เพชรคัลลินัน โครตเพชรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ที่ไหน
เพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เพชรคัลลินัน (อังกฤษ: Cullinan diamond) เป็นเพชรคุณภาพอัญมณีดิบ (rough gem-quality) ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบ หนัก 3,106.75 กะรัต (621.35 กรัม) มีความยาวประมาณ 10.5 ซม. (4.1 นิ้ว) ค้นพบเมื่อวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1905 ในเหมืองพรีเมียร์ 2 ใกล้กับกรุงพริทอเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเพชรเพชรกาญจนาพิเษกที่ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2528 หนัก 545.67 กะรัต (109.13 กรัม) ก็จากเหมืองพรีเมียร์แห่งเดียวกัน คุ้นๆใช้มั้ยครับ เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในภาพยนต์เรื่อง ทาซาน
เพชรที่เจียระไนแล้วชิ้นใหญ่ที่สุดนั้นได้ชื่อว่า คัลลินัน 1 หรือดาวใหญ่แห่งแอฟริกา (Great Star of Africa) หนัก 530.4 กะรัต (106.1 กรัม) พลอยชิ้นนี้จึงเป็นเพชรขัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบัน คัลลินัน 1 ถูกติดไว้ที่ส่วนหัวของคทากางเขน (Sceptre with the Cross) ซึ่งเป็นคทาประจำพระมหากษัตริย์อังกฤษ เพชรชิ้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองจากหินคัลลินัน ชื่อ คัลลินัน 2 หรือดาวเล็กแห่งแอฟริกา (Lesser Star of Africa) หนัก 317.4 กะรัต (63.5 กรัม) เป็นเพชรขัดใหญ่ที่สุดอันดับสี่ของโลก เพชรทั้งสองนี้อยู่ในเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร (Crown Jewels of the United Kingdom)
เพชรคัลลินันค้นพบโดยทอมัส อีวาน พาวเวลล์ (Thomas Evan Powell) นักขุดซึ่งนำขึ้นมาจากเหมืองและมอบให้กับผู้จัดการ คือ เฟรเดอริก เวลส์ แห่งเหมืองพรีเมียร์ (Premier Mine) ในเมืองคัลลินัน ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1905 เพชรนี้ถูกตั้งชื่อตามเซอร์ทอมัส คัลลินัน (Sir Thomas Cullinan) ซึ่งเป็นผู้ครอบครองเหมืองเพชรแห่งนี้
เซอร์วิลเลียม ครุกส์ (Sir William Crookes) เป็นผู้วินิจฉัยเพชรคัลลินันก่อนการตัดแบ่งและเจียระไน และพบว่าเพชรนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่ความสว่างใส (clarity) แต่พบจุดสีดำอยู่ตรงกลาง สีสันของเพชรบริเวณรอบ ๆ จุดดำนั้นมีสีสันสวยงามและเปลี่ยนไปตามเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ โดยเขาคิดว่าเกิดจากความเครียดภายในของอัญมณี ซึ่งพบได้ค่อนข้างยากในเพชร
จากนั้นเพชรดิบนี้ได้ถูกรัฐบาลของงอาณานิคมทรานส์วาล (Transvaal Colony) ซื้อและนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแก่ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์
ต่อมาเพชรดิบนี้ได้ถูกตัดแบ่งเป็นสามส่วนใหญ่ ๆ โดยบริษัท รอยัล แอสเชอร์ ไดมอนด์ จำกัด (Royal Asscher Diamond Company) แห่งอัมสเตอร์ดัม และต่อมาเป็น 9 ชิ้นกับเศษเล็ก ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งในขณะนั้น เทคโนโลยีไม่ได้เอื้ออำนวยเพื่อรับประกันคุณภาพของการเจียระไนเพชรดังในปัจจุบัน ซึ่งการตัดแบ่งเพชรในสมัยนั้นถือว่าเป็นงานที่ยากลำบาก และเสี่ยงมาก จึงได้มีการออกแบบอย่างระมัดระวัง โดยทำรอยบากไว้ก่อนที่ความลึกครึ่งนิ้ว และจากนั้นได้สอดมีดที่ออกแบบมาพิเศษนั้น และทำการผ่าออกด้วยแรงมหาศาล ซึ่งทำให้เพชรดิบนี้ถูกแบ่งตรงจุดตำหนิพอดีซึ่งทั้งสองชิ้นนี้ได้แบ่งจุดตำหนิไปเท่า ๆ กัน
เพชรคัลลินันนั้นถูกแบ่งเจียระไนเป็นทั้งหมด 9 เม็ดใหญ่ ๆ และอีก 96 เม็ดย่อย สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงมีพระบรมราชโองการให้ประดับเพชรคัลลินัน 1 และคัลลินัน 2 ไว้ที่ คทากางเขน และ มงกุฏอิมพีเรียลสเตต ตามลำดับ ที่เหลืออีก 7 เม็ด และเม็ดย่อยทั้ง 96 เม็ดนั้นยังอยู่ในกรรมสิทธิ์ของบริษัทเมสเซอร์ ไอ เจ แอสเชอร์ แห่งอัมส์เตอร์ดัม ซึ่งเป็นบริษัทที่ตัดแบ่งและเจียระไนเพชรคัลลินันทั้งหมด จนกระทั่งรัฐบาลแอฟริกาใต้]]นั้นขอซื้อไว้ทั้งหมด และสำนักข้าหลวงใหญ่แห่งสมาพันธ์แอฟริกาได้ทูลเกล้าฯถวายแด่ สมเด็จพระราชินีแมรี่ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1910 และส่งต่อมาถึงปัจจุบัน