จับตาองค์กรกลางเป็นหมาหงอยในมือเอกชน หรือเอกชนทำดีจริง ?
อภิมหาโปรเจคยักษ์ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก 1 ใน 5 โครงสร้างพื้นฐานสำคัญในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มูลค่ามหาศาล 2.9 แสนล้านบาท กับการเสนอราคาให้ผลตอบแทนรัฐ 50 ปี สูงสุด 3.01 แสนล้านบาท
ในขณะที่เอกชนอีก 2 ราย เสนอเพียง 1.1 แสนล้านบาท และ 1 แสนล้านบาท ทำให้กลุ่มบีบีเอส เป็นผู้เสนอราคาสูงสุด และเข้าสู่ขั้นตอนการเจรจารายละเอียดร่วมกับคณะกรรมการคัดเลือกฯ
ซึ่งมีความน่าสนใจเกี่ยวกับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ที่ประกอบด้วย
• บริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ของนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ถือหุ้น 45%
• บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ของนายคีรี กาญจนพาสน์ ถือหุ้น 35%
• บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ของตระกูลชาญวีระกุล ถือหุ้น 20%
พอเห็นชื่อตระกูลชาญวีระกุลแล้ว ก็ทำให้นึกถึงนักการเมืองฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลขึ้นมา ที่จุดประเด็นว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 ก็แค่ไข้หวัด
หรือกรณีที่อุปกรณ์ป้องกันตัวสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ จนทำให้มีหมอติดเชื้อโควิด-19 ก็บอกว่า "เพราะไม่เฝ้าระวังตัวเอง" จนทำให้สังคมออนไลน์เดือดหนักจนเกิดแฮชแท็ก #อนุทิน
นี่ก็แค่ประเด็นน่าสงสัยประเด็นที่หนึ่ง ที่มีชื่อนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องกับโปรเจคอภิมหาใหญ่ยักษ์นี้
ส่วนประเด็นที่สอง ก็คือ องค์กรกลางที่เข้ามาร่วมสังเกตการณ์ร่วมกับคณะกรรมการคัดเลือกฯ เงียบเป็นเป่าสาก ไม่หือไม่อืออะไรเลย ครั้งนี้เข้าไปเหมือนโดนปืนจี้หัวเพราะอาจจะเป็นถึงระดับ 1 ใน 4 กองทัพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จนทำให้ไม่กล้าออกมาวิพากษณ์วิจารณ์เหมือนตอนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดประมูล
ข่าวเงียบสงบ เหมือนทะเลสงบ คลื่นลมไม่มี ก่อนที่จะมีพายุลูกใหญ่มา
ก่อนหน้านี้ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน โดยเฉพาะเลขาธิการขององค์กรฯ ได้ออกมาให้ความเห็นไว้ต่างๆ นานา
แต่ตอนนี้กลับเงียบสงบ ไม่กล้าให้ความคิดเห็นใดใดเลย หรือก็แค่เกลียดเอกชนบางกลุ่ม ชื่นชมเอกชนบางกลุ่มจนออกนอกหน้า ไม่กล้าวิพากษณ์วิจารณ์เหมือนที่ผ่านมา???
แล้วแบบนี้ประชาชนแบบพวกเราๆ ละ จะรู้ได้ยังไงว่า โครงการระดับแสนล้าน ที่อาจจะถูกสอดไส้ – ลักไก่ – เร่งอนุมัติหรือแก้เงื่อนไขเอื้อประโยชน์ให้กับทุนใหญ่ไหม ???
ความยุติธรรมและการรักษาผลประโยชน์ของรัฐ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เพราะถือเป็นสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองคนไทยทุกคน
ยุคนี้ประชาชนรู้เท่าทันและข้าราชการที่ดีก็มีมาก เขาไม่ยอมให้ใครโกงง่ายๆ อีกแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งมี “พลเมืองดี” ตื่นรู้สู้โกงมากขึ้นเท่าไหร่ พวกที่คิดจะโกงโครงการขนาดใหญ่จึงยิ่งพยายามวางแผนเป็นขั้นตอน ครอบงำผู้มีอำนาจ และผู้เกี่ยวข้องระดับต่างๆ ให้ได้มากที่สุด แผนและโครงการต้องซับซ้อนเข้าใจยาก
บางกรณีใช้นโยบายระดับสูงที่เรียกว่า “คอร์รัปชันเชิงนโยบาย” บางครั้งอาจใช้อำนาจบิดเบือน อ้างความลับราชการ ความลับทางการค้า ความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หนักหน่อยก็แก้ไขหรือออกกฎกติกาใหม่เสียเลย
ก็ได้แค่หวังว่า ประชาชนจะไม่โดนหลอก?!? อย่าคิดว่าประชาชนโง่ !?!
อ้างอิงจาก: รูปจากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน และมานะ นิมิตรมงคล










