การปลูก และ เลี้ยง แคคตัส (แบบละเอียด และ เข้าใจเลย)
การปลูก และ เลี้ยง แคคตัส (มือใหม่)
1.แคคตัส เป็นไม้ทะเลทราย ชอบอาการแห้ง แสงเยอะๆ แต่ไม่ชอบน้ำ มีทั้งรูปทรงกลม (เช่น ยิมโน , แอสโตร), แท่ง (เช่น กระบองทอง กระบองเงิน), เป็นกอ (เช่น แมมลูกกอล์ฟ) รวมๆ ก็มีประมาณ 3,000 กว่าชนิดในโลก โดยในไทย จะมีอยู่ประมาณ 50-60 สายพันธุ์
2.การปลูกเลี้ยง แคคตัส เป็นไม้ ที่ชอบแดดตอนเช้า ชอบโดนแดดนานๆ แต่ไม่โดนโดยตรง ถ้าเป็นตอนเที่ยง ควรจะมีสแลนบัง เพื่อลดอาการไหม้แดด (ผิวจะเป็นรอยไหม้ หรือ มีอาการยืดหาแสงได้ เช่น อิชินอฟ , นักกล้าม , คลื่นสมอง) แต่แคคตัส ไม่ชอบโดนฝน น้ำขังนานๆ มันจะเป็นโรค มีอาการเน่าเละ ยุบตัว
*** ตระกูลแมมมาเลีย ถ้าแสงไม่พอ ฐานหนามจะห่างๆ ขนหนามจะไม่ถี่ เสียรูปทรงทันที
*** เสมาลิ้นชมพู แสงไม่พอ ก็ยืด เสียทรงไปเลย
*** แมมบล็อกโคลี่ กอกลุ่มๆเล็กๆเขียวๆ ใช้วิธีแบ่งกอ ขยายปลูก
*** หนามกระดาษ ใช้วิธีแยกหน่อ
*** กลีบกระทง ไม่มีหน่อ ต้องผสมเกสร โตช้ามาก
*** ช้าง หรือ โคลี่เเฟนต้า ใช้วิธี แยกหน่อ จะง่ายกว่า ผสมเกสร
ช้าง นอกจากตัวปกติ จะมีช้างไร้หนาม , ช้าง สวยๆก็ช้างไททั่น และ ล่าสุด จะมีช้าง เต้่าใหญ่
*** แคคตัส ขยายพันธุ์โดย รอหน่อ กับ ผสมเกสร เช่น แอสโตร , ยิมโน
*** ยูโฟเบี่ย ใช้วิธีปักชำกิ่ง
*** กรณี ยิมโน หน่อด่าง จะรอหน่อ จะได้เหมือนต้นแม่ แต่ต้องรอให้หน่อใหญ่หน่อย โอกาสรอดจะสูง ถ้ารอผสมเกสร เพาะเมล็ด โอกาสได้ด่างจะน้อยลงเรื่อยๆ
***
โลบีเวีย ต้นไม่สวย แต่ดอก อลังการมาก เป็นอีกพันธุ์ที่คนชอบเยอะ
*** เมโลแคคตัส กับ เฟเรีย เป็นตระกูล ที้สามารถ ติดเมล็ดได้เอง
*** ถังทอง ถังเงิน เฟอโร กว่าจะออกฝัก ใช้เวลา เป็นสิบๆปี แต่ฝักจะออกมาทีเยอะๆ
3.วัสดุปลูก แคคตัส โดยทั่วไป นิยมใช้ ใบก้ามปู (ที่หมักจนเป็นดิน) ผสมหินภูเขาไฟ เบอร์เล็กๆ 00 หรือ 01 ผสมทรายหยาบ (ทรายตามร้านก่อสร้าง) ผสมเพอร์ไลค์ (เพิ่มโปร่ง) หรือ ใส่เวอร์คูมิไลท์ (เพิ่มธาตุอาหาร เพิ่มโปร่ง แต่อายุใช้งานนั้นกว่า หินภูเขาไฟ) , ผสมมูลไส้เดือน (เพิ่มธาตุอาหาร)
*** สำหรับเพาะเมล็ด จะใช้ พีทมอส เป็นส่วนผสมหลัก ผสม แกลบดำ ผสมมูลไส้เดือน ผสมทรายหยาบ ถ้าไม่สะดวก ก็พีทมอส อย่างเดียว อาจจะโรยหินเม็ดเล็กๆ บางๆ เพื่อใช้ประคองต้น วางที่มีแสงอ่อนๆ ลมพัด รอจนอายุ 2-3 เดือน ค่อยให้ปุ๋ยน้ำ ผสมน้ำ ทุกๆสัปดาห์ พอต้นอายุ 6 เดือน ค่อยเริ่มแยกปลูก
*** ถ้าต้องการแบบถูกๆ ก็เอาดินมาร่อน ผสมทรายหยาบ และ ใส่ปุ๋ยออสโมโค้ดแทน ผสมทรายเยอะๆ รดน้ำตอนเช้า เปลี่ยนดินทุกๆ 4-6 เดือน
*** วิธีการทำให้แคคตัส โตเร็วขึ้นอีกหน่อย ก็คือ การเอามาเสียบบนตอ เช่น ตอแก้วมังกร , ตอสามเหลี่ยม , ตอหนามดำ , ตอลูกผสมญี่ปุ่น เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ของแคคตัส โดยมากนิยมใช้ เสียบตอ กับ พวกยิมโน เพื่อเร่งออกหน่อ ออกดอก โดยการเสียบบนต่อ ทำได้กับพันธุ์อื่นๆด้วย เช่น แอสโตร , คลื่นสมอง
*** ตัดหัวลงจากตอ ควรใช้มีดคมๆ เฉือนเนื้อ ที่ติดจากตอออกให้หมด ทายาเร่งราก แล้วพึ่งตากแดดอ่อนๆ สัก 7-14 วัน หรือ มากกว่านั้น อาจจะรอจนรากงอกออกมาเลยก็ได้ ถ้าปลูกลงดินเลย โอกาสหัวเน่าจะสูงมากๆ
ตัดลงตอ ทำเมื่อ ตอเน่า หรือ อยากปลูกแบบไม่มีตอ
*** ดินญี่ปุ่น ผสม หินภูเขาไฟ จะช่วยล่อรากได้ดี ถ้าจะใช้ยาล่อราก ก็ แพลนรูท ทาตอนแผลสด เวลาเด็ดหน่อ หรือ หักหัวลงตอ
4.การดูแลรักษา โรค และ แมลง แคคตัส ควรคอยรดยากันรา เช่น เเคปเเทน (ออโธไซด์) , คาร์เบนดาซิม ทุกๆ 15 วัน โดยเฉพาะ สกุล โครีแฟนต้า (หรือเรียกชื่อไทยว่าช้าง เกิดราสนิทบนต้นได้ง่ายมาก ถ้าเอาไปตากฝน หรือ รดน้ำโดนต้น ใช้ จอยส์ แก้ราสนิม ขณะที่ ถ้าตระกูลแมม ไม่ควรรดน้ำโดนต้น หรือ กอเลย มันเน่าง่ายมาก) และ รดยากันแมลง โดยเฉพาะเพลี้ย แคคตัสเจอบ่อยมากๆ ยาที่ใช้ก็ เช่น s85 , ฟีโพรนิล , ไทอามีท็อกแซม
, พอร์ส (เน้นฆ่าเพลี้ย แต่กลิ่นแรง)
*** คราบสีน้ำตาล ที่โคนต้น เกิดได้สองสาม สามเหตุ คือ 1.ราสนิม ( เกิดจากบริเวณรอบๆ แสงน้อย และ รดน้ำจนชื้นไป แก้โดยใช้ยา จ๊อยส์ แต่แค่หยุดแพร่กระจาย แผลจะเป็นแผลเป็น) 2.เกิดจาก อายุของไม้ ถ้าไม้อายุมาก คราบสีน้ำตาล ตรงโคนจะมีมากขึ้น เป็นปกติ 3.เกิดจากการฝังแคคตัส ลงวัสดุปลูกลึก คือ ถ้าต้นไหนฝังลึกมาก ก็จะมีคราบน้ำตาลเกิดมาก
*** วิธีแก้ แอสโตร ยุบตัว ให้เอามาแช่ปริ่มๆด้วยน้ำ โดยหาแก้วพลากสติกใส แบบมีฝา หรือ อะไรก็ได้ ใช้ล็อคต้นไว้ด้านบน ส่วนด้านล่างหล่อด้วยน้ำ และ นี่ก็เป็นวิธีล่อรากด้วยน้ำด้วย แต่ล่อรากด้วยน้ำ จะไม่จุ่มโคนต้น โดนน้ำ เสี่ยงเน่ามากกว่า รากมา
###โรงเรือน แคคตัส จำเป็นไหม ?
ถ้าปริมาณไม้ มีจำนวนมาก และ จะทำเพื่อจำหน่าย โรงเรือน เป็นสิ่งจำเป็น เพราะ เป็นการลดการเน่า ลดแมลงโจมตี
ซึ่งลักษณะ โรงเรือน ที่ดี คือ อยู่กลางแจ้ง (เหมาะคนมีที่ดินอยู่แล้ว) มีลมพัด รับแสงได้ตลอดวัน พื้นยกสูง ทำเชิง คล้ายๆโต๊ะใหญ่ๆ แต่เป็นรูปตาข่าย โครงสร้างโรงเรือน ก็หาเหล็กเส้นเก่าๆ เอามาประกอบกัน ทำคล้ายๆ โดม ตามงานอีเว้นต์ โค้งๆ แล้วคลุมด้วยสแลนสีดำ กรองแสงบางส่วน ทั้งหมดนี้ จะต้องจ้างผู้รับเหมามาทำ งบเริ่มต้น 4 หมื่น ถึง หลักแสนบาท
5.สายพันธุ์ แคคตัส ที่คนนิยมเลี้ยง
5.1 Gymnocalycium หรือ ยิมโน คนนิยมจะเลี้ยงพวกหนามโหด ทรงแปลกๆ แต่ที่ชอบกันมากๆ คือ ยิมโนด่าง ถ้าสวยๆ ลูกเล็กๆ ก็ราคา 500 อัพแล้ว และ จะมีการเรียกชื่อ ตามแต่ละโคลน (สีของยิมโน) เช่น สีชมพู ก็เรียก pink dimond , สีส้มๆแดงๆ ก็ t31115 , สีดำเข้มๆมันๆ ก็ black widow (เข้าใจว่าตั้งชื่อเพื่อให้จำง่าย) , ถ้าหลากๆสี ส้มๆแดงๆเหลืองๆ จะเรียก multi color
*** red tiger , yellow tiger
*** ยิมโน หัวสี คือ ไม้ยิมโน ที่มีสีแปลกๆ เช่น สีแดงจัด , สีส้มจัด , สีชมพู โดยไม่มี พื้นที่สีเขียว คลอโรฟิลล์แม้แต่น้อย การปลูกจะต้องปลูกบนตอเท่านั้น
*** lb 2178 คือ ยิมโนตัวนึง ที่ทรงสวย พูมีด็อด ฟูสวย หนามจะออกมาเดี่ยวๆ บางต้น มี 13 พู ราคาขายต้นเล็กๆก็ 250 บาทแล้ว ต้องดูกับร้านที้น่าเชื่อถือเท่านั้น ไม่ยัดเยียดขาย
แต่ lb ด่าง สีสดๆ จะไม่ใช่แอลบีแท้ แต่เกิดจากการ ผสมระหว่าง แอลบีเเท้ กับ ยิมโนด่าง มิฮาโนะ เลยเกิดเป็น แอลบีด่าง ต้นขนาดใหญ่ราคาหลายพัน
*** lb ด่างแท้ๆ ของมันเอง
ก็มี ทั้งนี้ ต้องสอบถาม จากร้านที่น่าเชื่อถือ
5.2 Astrophytum เป็นแคคตัส ที่ส่วนใหญ่จะไม่มีหนาม ลักษณะจะกลมๆ มีลายบนหัว ถ้าเป็นจุดสีขาวใหญ่ๆ จะเรียก super , ถ้าลายออกจุดๆ มีวีๆ ก็จะเรียก แอสโตร วี แต่ถ้าไม่มีจุด มีแต่วี จะเรียก วีนูดัม , ลักษณะลายแบบ ปลายดาว จะเรียก มิราเคิล , ลายคล้ายๆกระดองเต่า จะเรียก กิ๊กโกะ
ยกเว้นบางตัว เช่น แอสโตร คาร์ปริคอร์น มีหนามแข็งๆคมๆ
*** แอสโตร ที่ราคาแพงขึ้นมาหน่อย ก็จะเป็นพวก แอสโตร ด่าง
5.3 โลโฟ ลักษณะ จะเหมือนคล้ายๆก้อนหิน เขียวอ่อนๆเเบนๆ มีรอยบุ๋มตรงกลาง และ จะมีต้นด่างด้วย ราคาจะยิ่งแพงมากๆ โดยลักษณะจะคล้ายกับ ไม้อวบน้ำ ซูโดไลโทส (หรือ คางคบ)
5.4 อาริโอคาร์ปัส ลักษณะ จะมีกลีบแตกออกมา คล้ายๆกุหลาบ บานบนพื้น แต่กลีบจะมีตะบุ่มตะป่ำ คล้ายๆผัก
5.5 แมมมาเลีย จะมีลักษณะ ข้อหนาม ที่ห่างๆ แต่จะมีขน ลายบนต้นสวย เช่น แมมลูกกอล์ฟ รวมทั้งพวก ขนแกะ ขนแมว ขนนก แมมผู้เฒ่า แมมแม่เฒ่า
6.ไม้อวบน้ำ ที่ฮิตๆ ก็จะมี พาชิโพเดียม เช่น Pachypodium eburneum (โขดอวบๆ มีกิ่งขึ้นมาสี่กิ่งเท่าๆกันหนามๆ) , Huernia (เก๋งจีน) , agave (ตัว titonita จะมีกลีบใบเป็นฟันสวยๆ), Euphorbia (กิ่งมีหนาม ตระกุลเดียวกับ โป้ยเซียน ต้นที่แพงๆ ก็ ยูโฟเบีย ทูเรียเลนซิส ที่พอหาได้ทั่วไป ก็ยูโฟเบี่ย ไดโนเสาร์ ) , Dorstenia (มะพร้าวทะเลทราย พันธุ์ก็จะมี horwoodii , ราฟรานี่ ใบสวย)
, มะพร้าวใบเงิน ก็เป็นอีกตัว ที่ราคาสูง ลักษณะใบจะยาวๆ มีลายเส้นใบขาวๆ ชัดบนต้น
*** มะพร้าวทะเลทราย แพร่พันธุ์โดย รอเมล็ดสุกจากฝัก ดีดออก เท่านั้น
7.พวก ตลับเงิน ตลับทอง , หางลิง , กบ , ไข่มังกร , กบ , คางคบ , ไลทอป , อาริโอ , กุหลาบหิน, สตอเบอรี่ เเมมมาเลีย ,เป็นไม้ ที่ตายง่าย ห้ามรดน้ำ โดนต้น ตากฝน อย่างเด็ดขาด รดน้ำก็ระวังน้ำไปเข้าซอกใบ เพราะส่วนใหญ่ เลี้ยงแปปๆตาย เลี้ยงแปปๆใบหลุด ใบดำ เน่าเข้าแกนต้น
กลีบกระทง หรือ ob ลักษณะคล้ายๆกระทง เป็นไม้ที่อดทนมากๆ ตายยาก แต่ก็เสี่ยงโรค เวลาโดนน้ำขัง จึงต้องระวัง
8.แคคตัสด่าง เกิดจาก เนื้อเยื่อส่วนนั้นในลำต้น ไม่มีคลอโรฟิลล์ ความแข็งแรง จะน้อยกว่าต้นสีเขียว แต่จะมีสีสวยกว่า แต่ตากแดดจัดไม่ทนเหมือนต้นเขียว มันจะมีแผลไหม้ง่าย
ถ้ากรณี ยิมโนด่าง เช่น แม่ลูกดก ถ้าหน่อ ที่เกิดตรงจุดที่ด่าง หน่อใหม่ มันจะด่าง แต่ถ้าจุดนั้น มีแต่สีเขียว หน่อที่ออกมา อาจจะสีเขียว
ยกเว้นกรณี ยิมโนเขียวๆ แต่มีเชื้อด่าง อาจจะออกหน่อ มาด่างสวย แต่โอกาส เกิดน้อยมาก
กลีบกระทง ก็มีด่าง , มะพร้าวทะเลทราย แอสโตร โลโฟ ก็มีด่าง
9.คริส คือ ความผิดปกติ ของเนื้อเยื่อที่เจริญใหม่ มีลักษณะ แตกยอด ออกมาเป็นแผงคล้ายๆ ใบพัด
เช่น ยิมโนด่าง คริส , ช้างคริส , บัลเดียนั่ม (ยิมโนตัวนึง) คริส
โลโฟด่าง คริส
10.ม่อน (มอนโทรส)
คือ ความผิดปกติ ของแคคตัส ที่ไม่สามารถ คาดเดา รูปทรงได้
เช่น ช้างม่อน , ชูแมนม่อน
ปล ถ้าคิดว่า บทความนี้เป็นประโยชน์ เอาไปแชร์ต่อได้เลย ไม่อนุญาตไปใช้หากำไรโดยไม่ได้อนุญาติ และอย่าตีเนียนว่า เขียนเอง
พอดีแค้น ไม่ค่อยมีใครแนะนำละเอียดๆเลย
ปล.2 คนเขียนบทความนี้ื ซึ่งก็คือ ผม ไม่ใช่ กูรูแคคตัส ไม่ได้มีสวนใหญ่โต ไม่มีฟาร์ม ไม่มีที่ดิน ไม่เคยส่งออก นำเข้าต้นไม้ (ไม่มีใครสอน ข้อมูลบางอย่างเข้าถึงยาก) ถ้ามีอะไรผิดพลาด ผมขออภัยด้วย ทั้งหมด เกิดจากความทำความเข้้าใจเอง ไม่มีใครอธิบายละเอียด หรือ มีข้อมูลไรเพิ่มเติม ก็รบกวนบอกกล่าวทีครับ เพราะไม้จับมาน้อย แค่คนชอบต้นไม้เท่านั้น
ปล.3 บทความทั้งหมดนี้ เขียนโดย ผู้โพส pitak
น่าคิด 31-07-63