สารจุฬาราชมนตรี COVID-19 ไม่เป็นอุปสรรคต่อการถือศีลอด ตามวิถีอิสลามจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของผู้ปฏิบัติ
กรณีที่เป็นข่าว ที่กลุ่มดะวะห์ หรือชาวไทยมุสลิมที่ไปร่วมชุมนุมของผู้เผยแผ่ศาสนาที่อินโดนีเซีย ซึ่งเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว 76 คน ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าครึ่ง
ของศาสนกิจการล้อมวงกินข้าว-บ้วนน้ำลาย-ฮารีรายอ การถือศีลอด เป็นอีกหนึ่งในการปฏิบัติของชาวมุสลิมที่จะมีศาสนิกส่วนใหญ่ทำกันคือ การล้อมวงกินอาหารในภาชนะเดียวกัน ในช่วงละศีลอด ในแต่ละวัน และ การบ้วนน้ำลาย ซึ่งในช่วงมีโรคระบาดหนักนี้ เป็นพฤติกรรมที่น่าเป้นห่วงว่าจะกลาย เป็น Supper speeder จากน้ำลายเป็นสารคัดหลั่งที่อาจปนเปื้อนเชื้อไวรัส อีกทั้งการรวมตัวกันมากๆ ด้วย
และในเดือนเราะมะฎอน ที่เริ่มใน 24 เมษายน 63 เป็นวันแรก ซึ้งเป้นเดือนที่ 9 ของปฏิทินฮิจญ์เราะฮ์ในศาสนาอิสลาม เป็นเดือนที่มุสลิมถือศีลอดทั้งเดือน ด้วยเหตุนี้จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า "เดือนบวช" และถือว่าเป็นเดือนที่สำคัญที่สุดเดือนหนึ่ง มุสลิมจะต้องอดอาหารเพื่อที่จะได้เข้าถึงอัลลอฮ์ และเพื่อให้มีความอดทน (ตบะ), การอุทิศส่วนกุศล ระลึกถึงภาวะขาดแคลนอาหาร และผู้ที่ไม่ได้รับการดูแลจากสังคม เช่น คนยากจน เป็นต้น
และทางสำนักจุฬาราชมนตรี มีสารจุฬาราชมนตรี เนื่องในโอกาสเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ_ฮิจเราะห์ศักราช_1441 ออกมาเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติ ระบุว่า การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการถือศีลอด แต่การถือศีลอดตามวิถีอิสลามจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายของผู้ปฏิบัติ จึงขอให้ชาวมุสลิมที่ไม่มีอุปสรรคตามที่บทบัญญัติศาสนากำหนด ได้ถือศีลอดอย่างเคร่งครัด โดยมีมารยาทที่ดีงาม มีเจตนาที่บริสุทธิ์ต่ออัลลอฮ์ และแบ่งปันสิ่งต่างๆ ให้กับเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง และผู้ที่ทุกข์ยาก ตลอดจนต้องมีความอดทนต่อความหิวและกระหาย รวมทั้งไม่สร้างความเดือดร้อนต่อผู้ใด