เล็ก นกใน ฆ่าได้หยามไม่ได้

ย้อนไปเมื่อกว่า ๔๐ ปีก่อน ชื่อของ “เล็ก นกใน” หนุ่มวัย ๓๔ ปี โด่งดังไปทั้งประเทศ ก่อคดีสะเทือนขวัญบุกไปสังหาร “กำนันพล” ซึ่งเป็นกำนันทรงอิทธิพลคนหนึ่งของเมืองเพชรในขณะนั้นถึงถิ่น เหตุเกิดเวลากลางวัน ท่ามกลางความตื่นตระหนกของชาวบ้านและผู้พบเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก

การต่อสู้ด้วยอาวุธสงครามและอาวุธร้ายแรงบริเวณทุ่งกว้างบ้านบางกุฬาต่อเนื่องบ้านดอนนาลุ่ม ต.หาดเจ้าสำราญ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ระหว่าง "เล็ก นกใน" กับฝ่ายสมุนของกำนันพล ดำเนินไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตในการปะทะครั้งนั้นถึง ๗ ศพ และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

เหตุการณ์ครั้งนั้น ส่งให้ชื่อ "เล็ก นกใน" โด่งดังทะลุฟ้าทะลวงดินในชั่วข้ามคืน เป็นข่าวใหญ่พาดหัวตัวไม้ในหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับทั้งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและส่วนกลาง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความบ้าดีเดือดของ เล็ก นกใน กับพวก ชนิด “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
แต่ใครจะรู้บ้างว่าเด็กหนุ่มตัวดำ ร่างสันทัด ที่ถูกสังคมประณามว่าเป็น "ไอ้โจรใจเหี้ยม" ฆ่าคนเหมือนผักปลา แท้จริงมีเหตุผลความเป็นมาในเบื้องลึก

เล็กเป็นคนมีอุปนิสัยเป็นเรียบง่ายมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยระรานใครก่อน ชาวบ้านมองว่าเล็กเป็นคนดี มีศีลธรรม บูชาความยุติธรรม และมีความกตัญญูรู้คุณเป็นเรือนใจ ไม่เคยข่มเหงรังแกใครก่อน

ชีวิต "เล็ก นกใน" ควรจะมีคุณค่าต่อสังคมและประเทศชาติ แต่เหตุการณ์บางอย่างในชีวิตบีบบังคับให้ต้องกลายเป็นไอ้เสือร้าย

"เส้นทางชีวิต" ฉบับนี้จะขอร้อยเรียงเรื่องราวของ “เล็ก นกใน” อดีตคนดังแห่งบ้านนาพันสาม อ.เมือง จ.เพชรบุรี ต้องขออภัยหากบางช่วงตอนไม่สามารถเปิดเผยชื่อหรือนามสกุลจริงของผู้ถูกพาดพิงบางคนได้

“กำนันไหน” หรือ นายแก้ว เอี่ยมสอาด วัย ๖๑ ปี อดีตกำนันตำบลนาพันสาม หลานชาย “เล็ก นกใน” ย้อนเรื่องราวของผู้เป็นอาให้ฟังว่า....

"เล็ก นกใน" ที่ตนเรียกติดปากว่า "พี่เล็ก" เกิดที่หมู่ ๖ ต.นาพันสาม อ.เมือง จ.เพชรบุรี บิดามารดาชื่อนายเสาร์-นางแผ่ว นกใน เป็นบุตรคนที่ ๘ ในจำนวนพี่น้อง ๑๒ คน เป็นหญิง ๕ ชาย ๗

ในวัยเด็ก "เล็ก นกใน" ใช้ชีวิตเหมือนเด็กลูกทุ่งทั่วไป ช่วยพ่อแม่ทำนา เลี้ยงเป็ดตามพื้นเพอาชีพของชาวนาพันสาม มีนิสัยโอบอ้อมอารี พูดจาอ่อนหวาน มีเหตุมีผล จริงจังต่อการงาน พูดอย่างไหน จะต้องทำอย่างนั้น ตามวิสัยของนักเลงเมืองเพชร

ที่สำคัญเล็กเป็นคนรักพี่รักน้อง จนเป็นที่รักใคร่ของพ่อแม่และญาติมิตรทั่วไป นอกจากนี้เล็กยังมีพรสวรรค์ด้านเสียงเพลงเป็นพิเศษ ชอบร้องเพลงลูกทุ่งแนว “สุรพล สมบัติเจริญ" แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเงาเสียงสุรพลก็ว่าได้ มีงานวัดหรืองานอะไรในหมู่บ้าน เล็กมักถูกเชิญให้ขึ้นไปร้องเพลง บางครั้งเล็กก็ทำหน้าที่เป็นโฆษกประจำงาน

"เล็ก นกใน" เคยตั้งวงดนตรีวงเล็ก ๆ ชื่อ “รวมมิตรศิลปิน” รับจ้างแสดงในงานต่าง ๆ กระทั่งอายุย่างปีที่ ๒๗ ขณะชีวิตการทำงานในโครงการชลประทานเพชรบุรีและวงการเพลงของเล็กกำลังจะรุ่งโรจน์ เล็กต้องพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

จากเรื่องเล็ก ๆ เหมือนน้ำผึ้งหยดเดียว กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงกับต้องฆ่ากันศพแล้วศพเล่า มันเกิดขึ้นช่วงที่เล็กนำคณะวงดนตรีไปแสดงที่ ต.หาดเจ้าสำราญ อ.เมือง จ.เพชรบุรี มีไอ้หนุ่มในหมู่บ้านนาพันสาม ชื่อ "มอ" (ขอสงวนนามจริง) มาติดพัน “แต๋ว” น.ส.วงเดือน ทองมาลี (มะลิลา) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเล็ก และเป็นหางเครื่องอยู่ในวงดนตรีของเล็กด้วย

มอติดตามไปชมการแสดงที่หาดเจ้าฯ ขณะที่วงดนตรีกำลังแสดงอยู่นั้น มอหรือ ไอ้มอ ได้เขียนจดหมายน้อยไปหาแต๋วบนเวที เมื่อเล็กทราบก็ไม่พอใจ รุ่งเช้าไปต่อว่าไอ้มอที่บ้านซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน เป็นเหตุให้นายวอ (ขอสงวนนามจริง) บิดานายมอที่เห็นเหตุการณ์ไม่พอใจ เดินเข้าไปชกต่อยเล็กจนล้มลุกคลุกคลาน

แต่เรื่องมันไม่จบเพียงเท่านี้ นายวอที่ยังผูกใจเจ็บอยู่ ได้ไปหา นายผัน เอี่ยมสะอาด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๖ ต.นาพันสาม (บิดาของกำนันแก้ว) อาของเล็ก เพื่อขอให้จัดการกับเล็กให้เด็ดขาด

แต่ผู้ใหญ่ผันปฏิเสธ ทำให้นายวอไม่พอใจ กล่าวอาฆาตว่า “หากผู้ใหญ่ไม่จัดการให้ ผมก็จะจัดการกับไอ้เล็กเอง”
ก่อนเช้าวันรุ่งขึ้นนายวอได้เดินทางไปหา กำนันทอ กำนันตำบลนาพันสาม ขอให้ช่วยจัดการกับเล็ก กำนันทอไม่พอใจผู้ใหญ่ผันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงตอบตกลงช่วยเหลือทันที

และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณตี ๑ น. ของวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๑๒ นายแก้ว(ผู้เล่าเหตุการณ์-ขณะนั้นอายุ ๑๑ ปี), นายผัน เอี่ยมสะอาด, นายผ่องหรือน้อย นกใน และ นายสุนทรหรือพราม กลิ่นเหล็ก วัย ๑๙ ปี พี่ชายกับหลานชายร่วมสายโลหิตของเล็ก กำลังนอนเฝ้าเป็ดไร่ทุ่งอยู่ที่กลางทุ่งนาบ้านป่าขาด ต.ท่าแร้ง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ได้มีคนร้ายจำนวน ๙ คน ถืออาวุธครบมือ มีทั้งปืนสั้น-ปืนยาว เดินลัดเลาะทุ่งนาเข้ามาหวังจะถล่มเล็ก นกใน ให้แหลกราญ

แต่บังเอิญขณะนั้นเล็กไม่ได้อยู่ที่เล้าเป็ด เพราะไปนอนที่บ้านพักชลประทาน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ ๒ กม. เมื่อไม่เจอเล็ก ๑ ในกลุ่มคนร้ายได้ตะโกนว่า “ในเมื่อไอ้เล็กมันไม่อยู่ ใครตัวดำยิงทิ้งให้หมด” หลังสิ้นเสียงคนร้ายกลุ่มนั้นได้ใช้อาวุธปืนระดมถล่มยิงนายน้อยและนายสุนทรเสียชีวิตคาที่

จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้เรียกนายผันออกมานั่งคุยที่แคร่ไม้ไผ่อยู่สักพัก ก่อนให้นายผันกับนายแก้วนอนคว่ำหน้าลง มีเสียงปืนดังขึ้น ๓ นัด ตอนนั้นนายแก้วยังไม่รู้ว่านายผันถูกยิง พอกลุ่มคนร้ายเดินหายไปท่ามกลางความมืด พบว่านายผันถูกยิงเสียชีวิตแล้ว

นับว่าเป็นภาวะที่ปุถุชนยากจะทนทานได้ เมื่อ เล็ก นกใน ทราบว่าอา, พี่ชายร่วมสายโลหิต และหลานชายถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดทารุณ เพราะตนเป็นต้นเหตุแต่เพียงคนเดียว

เล็กสืบรู้ว่าใครบ้างที่ร่วมขบวนการสังหารบุคคลอันเป็นที่รักของเขาในครั้งนี้ จึงพยายามจะร้องขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในยุคนั้น เพื่อให้ตามจับกลุ่มฆาตกรมาลงโทษตามกระบิลเมือง แต่ก็ไร้ผล

ต่อมาอีกไม่กี่ปี เล็กต้องสูญเสียพี่ชายอันเป็นที่รักไปอีก ๑ คน เมื่อ นายผวน นกใน พี่ชายร่วมสายโลหิตถูก นายฉลอง ชาวบ้านบางทะลุยิงเสียชีวิตในงานยกช่อฟ้าวัดโพธิ์พระใน อ.เมือง จ.เพชรบุรี

เล็กรู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างมาก ญาติมิตรต้องล้มตายเพราะอริ แต่ตัวเองทำอะไรไม่ได้มาก เพราะต้องคอยระวังภัยจากการตามล่าสังหารเพื่อปิดปากจากบุคคลทั้งในวงราชการและจากกลุ่มอิทธิพลเถื่อนในขณะนั้น

เมื่อชีวิตถูกกดดันและไม่ได้รับการเหลียวแลให้ความเป็นธรรมจากผู้รักษากฎหมายบ้านเมือง เห็นว่าไม่มีมาตรการใดจะรักษาชีวิตของเขาเองให้ปลอดภัยอีกต่อไปได้ เล็กจึงตัดสินใจทิ้งถิ่นฐานบ้านช่อง ทิ้งพ่อแม่พี่น้องที่เขารักใคร่ โดยไปสมัครเป็นทหารพรานเพื่อไปรบในประเทศลาว “สังกัดกองรบพิเศษ” อยู่ใต้บังคับบัญชาของ พล.ท.วิฑูรย์ ยะสวัสดิ์

ทุกเวลานาทีที่ผ่านไป หัวอกของพี่เล็กฝังแน่นด้วยความอาฆาตแค้น ขณะไปรบอยู่ในลาว ก็จะคอยเงี่ยหูฟังข่าวทางบ้านอยู่เสมอ ครั้งใดที่มีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านก็จะลักลอบขนอาวุธปืนเอ็ม ๑๖ ลูกระเบิดสังหารและอาวุธร้ายแรงชนิดต่าง ๆ มาสะสมไว้เพื่อเตรียมการล้างแค้น จากนั้นไม่นาน“กำนันเที่ยง” ถูกยิงเสียชีวิตที่ถนนลูกรังบ้านนาขลู่ ต.นาพันสาม “นายวอ” ถูกยิงที่หน้าบ้านพักของตัวเอง “นายฉลอง” ถูกตามไปยิงเสียชีวิตถึงถิ่นที่บ้านบางทะลุ และอีกหลายศพที่อยู่ในเป้าสังหารของเล็ก ได้ถูกชำระบัญชีแค้นอย่างสาสม

ทุกสายตาพุ่งเป้าไปที่ เล็ก นกใน ก็ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นอาชญากรคนสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการตัวอย่างมากในเวลานั้น หลังจากตามสะสางบัญชีแค้นแล้ว เล็กได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะรับกรรมตามกฎหมายบ้านเมือง และตั้งใจว่าวันใดที่ได้รับอิสรภาพจะอุทิศตนบวชให้พ่อ-แม่ อาศัยธรรมะเป็นที่พึ่งในชีวิตตราบเท่าอายุขัย

แต่ความฝันของเล็กต้องสลายลง เมื่อนายเทียบ อำพันทอง ชาวบ้านบางกุฬา ที่เคยเป็นเพื่อนตีไก่มาด้วยกัน มา "ขอแรง" ให้เล็กไปสังหาร กำนันพล กำนันตำบลหาดเจ้าสำราญ เนื่องจากขัดแย้งผลประโยชน์ทางธุรกิจบางอย่าง ความที่เล็กเป็นคนรักเพื่อน จึงตอบตกลงทันที

ช่วงสายของวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๑๘ ขณะที่เล็กพร้อมด้วย นายเปื่อน โพธิ์บำรุง นายอัมพร พราหมณี นายอเนกหรือขอด เอี่ยมสอาด นายลาภ พรทวี นายศักดิ์ เพชรสุวรรณ นายแจ่ม ทองมาลี นายมั่น ศรีสุกใส นายธรรม (ไม่ทราบนามสกุล) และนายเทียบ อำพันทอง กำลังดักซุ่มรอสังหารกำนันพลที่สวนสัตว์บริเวณคลองหัวตาล หมู่ ๖ บ้านบางกุฬา ต.หาดเจ้าสำราญ กำนันพล พร้อมด้วย นายสมโภช, นายชาญ (อดีตผู้ใหญ่บ้านบางกุฬา) ผู้เป็นหลานชาย และ นายพลอย พร้อมด้วยลูกน้องอีก ๓-๔ คน ได้เดินออกจากบ้านพัก เพื่อจะไปเอารถยนต์ที่จอดข้างโรงน้ำแข็งริมชายทะเลหาดเจ้าฯ (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของร้านประโลม)

เมื่อกลุ่มของกำนันพลเดินมาถึงที่เกิดเหตุ เล็กกับพวกได้กระหน่ำยิงกำนันพลกับนายสมโภชน์เสียชีวิตคาที่ นายชาญหลบหนีไปได้ ส่วนนายพลอยและพวกได้ใช้อาวุธปืนไล่ยิงตอบโต้กลุ่มพี่เล็กจนมาถึงบริเวณชายทุ่งระหว่างบ้านหนองตะพุก-ดอนนาลุ่ม หมู่ ๗ ต.หาดเจ้าฯ เป็นเหตุการณ์ดวลปืนไล่ล่าชีวิตกันดุเดือดเลือดพล่าน
กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองเพชรบุรี สนธิกำลังหน่วยปฏิบัติการในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี และตำรวจพลร่มกว่าร้อยนาย พร้อมขอเฮลิคอปเตอร์ติดปืนกลมาสนับสนุน เข้าปิดล้อมเพื่อจับกุมเล็กกับพวก แต่เล็กไม่ยอมจำนนง่าย ๆ แม้ตกอยู่ในวงล้อมเจ้าหน้าที่ เกิดยิงปะทะกันอย่างดุเดือด ทั้งสองฝ่ายใช้อาวุธสงครามนานาชนิด ทั้ง เอ็ม ๗๙ เอ็ม ๗๒ และเอ็ม ๑๖ ยิงตอบโต้กันสนั่นลั่นทุ่ง ที่เกิดเหตุเหมือนแดนมิกสัญญี

ขณะตกอยู่ในภาวะคับขัน เล็ก นกใน นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ “หลวงพ่อตุ้ม อคฺควิโร” พระเกจิอาจารย์วัดห้วยเสือ ที่เล็กให้ความเคารพนับถือ ภาวนาอยู่สักครู่ ได้มี ร.ต.อ.บัญชา บุญยรัตพันธุ์ รอง ผบ.กองเมืองฯ ปลดอาวุธประจำกาย เดินถือโทรโข่งเข้าไปหาเล็กเพียงคนเดียว เกลี้ยกล่อมให้เล็กกับพวกยอมมอบตัว ถ้ายอมขอให้ยิงปืนขึ้นฟ้า ๑ นัด

เล็กก็ยิงปืนขึ้นฟ้า ๑ นัด และ ร.ต.อ.บัญชา ได้พูดต่อไปว่า ถ้าจะให้เข้าไปหาให้ยิงปืนขึ้นอีก ๑ นัด เล็กก็ยิงปืนขึ้นอีก ๑ นัด จากนั้น ร.ต.อ.บัญชาได้เดินเข้าไปหา เล็กยอมวางอาวุธและเดินออกมามอบตัวพร้อมก้มลงกราบเท้าร่ำไห้ระบายความคับแค้นออกมา ร.ต.อ.บัญชาเกาะไหล่เล็กและพูดทั้งน้ำตาว่า "ผมเห็นเล็กถูกรังแก ทนไม่ได้เหมือนกัน วันนี้ถ้าเล็กตาย ผมก็ยอมตายด้วย"

นายแก้วเล่าว่าถ้าวันนั้นรองฯบัญชาเข้าไปช้า ๒๐ นาที เล็กต้องถูกยิงถล่มเละอย่างแน่นอน เพราะทางการเตรียมเฮลิคอปเตอร์ติดปืนบินจากหัวหิน ๑ ลำ และกำลังตำรวจพลร่มอีก ๑ ชุด กะขยี้เล็กกับพวกไม่ให้เหลือซาก แต่ดวงเล็กยังไม่ถึงที่ตาย

หลังการมอบตัวของ เล็ก นกใน เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ ยึดอาวุธสงครามร้ายแรงได้จำนวนมาก ทั้งยังพบผู้เสียชีวิตจากการปะทะกันทั้ง ๒ ฝ่าย โดยผู้เสียชีวิตฝ่ายเล็กมีนายเทียบ นายแจ่ม นายมั่น และนายธรรม ส่วนฝ่ายกำนันพล มีกำนันพล นายสมโภชน์ และนายพลอย นอกจากนี้ในเหตุการณ์เดียวกันยังมี นายประเสริฐ พลายเผือก ผู้ขับรถโดยสารสายเพชรบุรี-หาดเจ้า ถูกยิงที่คิวรถเมล์กลางตลาดย่านชุมชนในเวลากลางวัน สาเหตุมาจากนายประเสริฐได้พาเล็กกับพวกไปยิงกำนันพล และนายเยื้อน กลิ่นนิรันดร์ ถูกยิงตายที่บ้านบางกุฬา โทษฐานให้ที่พักพิงกับพี่เล็ก

ต่อมาเช้าวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๑๘ เวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น. พนักงานสวบสวน สภ.อ.เมืองเพชรบุรี พร้อมด้วยกองกำลังได้นำตัวเล็ก นายเปื่อน นายอัมพร นายเอนก นายลาภ และนายศักดิ์ รวม ๖ คน ไปฝากขังยังศาลจังหวัดเพชรบุรี

วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๑๙ เล็ก นกใน กับพวก ถูกศาลพิพากษาประหารชีวิต ถูกนำตัวเข้าไปอยู่ในแดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง กรุงเทพฯ

๘ เดือนต่อมา ศาลอุทธรณ์พิพากษาลดโทษเหลือจำคุกคนละ ๑๐๐ ปี และศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ เล็กถูกนำตัวไปขังที่เรือนจำลาดยาวอีก 6 เดือน ก่อนถูกย้ายมาขังที่เรือนจำกลางราชบุรี

"เล็ก นกใน" ชดใช้กรรมในเรือนจำกลางราชบุรีนานกว่า ๑๒ ปี ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ ขณะมีอายุ ๔๖ ปี ญาติพี่น้องและบรรดาชาวบ้านนับร้อยไปคอยเล็กกับพวกที่หน้าเรือนจำ นำขึ้นรถมุ่งหน้าไปยังบ้านนาพันสามทันที

หลังพ้นโทษ เล็ก นกใน ประกาศไม่ขอเป็นมือเป็นเท้าใคร ต่อมาได้รับเลือกจากชาวบ้านให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ ๖ ต.นาพันสาม แทนนายบ่าย พวงบุปผา ที่เกษียณอายุ

วันศุกร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๓๕ เล็ก นกใน ถูก พรทิพย์ อ่วมอุ่ม อายุ ๒๕ ปี นักเลงรุ่นน้องชาว ต.นาวุ้ง ยิงด้วยปืนเอ็ม ๑๖ เจาะหน้าผากสมองกระจายตายคาที่ เหตุเกิดกลางทุ่งนาบ้านนาไทร หมู่ ๓ ต.นาวุ้ง อ.เมือง จ.เพชรบุรี ส่วนนายพรทิพย์เผ่นหายไปในพงหญ้าท่ามกลางความมืด รุ่งเช้า พ.ต.อ.พิสิทธิ์ คำแน่น ผกก.สภ.อ.เมืองเพชรบุรี พ.ต.ท.ชวลิต ภัยลี้ สวญ.สั่งระดมตำรวจมือดีจาก ๗ อำเภอ ปูพรมคนค้นหาแต่ไม่พบร่องรอยนายพรทิพย์แต่อย่างใด

เรื่องราวของ "เล็ก นกใน" เป็นอีกหนึ่งตำนานของมือปืนเมืองเพชร.