เเพทย์เผยภาพฟิล์มเอกซเรย์ปอด ผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีฝ้าขาวเต็มทั้ง 2 ข้าง
จากการโพสต์ในเฟซบุ๊คของ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยความเป็นห่วงประชาชน ระบุว่า ยอดผู้ป่วยเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งประเทศเพิ่มขึ้นช้า ๆ เป็นประมาณ 60+ คน
ยอดผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 ทั้งประเทศเพิ่มขึ้นช้าๆ เป็นประมาณ 60+ คน สำหรับในกทม.มีผู้ป่วยราว 80% ของทั้งประเทศ มีที่รอดชีวิตแล้วราว 10 ราย และที่เหลือก็น่าจะรอดได้กว่าครึ่ง โดยรวมแล้วอัตราตายในประเทศไทยประมาณ 1% ของผู้ติดเชื้อ แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 ในไอซียูอัตราตายในขั้นต้นของเราขณะนี้อยู่ที่ราว 25% ซึ่งเชื่อว่า ถ้ามาถึงมือเราเร็ว ได้ยาเร็ว และรักษาภายใต้เงื่อนไขที่ปริมาณคนไข้โรคเดียวกันนี้ไม่ได้ล้นมือ เราน่าจะทำให้อัตราตายของผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 ไม่เกิน 40% ได้
ด้านล่างเป็นตัวอย่างฟิล์มปอดผู้ป่วยรายล่าสุดที่ศิริราชช่วยรับส่งต่อจากรพ.เอกชน.เทียบกับของคน ปกติทางด้านขวามือ จะเห็นฝ้าขาวเพิ่มขึ้นมากในปอด ทั้งสองข้าง ประชาชนไทยโปรดใส่ใจมาตรการ Social Distancing and Lock Down โดยเคร่งครัด COVID-19 แด่นักรบในเสื้อกาวน์
นอกจากนี้มีเรื่องต้องรีบทำความเข้าใจกับสาธารณะ มีผู้หวังดีต้องการผลิตเครื่องช่วยหายใจเพื่อให้โรงพยาบาลมีใช้เพียงพอในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 แต่ผมและเครือข่ายแพทย์โควิดวิกฤตทั่วประเทศไทย ได้พยายามแจ้งในหลายส่วนหลายเวทีมาเสมอว่า ปัจจุบันประเทศไทยไม่ขาดแคลนเครื่องช่วยหายใจสำหรับใช้กับผู้ป่วยวิกฤตจากโควิด-19 ที่ต้องเข้ารับการรักษาในไอซียู หรือแม้จะล้นออกมาอีกสองเท่าตัวก็ตาม ทั้งนี้เพราะเราได้มีการขยายขีดความสามารถด้านนี้มานับสิบปีแล้ว
แต่ที่เรายังอาจมีปัญหาคือสถานที่และบุคคลากรที่มีความชำนาญในกรณีมีผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 เข้ามาจำนวนมากในเวลาอันสั้น ซึ่งสิ่งที่เราต้องการขณะนี้คือ
- ชะลอการป่วยโดยรวมจากโควิด-19 ไม่ให้เพิ่มขึ้นมากและเพิ่มขึ้นเร็ว
- ไอซียูที่ปลอดภัยสูงสำหรับบุคคลากร
- อุปกรณ์ป้องกันตนเองส่วนบุคคล (PPE) ที่มีประสิทธิภาพ เพราะขณะฉุกละหุกจะเกิดจุดอ่อนกับพวกเราได้ง่าย
การผลิตเครื่องช่วยหายใจมาใช้กับผู้ป่วยวิกฤต มีความจำเป็นในสถานการณ์ภัยพิบัติร้ายแรง แต่ไม่ใช่กับสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทย