนความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยข่าวกรองของประเทศก็ยังมีข้อสงสัยว่าสหรัฐฯสามารถตัดเครือข่ายและเทคโนโลยีของตนออกจากจีนได้สำเร็จหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีการตระหนักว่าการสื่อสารจำนวนมากจะทำงานผ่านคอมพิวเตอร์เครือข่ายที่ควบคุมโดยจีน รัฐบาลสหรัฐก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้แม้จะใช้ความยายามมากเพียงใดก็ตาม

“ ในขณะที่กรณี TikTok ได้ถูกแยกออกตามคำสั่งของผู้บริหาร แต่แนวทางปฏิบัติในการรวบรวมและแบ่งปันข้อมูลของพวกเขาก็เป็นมาตรฐานที่เป็นธรรมในอุตสาหกรรม” เคิร์สเตนมาร์ติน ศาสตราจารย์ด้านจริยธรรมเทคโนโลยีจาก คณะวิชาธุรกิจของมหาวิทยาลัยนอร์ทเทรอดามกล่าว “ อันที่จริงแอปฟิตเนสจำนวนมากถูกห้ามใช้ในกองทัพเพื่อติดตามข้อมูล แต่เราไม่ได้ห้ามแอปเหล่านี้จากพลเมืองสหรัฐฯทุกคน”

ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะบังคับใช้การห้าม WeChat หรือ TikTok อย่างไร แต่ผู้ใช้สามารถใช้กลยุทธ์เดียวกันกับที่หลายคนใช้ในประเทศจีน เมื่อบริการถูกแบน และมองหาวิธีแก้ปัญหา หากแอปถูกนำออกจากร้านค้าแอป ผู้คนอาจหาวิธีอื่นในการดาวน์โหลด หากการใช้งานถูกบล็อกพวกเขาสามารถหันไปใช้บริการที่ปิดบังจุดเริ่มต้นของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ถึงกระนั้นก็ตามในขณะที่ปักกิ่งพบว่า ผู้ใช้บริการจำนวนมาก หากขาดความเข้าใจและความอดทนในการแก้ไขทางเทคนิคดังกล่าวและพวกเขาอาจยุติการใช้บริการแอพนี้

https://www.nytimes.com/2020/08/06/technology/trump-wechat-tiktok-china.html?action=click&module=Top%20Stories&pgtype=Homepage.