ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า ทำไมเราจึงดูดีในกระจก แต่ตอนถ่ายรูปออกมาดูแย่
จากการสำรวจผู้หญิงในสหราชอาณาจักรพบว่าแต่ละคนมองกระจกเฉลี่ยมากกว่า 70 ครั้งต่อวัน และไม่น่าแปลกใจที่เราทุกคนจะทำอย่างนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเสื้อผ้าหน้าผมและเครื่องสำอางของเรานั้นดูเริ่ดอยู่ตลอดเวลา แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่พอใจเมื่อดูรูปตัวเองในภาพถ่าย เชื่อเราสิคุณก็ต้องเคยมีความรู้สึกว่า “ฉันดูดีกว่าในรูป” จริงๆแล้วมันมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์
เป็นไปได้หรือไม่ว่าสมองของเรากำลังหลอกเราอยู่ หรือเรากำลังรู้สึกสับสนหลังจากดูรูปภาพของตัวเราเอง ถ้าคุณอยากรู้คำตอบเหล่านี้เลื่อนลงเมาส์ลงไปได้เลยแล้วคุณจะรู้สาเหตุว่าทำไมเราถึงได้ดูดีมากในเวลาที่เราส่องกระจก
1 เวลามองกระจกทุกอย่างจะสลับข้างกับความเป็นจริง
ทุกคนน่าจะรู้อยุ่แล้วว่าสิ่งที่เราเห็นเมื่อเรามองตัวเองในกระจกจะกลับด้านจากซ้ายไปขวา และเนื่องจากเรามองตัวเองในกระจกทุกวันเราจึงชินตาและรู้สึกดีกับภาพที่เราเห็นในกระจกนั้นเอง แต่กับภาพถ่ายที่เราไม่ค่อยได้เห็นเช่นรูปคุณในภาพถ่าย (ภาพถ่ายปรกติที่ไม่ใช้การใฃ้กล้องหน้าโทรศัพท์ถ่าย selfie เพราะการถ่ายแบบนี้จะได้ภาพเหมือนในกระจก) คุณจะรู้สึกว่าตัวคุณในรูปดูไม่ดีเท่ากับตัวจริง เพราะ คุณไม่ชินกับภาพที่เห็นนั้นเอง
© kyliejenner / instagram
2. เก็กสวยได้ทันที
เมื่อมองในกระจกเราจะเก๊กได้ทันดี หากเราไม่ชอบมุมไหน คุณจะเปลี่ยนท่าหรือมุมหน้าที่หันทันทีโดยการเปลี่ยนมุมใบหน้าของเราและแก้ไขท่าทางและการแสดงออกทางสีหน้าจะทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจกับภาพที่เห็นในกระจกได้ทันที่ แต่เมื่อพูดถึงรูปถ่ายแล้วส่วนใหญ่คุณจะเห็นก็ต้องหลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้วดังนั้นจึงมีภาพหลุดของท่าทางหรือจังหวะที่คุณหลับตาหรือก้มหน้าที่ทำให้รูปออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่เรื่องนี้แก้ได้ไม่ยากเพียงแค่คุณลองจัดมุมหน้าหรือมุมสวยและใช้มุมนั้นในการถ่ายรูปทุกครั้ง ที่หลาย ๆ คนเรียกว่ามีท่าประจำในการถ่ายรูปเลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นการดีที่คุณจะต้องรู้ว่ามุมไหนที่ดูดีและมุมไหนที่ดูไม่ดีและมุมที่ดีที่สุดของคุณคือมุมไหน ไม่เชื่อคุณลองไปสังเกต ไอจีสาว ๆ ดูก็ได้คุณจะพบว่าสาว ๆ ส่วนใหญ่มักจะมีรูปถ่ายที่ทำหน้าเอียงซ้าย หรือ ขวา ซ้ำ ๆ เสมอ
3. เรื่องแสงสว่าง
เวลาคุณอยู่ในที่แสงน้อยเมื่อมองกระจกสมองจะสั่งการให้คุณไม่ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่เห็นไม่ชัดเจน หรือจะพูดง่าย ๆ ว่าเวลาแสงไม่พอแล้วคุณส่องกระจกคุณจะไม่สนใจภาพที่เห็นนั้นเอง แต่เมื่อคุณถูกถ่ายรูป แสงจะจำเป็นอย่างมากเพราะมันจะทำให้รูปของเราออกมาดูสว่างขาวสวย ไม่หน้ามืด
4. ใบหน้าของทุกคนไม่สมดุล
ไม่มีใครมีใบหน้าที่สมมาตรเท่ากันเป๊ะจริงๆแน่นอน ดังนั้นเมื่อคุณมองภาพในกระจก และ ภาพถ่ายจึงให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน จากภาพตัวอย่างด้านซ้ายจะเป็นภาพปรกติ ด้านขวาเป็นภาพที่เราทำให้ คิ้วตาจมูกปากสมมาตรกัน 100% คุณลองดูสิว่ามันให้ความรู้สึกคนละแบบกันเลยว่าไหม
© depositphotos.com
5. สภาพแวดล้อมกดดันคุณ
ตามที่นักวิจัยโนแลนฟีนีย์อธิบายเรามักจะมองกระจกเมื่อเราอยู่ที่บ้านหรืออย่างน้อยก็ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย จึงทำให้คุณรู้สึกสบายและชอบรูปที่เห็นแต่สำหรับภาพถ่ายมันเป็นอีกเรื่องนึงเลยที่เดียวเพราะเราจะพยายามทำตาโตเพื่อไม่ให้กระพริบตาและยืดริมฝีปากของเราให้เป็นรอยยิ้มปลอมหรือทำใบหน้าในแบบที่คิดว่าดูดี ดังนั้นเวลาถ่ายภาพให้คุณถ่ายไปเลยหลาย ๆ มุมแบบต่อเนื่องแล้วเลือกรูปที่ดูดีที่สุดก็พอ
พยายามผ่อนคลายให้มากขึ้น แล้วการถ่ายภาพมันจะดูดีขึ้นในที่สุด
6. เวลามองกระจกคุณจะมองรายละเอียดเป็นจุด หรือ เฉพาะที่เท่านั้น
© beyonce / instagram
เมื่อมองเข้าไปในกระจกเรามักจะมองเน้นเฉพาะส่วนของใบหน้าอย่างเช่นริมฝีปาก จมูก ตา และอื่น ๆ เพื่อดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีอะไรเลอะเพียงเท่านั้น แต่เมื่อมองที่รูปภาพเราจะดูหน้าแบบมองเห็นทุกอย่างพร้อมกันทั้งหมด: จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่บางครั้งคุณอาจจะรู้สึกว่า ทาสีตา หรือ ปากไม่เข้ากัน ทั้ง ๆที่เมื่อมองแต่ละส่วนแล้วมันก็สวยนะ
7 เราคิดว่าเราน่าดึงดูดกว่าที่เป็นจริง
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโก เผยว่าผู้คนมักคิดว่าพวกเขาดูดีกว่าที่เป็นจริง สำหรับการศึกษานี้นักวิจัยได้เลือกภาพของผู้เข้าร่วมและประมวลผลให้เป็นเวอร์ชั่นที่ดูดีขึ้นและแย่ลง จากนั้นผู้เข้าร่วมจะถูกขอให้ค้นหาภาพที่เหมือนกับตัวเองและส่วนใหญ่เลือกผิดโดยเลือกภาพที่น่าสนใจกว่าความเป็นจริง
เพื่อนๆมีวิธีไหนที่ทำให้ตัวเองดูดีขึ้นบ้าง