โรงเรียนผีสิง กับความมจริงถูกลืม
หลังจากที่ทะเลาะและเลิกกับแฟนแล้ว หมวยจึงเก็บข้าวของย้ายออกจากคอนโดหรูกลางกรุงที่เธออาศัยอยู่กับแฟนของเธอมาพักอาศัยอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่งใกล้กับโรงเรียนมัธยมที่เธอเป็นครูฝึกสอนอยู่
หมวยเป็นนักศึกษาคณะครุศาสตร์ปีสามในมหาวิทยาลัยดังในกรุงเทพฯ มีเพื่อนเป็นดาวของมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาสวยไม่แพ้กับเพื่อนของเธอ แต่ด้วยกระแสค่านิยมของหนุ่มสาวในปัจจุบันที่นิยมชมชอบคนลุ๊คลูกครึ่งฝรั่งอย่างที่ดาวมหาวิทยาลัยเพื่อนของหมวยเป็นอยู่ จึงทำให้หมวยซึ่งมีเชื้อสายจีนสวยแบบเอเชี่ยนลุ๊คตกเป็นรองไป แต่กระนั้น หมวยก็ยังถูกห้อมล้อมไปด้วยหนุ่มๆ โดยเฉพาะนักเรียนวัยรุ่นชายในโรงเรียนที่เธอกำลังฝึกสอนอยู่ ที่มักทะเลาะต่อยตีกันเพราะมีหมวยเป็นต้นเหตุ
โรงอาหารของโรงเรียน...
" เฮ้อ... ฉันล่ะปวดหัวกับเด็กพวกนั้นจริงๆ" หมวยบ่นระบายความอึดอัดกับเพื่อนดาวมหาวิทยาลัยชื่อ
ดาริน
"แหมเธอ... ก็เด็กที่นี่เค้านิยมเอเชี่ยนลุ๊ดแบบเธอนี่ยะ ไม่เหมือนพวกที่อยู่ในมหา'ลัย ตอนนี้ฉันเลยตก
เป็นรองเธอไปเลย" ว่าแล้วก็กินแซนวิชทูน่าเข้าไปอีกคำหนึ่ง
"นี่ยายดาริน ฉันไม่ได้มีความอยากแข่งเรื่องรูปร่างหน้าตาอะไรกับใครเลยนะยะ ฉันน่ะ....."
"หวัดดีครับครูหมวย !"
กลุ่มนักเรียนชายสี่เกลอ นักเรียนนักเลงประจำโรงเรียน มือถือสมุดกันคนละเล่ม กล่าวทักทายหมวยขณะที่เธอกำลังจะกินผัดซีอิ๊วคำต่อไป
"พวกเธอนี่เอง มีอะไรเหรอจ๊ะ ? ไม่เข้าใจแบบฝึกหัดอะไรตรงไหนรึเปล่า ? " และเอากระดาษทิชชู่เช็ดปาก
หมวยมีอุปนิสัยที่เหมาะสมกับการเป็นครูตรงที่เธอเป็นคนที่มีเมตตาต่อเด็กนักเรียนทุกคน มีความอดทนอดกลั้นต่อพวกเขา แม้จะกลั้นไม่ไหวในบางครั้งเพราะความแก่นแก้วของเหล่าเด็กวัยคะนอง แต่เธอก็เข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติของวัยรุ่น เธอจึงไม่ถือสาหาความกับนักเรียนที่ไม่รู้จักกาลเทศะว่าเธอกำลังกินมื้อกลางวันอยู่
"แฮ่ะๆ พวกผมเอาการบ้านมาส่งน่ะครับ ห้องสังคมมันปิดล๊อคไว้ พวกผมเลยเอามาส่งให้โดยตรงเลย
ดีกว่า" หัวโจกในกลุ่มกล่าวพร้อมกับเอามือซ้ายลูบหลังหัวด้วยความขวยเขิน พลางสั่งลิ่วล้อของเขาให้
เอาสมุดการบ้านส่งให้หมวยรวมทั้งของเขาเอง
"เหรอ !?... ทำไมทำเสร็จไวกันจัง แน่ใจนะว่าทำถูกน่ะ ?"
"ก็... แฮ่ะๆๆ " วิชาของหมวยเป็นวิชาเดียวเท่านั้นที่ตัวแสบทั้งสี่นี้เกิดมีความขยันเป็นเด็กเรียนขึ้นมา
กระทันหัน ซึ่งหมวยก็รู้อยู่ว่าเพราะอะไรเมื่อดูจากความเยิ้มในดวงตาพวกเขา
"ไหน ขอดูหน่อยว่าทำถูกกันรึเปล่า ...ถึงส่งไว แต่ถ้าทำผิด ก็ไม่มีประโยชน์นะ"
หมวยแก้และสอนการบ้านที่กลุ่มเด็กแสบโรงเรียนกลุ่มนี้ทำกันมั่วผิดไปหมด จนลืมผัดซีอิ๊วมื้อกลางวันของเธอไปเสียสนิท ในขณะที่ดารินกำลังเพลิดเพลินกับการมองดูหน้าตาของหัวโจกในกลุ่มเด็กแสบนี้ด้วยความสนใจ
เมื่อโรงเรียนเลิกแล้ว หมวยกับดารินก็เตรียมตัวกลับที่พักของตน ทั้งสองไม่ได้พักอยู่ด้วยกัน ดารินพักอยู่กับแฟนของเธอในหอพักหรูที่มีราคาค่าพักแพง ส่วนหมวยต้องพักอยู่คนเดียวในหอพักธรรมดาๆ
ห้องพักครูหมวดวิชาสังคมศาสตร์... ประมาณหกโมงครึ่ง
"นี่หมวย.. ถามอะไรหน่อยสิ"
"อะไรเหรอ ?"
"น้องนักเรียนของเธอที่เป็นคนทักเธอตอนกลางวันน่ะ ชื่ออะไรเหรอ ?"
"ชื่อ อับดุลเลาะห์... ทำไมเหรอ ?"
"อุ๊ย... เป็นแขกนี่เอง มิน่าล่ะ หน้าตาค้มคม คิ้วก็เข้ม แต่ผิวขาวมาก สงสัยเป็นแขกขาว"
"อะไรของหล่อนเนี่ย ? .. หน้าแดงตาเยิ้มเชียว สนใจน้องเค้าล่ะสิ คิดจะงาบเด็กรึไง
เธอมีแฟนแล้วนะยะ"
"แหมเธอออ... นิดหน่อยเอง ของแบบนี้ใครจะอดใจไหวล่ะ ?... น้องเค้า...."
เพล้ง !!!!
"ว๊าย !!!"
จู่ๆแจกันเซรามิคลายไทยใบใหญ่ที่ตั้งประดับไว้ในห้อง ก็เอียงตกลงพื้นแตกละเอียดเสียงดัง ทำเอาหมวยกับดารินและพวกครูสอนวิชาสังคมฯที่ยังอยู่ในห้องสะดุ้งโหยง คนทั้งห้องเงียบกริบ จ้องไปที่เศษแจกัน แล้วก็มองหน้ากัน
"เอาแล้วไง...ไกล้จะทุ่มนึงแล้วด้วย..." หนึ่งในพวกครูสังคมฯอุทานออกมาเบาๆ เสียงสั่น
แล้วทั้งสองนักศึกษาสาวก็เห็นพวกครูทั้งหลายต่างกุลีกุจอรีบเก็บของของตน แล้วก็รีบออกไปจากห้อง โดยที่ไม่มีใครสนใจจะเก็บกวาดเศษแจกันเลยแม้แต่คนเดียว
"หมวย.. ดาริน...พวกหนูกลับกันได้แล้วจ้ะลูก เศษแจกันวันนี้ช่างมันก่อน ไว้ค่อยให้ภารโรงจัดการ
ทีหลังตอนเช้าพรุ่งนี้...ตอนนี้ให้รีบกลับกันไปก่อนเลย"
ว่าแล้ว ครูหัวหน้าหมวดสังคมฯร่างผอมวัยกลางคนสวมแว่นสายตา ก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปจากห้องโดยไม่หันมามองที่ห้องอีก ปล่อยให้ทั้งสองสาวให้ยืนงงและมองหน้ากัน เพราะทั้งคู่เพิ่งจะเห็นอาการนี้ของพวกครูสังคมฯทั้งหลายเป็นครั้งแรก
"...อะไรอ่ะ ?"
"ไม่รู้สิเธอ..."
รู้สึกเหมือนกับมีใครจ้องมองทั้งๆที่ในห้องไม่มีใครอยู่เลย และเริ่มรู้สึกขนลุกแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน หมวยและดารินก็ล้มเลิกความพยายามที่จะแสดงน้ำใจเก็บกวาดเศษแจกันแทนภารโรง และรีบเก็บของออกจากห้อง ปิดประตูล็อค แล้วก็รีบเดินลงบันไดอาคารไป จนมาถึงหน้าประตูหน้าโรงเรียน
"หมวย... ธ... เธอ..เธอรู้สึกรึเปล่า ?"
"รู้สิ... พวกเราถึงรีบออกมากันไง..."
"...ล....เหลืออีกกี่เดือนพวกเราถึงจะฝึกสอนเสร็จ ?" ดารินเข้าใจทันทีว่าเธอกำลังเจอกับสถานการณ์
อะไรอยู่ สีหน้าของดารินตอนนี้ไม่เหลือเค้าของความสนใจในเด็กหนุ่มมุสลิมคนนั้นเลยแม้แต่นิด
"นี่.. ดาริน เธออย่าเพิ่งขวัญเสียไปเลย อาจจะเป็นแค่วันนี้วันเดียวก็ได้ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นไม่บ่อย
หรอก เราจะมาย้ายไปฝึกสอนที่อื่นก็ไม่ได้ด้วย" หมวยเองก็รู้เต็มอกอยู่ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร เพราะ
สิ่งที่เกิดขึ้น มันค่อนข้างชัดเจน
"ฉันอยากดร็อป... " ดารินเริ่มทำหน้าเหมือนจะร้องให้ นอกจากเธอจะเป็นผู้หญิงที่เจ้าชู้แล้ว เธอก็ยัง
เป็นผู้หญิงที่ขวัญอ่อนและขี้กลัวอีกด้วย
"หล่อนอย่าเพิ่งคิดสั้นแบบนั้นสิ ! ทำใจให้เข้มแข็งไว้ เราอาจจะแค่รู้สึกกันไปเองก็ได้... อีกอย่าง
พวกเราใกล้จะเรียนจบกันแล้วนะ"
ถึงหมวยจะพูดแบบนั้น เธอเองก็กำลังอกสั่นขวัญแขวนกับเหตุการณ์ชวนคิดมากที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ ในที่สุดหมวยและดารินก็แยกย้ายกลับที่พักของตน
เมื่อสองนักศึกษาสาวไปแล้ว... ประตูหน้าโรงเรียนก็เลื่อนปิดเองของมันโดยที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยแม้แต่คนเดียว หลอดไฟในเสาไฟหน้าโรงเรียนทั้งหมดดับลงเอง ทำให้บริเวณหน้าโรงเรียนมืดไปหมด มีเพียงแสงสลัวๆจากหลอดไฟในโรงเรียนบางหลอดเท่านั้น บางหลอดก็เริ่มเกิดอาการติดๆดับๆ จากนั้นสุนัขที่อยู่บริเวณรอบโรงเรียนก็เริ่มเห่าหอน และดังขึ้นตามลำดับ !
หมวยมาถึงห้องของเธอพร้อมกับข้าวมื้อเย็น อาบน้ำกินข้าว แล้วจึงเริ่มนั่งตรวจแบบฝึกหัดของนักเรียนที่ส่งช้าจนเสร็จในเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ออกไปยืนเกาะที่ระเบียงหลังห้อง มองดูความเป็นไปของเมืองกรุงยามราตรี และครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องสังคมฯเมื่อตอนเย็น
"คงมีหนูหรือตุ๊กแกวิ่งผ่านแจกันน่ะแหละ ดูจากตำแหน่งการตั้งแจกันแล้ว ก็ตั้งไว้หมิ่นเหม่มาก
บางทีเรายังหวั่นๆเลย ว่าจะเผลอไปชนมันหล่นแตก"
หมวยพยายามคิดบวกแต่ก็ต้องยอมแพ้เมื่อนึกถึงความรู้สึกที่เหมือนมีคนมาจ้องมองและความขนลุกที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน รวมถึงกริยาอาการของพวกครูสังคมฯด้วย เธอจึงเปลี่ยนมาคิดถึงความสำเร็จในชีวิตการศึกษาของตนแทน ซึ่งทำให้เธอค่อยเบาใจและมีกำลังใจขึ้นมาว่าเธอต้องไม่ปล่อยให้อะไรก็ตามมาทำลายความสำเร็จอันนั้นของเธอ
"อะไรนะ !? ดารินอยู่ในโรงพยาบาลเหรอ !?... มิน่าล่ะถึงไม่มาสอน"
"...ม... มันเป็นอะไรก็ไม่รู้... เมื่อคืนมันเข้าห้องน้ำ อยู่ๆมันก็กรี๊ดลั่นห้องน้ำ แล้วก็สลบไป พอฟื้นขึ้นมา
มันก็มีไข้ แล้วไข้ก็สูงขึ้นมากจนมันช็อค เราเลยรีบพามันไปโรงพยายาบาลเนี่ย..."
ปอนด์ แฟนของดารินเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้หมวยฟังทางโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่ากำลังร้อนรนใจอย่างหนัก หมวยและปอนด์พูดกันอีกหน่อยหนึ่งแล้วก็วางสาย
"ใจเย็นๆนะลูก เพื่อนหนูคงไม่เป็นอะไรมากหรอก" ครูหัวหน้าหัวหมวดสังคมฯปลอบใจหมวยเมื่อรู้เรื่องของดารินแล้ว
"ครูมณีคะ เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ? ทำไมทุกคนถึงรีบกลับ เหมือนกลัวอะไรกันซักอย่างหลังจากที่แจกันแตก ?"
"เอ่อ...แล้ว... หนูรู้สึกแปลกๆหลังจากนั้นมั้ยล่ะลูก ?"
ครูมณีเงยหน้าขึ้นไปข้างบนและมองซ้ายมองขวา แล้วถามกลับหมวยด้วยสีหน้าที่แฝงไปด้วยความกลัว ทำเอาหมวยรู้สึกกลัวไปด้วย เหมือนกับครูป้าวัยกลางคนคนนี้จะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"ค... ค่ะ ...รู้สึกเหมือนมีคนจ้อง แล้วก็ขนลุกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ พอลงบันไดก็รู้สึกเหมือนถูกตาม"
"นั่นแหละ.. สิ่งที่หนูรู้สึกได้น่ะ มันเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเขาไม่เชื่อว่ามีอยู่จริงน่ะลูก.... ผี! "
หมวยเย็นวาบไปทั้งตัวเมื่อเธอได้ยินคำคำนี้จนได้ในที่สุด ซึ่งเป็นคำที่เธอพยายามอย่างหนักที่จะเว้นจากการพูดมันออกมา
"ในเคสของดารินเพื่อนหนูน่ะ ยังเป็นแค่น้ำจิ้มนะลูก เหมือนจะเป็นการเตือน มีหลายคนในโรงเรียน
นี้โดนกันมาหนักกว่านี้อีก โรงเรียนนี้มันเป็นโรงเรียนผีสิง ! หนูคงเป็นคนมีบุญมากนะลูก ถึงไม่เป็นไร
น่ะ เพราะตามธรรมดาพวกหนูจะต้องป่วยด้วยกันทั้งคู่เลย"
คำว่า โรงเรียนผีสิง! ก็เป็นอีกคำหนึ่งที่หมวยพยายามที่จะเลี่ยงในการพูด ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นแบบนั้นอย่างชัดเจนตั้งแต่เธอโดนเข้าครั้งแรกตอนเย็นเมื่อวาน... เธอกับดารินโดนผีเตือนอย่างนั้นหรือ ?
"เตือนเหรอคะ ? พวกหนูทำอะไรผิดกันเหรอ ?"
"โฮ้ย ! เอาแน่ไม่ได้หรอกยายหนูเอ๊ย... บางทีพวกมันก็แค่อาละวาดระบายอารมณ์ไปเรื่อยเปื่อยแบบนั้น
เอง นิสัยไม่ค่อยดีกันเท่าไหร่ ...เกเรเกตุงยิ่งกว่าโจ๋ในโรงเรียนอีก เพราะพวกมันทำบาปกันมา"
ภารโรงของโรงเรียนซึ่งเป็นชายวัยชราพูดแจมขึ้นมาเมื่อเขามากวาดทำความสะอาดหน้าห้องสังคมฯ แล้วได้ยินบทสนนาระหว่างหมวยและครูมณี
"พ.. พวกมัน... ?"
"แหม.. ลุงไข่ อย่าพูดทำให้เด็กเค้ากลัวสิคะ เดี๋ยวพาลจะเลิกฝึกสอนเอาหรอก" ครูมณีปรามภารโรง
วัยชราที่กำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"เหอะ เหอะ เหอะ... 'โทษทีๆ ไม่ยุ่งก็ได้ ...ไปละๆ"
ที่โรงพยาบาลตอนเย็น...
"ฉันจะดร็อปแน่ๆหมวย... มันบอกว่าฉันต้องตาย... ฉันกลัว...ฉันยังไม่อยากตาย... ถ้าฉันได้เห็นมันอีกที
ฉันคงตายเหมือนที่มันขู่ไว้แน่...ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ... พระเจ้าช่วยลูกด้วย........"
ดารินในสภาพเจาะน้ำเกลือและนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวพลางสวดอ้อนวอนพระเจ้าของตนอยู่พึมพัม กำสร้อยไม้กางเขนที่คอไว้เสียแน่น ใบหน้าลูกครึ่งฝรั่งแคนาเดียนอันสวยงามของเธอที่เคยขาวใสกลายเป็นขาวซีดเหมือนไก่ต้มไม่มีผิด ละล่ำละลักเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนนั้นอย่างยากลำบาก ว่า
ตอนที่ดารินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน เสร็จกิจแล้วก็ก้มลงที่ซิ้งค์น้ำ ล้างหน้าอีกเป็นรอบสุดท้าย พอเงยหน้าขึ้นมา.... เงาในกระจกกลับไม่ใช่เงาของเธอ ! เป็นเงาของหญิงสาววัยรุ่นสวมชุดนักเรียนมัธยมปลายสภาพปอนๆ ผมสีดำแสกกลางปล่อยยาว ผิวขาวซีด นัยตา จมูก และปาก กลวงโบ๋ดำสนิท !! ยืนตรง เอียงคอเหมือนคอกำลังหัก ส่งเสียงแหบๆ แต่แฝงไปด้วยความดุร้ายว่า
"แกต้องตาย !!"
... คำบอกเล่าจากดาริน ทำเอาหมวยขวัญหนีดีฝ่อ ตัวแข็ง เย็นวาบไปหมดทั้งร่าง
แต่ในขณะเดียวกัน หมวยก็รู้สึกเสียใจที่สุดเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้จบการศึกษาพร้อมกับเพื่อนรักของเธอ ตอนนี้ดารินเองก็ยังไม่มีสติเพียงพอที่จะพูดคุยกับใคร กับหมวย หรือแม้แต่กับแฟนของเธอ เอาแต่สวดอ้อนวอนพระเจ้าของตนเท่านั้น
"เอ่อ... ปอนด์ หมวยไปก่อนนะ หมวยมีงานตอนดึก... อยู่กับดารินไว้ มันจะกลัวถ้ามันอยู่คนเดียว"
"โอเค ได้ ขอบใจที่เอาของเยี่ยมมาฝากนะ... โชคดี"
ที่ทำการภารโรงในโรงเรียน...
"อ้อ... ยายหนูคนนั้นนี่เอง มีอะไรรึ ?" ภารโรงแก่กล่าวทักทายหมวยเมื่อเห็นหมวยมายืนด้อมๆมองๆ
หน้าประตูที่พักอันคับแคบเต็มไปด้วยเครื่องมือช่างของเขา
"ลุงไข่ใช่มั้ยคะ? ลุงไข่... ลุงว่างคุยกับหนูซักแป๊บมั้ยคะ ?
"เห่อะ เห่อะ เห่อะ.... สาวสวยจะมาคุยด้วย ใครจะปฏิเสธได้ลงคอเล่า... เอ้า มาๆ นั่งก่อน"
ลุงไข่ล้างหน้าล้างตาของตนหลังจากที่ไปปลูกต้นไม้ต้นหนึ่งในพื้นที่เกษตรศึกษาของโรงเรียน
แล้วจึงมานั่งเก้าอี้ยาวที่อยู่ตรงข้ามกับตัวที่หมวยกำลังนั่ง
"ว่าไงหนู ?.... เรื่องผีล่ะสิ.. หือ ?" ลุงไข่เปิดประเด็นกับหมวยเพราะรู้ดีว่าต้องเป็นเรื่องนี้แน่
"เอ่อ...ช...ใช่ค่ะ... ที่ครูมณีบอกว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนผีสิง เรื่องนี้มันเป็นยังไงเหรอคะ?"
"อืม...ยายหนูเอ๊ย... โรงเรียนนี้มันเฮี้ยนตั้งแต่สมัยลุงยังเป็นหนุ่มแล้ว... มันเป็นพื้นที่ของคนบาป
คนตายเยอะมากที่นี่... ฆ่าตัวตายบ้าง ฆ่ากันตายบ้าง วนเวียนอยู่อย่างนี้แหละ... วิญญาณบาปของ
พวกมันก็เลยติดแหง็กกันอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนซะที ผีเก่าผีใหม่อยู่กันมั่วไปหมด ฟัดกันเองแย่งอำนาจ
กันก็มี" ว่าแล้วลุงไข่ก็เปิดกระป๋องกาแฟเย็นและจิบเข้าไปอึกหนึ่ง
หมวยฟังแล้วรู้สึกหนาวๆร้อนๆแถวต้นคอ ที่นี่มีผีเยอะมากขนาดนั้นเลยเหรอ !? แล้วเธอก็นึกถึงเรื่องที่ดารินโดนเล่นงานจนเข้าโรงพยาบาล เล่าเรื่องนี้ให้ลุงไข่ฟังอย่างละเอียด ลุงไข่เมื่อรับทราบเรื่องของดารินจากหมวยแล้ว ก็จิบกาแฟเข้าไปอีก สีหน้าเคร่งขรึม
"ยายหนู เพื่อนของเอ็งน่ะ แย่แล้วนะ... ผีในห้องสังคมฯที่ทำพวกเอ็งน่ะ เป็นผีนักเรียนหญิง
ที่แขวนคอตายในห้องนั้น ดุจัด ตอนมันเป็นคนมันมีสัมพันธ์รักกับไอ้หนุ่มแขกคนนึงที่มันชอบ
แต่ไอ้หนุ่มแขกนั่นครอบครัวมันต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นเลยทำให้มันต้องย้ายโรงเรียนไป ยายเด็กนั่น
มันเลยหัวใจสลาย ผูกคอตายในห้องสังคมฯกลางวันแสกๆ วิญญาณดุของมันหลอกหลอนคนใน
โรงเรียนไปทั่ว วันไหนที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาของพวกแขกเค้า คืนนั้นจะได้ยินเสียงร้องไห้
ของมันดังมาจากในห้องสังคมฯ ทำเอาพวกภารโรงลาออกกันไปหมด จนเหลือลุงคนเดียวนี่แหละ"
หมวยฟังเรื่องเล่าแล้วถึงกับขนลุก แอบขยาดที่จะกลับไปทำงานที่ห้องสังคมฯอีก แต่หมวยก็รู้สึกเห็นใจผีนักเรียนคนนั้นด้วย แล้วหมวยก็นึกถึงอับดุลเลาะห์หัวโจกเด็กแสบโรงเรียนที่เธอกำลังสอนรวมถึงกริยาอาการของดารินที่มีต่ออับดุลเลาะห์ ทำให้หมวยเริ่มประติดประต่อเหตุที่ดารินถูกเล่นงาน
"เหรอคะ?...แล้ว... เพื่อนหนูแย่ยังไงเหรอคะลุง ? อะไรจะเกิดขึ้นกับเพื่อนหนูเหรอ ?"
"ตอนนี้น่ะ ยายผีนั่นมันกำลังตามรังควานเพื่อนของเอ็งอยู่ ท่าทางจะกัดไม่ปล่อยด้วย เหมือนมัน
กำลังไม่พอใจอะไรซักอย่างเป็นการส่วนตัวกับเพื่อนของเอ็ง" ลุงไข่ตอบสีหน้าเรียบ
".......!!!!"
หมวยตกใจกับคำตอบ แต่ตอนนี้เธอก็ค่อนข้างกระจ่างแล้วว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น ด้วยความที่เธอพอจะมีเซ้นต์เรื่องจิตวิญญาณอยู่บ้าง หมวยคิดออกว่า ผีนักเรียนสาวนั้นมีความผูกพันกับผู้ชายที่เป็นมุสลิม ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการตายของเธอ เป็นไปได้ที่ตอนนี้ผีนักเรียนสาวนั้น คงไปชอบอับดุลเลาะห์เข้าในขณะที่เขาเอาการบ้านไปส่งหมวยที่ห้องสังคมฯ แต่ดารินมาพูดในลักษณะเจ้าชู้เกี่ยวกับอับดุลเลาะห์ เธอจึงไม่พอใจและจองเวรดาริน เล่นงานดารินจนเข้าโรงพยาบาล... แต่หมวยสงสัยอะไรอยู่อย่างหนึ่ง
"... ขอโทษนะคะ... แล้วลุงรู้ได้ยังไงเหรอคะ ที่ว่านักเรียนคนนั้นกำลังตามรังควานเพื่อนหนู่น่ะ?"
"เหอะ เหอะ...ยายหนู คนที่มีพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ในใจ จะรู้เรื่องนี้ดี... ว่าแต่
เพื่อนของเอ็งเหอะ มันไปทำอะไรในห้องสังคมฯมารึเปล่า ยายเด็กผีนั่นถึงไม่พอใจเอาน่ะ หือ?"
"เอ่อ คือ...เรื่องมันเป็นแบบนี้น่ะค่ะ.... "
พวกหมอและพยาบาลที่ทำงานอยู่กะดึกพากันเข็นเตียงพักฟื้นของดารินออกมากลางล็อบบี้ของชั้นที่สองชั้นที่ดารินพักฟื้นอยู่ ตามคำขอของลุงไข่ซึ่งเดินทางมาด้วยกับหมวย
"ปอนด์อย่าโกรธดารินมันนะ มันไม่ได้ตั้งใจทำอะไรแบบนั้นหรอก เชื่อหมวยสิ"
"ไม่โกรธหรอก เราเข้าใจ แล้วเราก็รู้จักมันดี... ตอนนี้ขอให้มันปลอดภัย เราก็พอใจแล้ว"
"อืม... ก็ดีแล้วที่เอ็งเข้าใจ ไอ้หนู.... เอาล่ะ ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบไว้นะ ถ้าใครไม่ไหวก็ออก
ไปก่อนได้"
ลุงไข่เริ่มภาระกิจแก้ปัญหาที่ผีนักเรียนสาวตนนั้นก่อไว้ พนมมือขึ้นหลับตาสวดคาถาพึมพัมๆ ลดมือลงพร้อมกับลืมตาจ้องมองไปที่ร่างของดาริน
".......อะแฮ่มๆ.... นี่ เมย์เอ๊ย ! เอ็งจะจองเวรยายหนูนี่นานแค่ไหน มันก็ไม่ได้ทำให้เอ็งรู้สึกดีขึ้นหรอก
ถึงมันจะตายสมใจเอ็ง เอ็งก็จะไปอาละวาดกับคนอื่นอีกอยู่ดี เพราะเอ็งเอาแต่ผูกพันอยู่กับไอ้หนุ่ม
แขกคนนั้น เอ็งถึงไปไหนไม่ได้ซะที"
ทุกคนเงียบกริบ รอดูผลของสิ่งที่ลุงไข่กำลังทำอยู่ ส่วนดารินนอนสลบอยู่บนเตียงคนไข้เพราะอำนาจของผีนักเรียนสาวชื่อเมย์ตนนั้น และเธอก็ยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น เหมือนทำเป็นไม้ได้ยินคำพูดของลุงไข่
"นี่... พอเถอะยายหนูเมย์ ยอมรับความจริงซะที ที่ไอ้หนุ่มแขกนั่นมันโดนรถชนตายไปเกิดเป็น
เทวดาบนสวรรค์แล้ว ส่วนเอ็งต้องมาอยู่เป็นผีเปรตเฝ้าห้องสังคมฯที่เอ็งผูกคอตาย โดดเดี่ยวเดียวดาย
มาตั้งนานเพราะโลภะ โทสะ โมหะ ของตัวเองแท้ๆ"
ดารินลืมตาขึ้นมา นัยตาเบิกโพลง ส่งเสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วบริเวณนั้น และเสียงนั้นก็ไม่ใช่เสียงของเธอ แต่เป็นเสียงของเด็กสาววัยรุ่น ซึ่งก็คือเมย์ นักเรียนสาวผู้ฆ่าตัวตาย... ร่างที่สวมชุดคนไข้ของดารินผุดลอยขึ้นจากเตียงมาอยู่บนกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ร่างของดารินที่ลอยอยู่ มีท่าทางเหมือนกับศพคนผูกคอตายที่ห้อยอยู่ไม่มีผิด เหมือนกับถูกดึงคอขึ้นมาแขวนห้อยไว้ฉะนั้น ! ลำตัวตรง มือเท้าทิ้งดิ่ง และคอเอียง
หลอดไฟในบริเวณนั้นเริ่มเกิดอาการติดๆดับๆ บางหลอดก็ช็อตจนแตกไป !!
สิ่งที่เกิดขึ้นทำเอาพวกหมอและพยาบาลที่ยืนห้อมล้อมอยู่ในที่นั้น พากันกรีดร้องกันลั่นด้วยความหวาดกลัว บางคนก็วิ่งหนีออกไป
"เรื่องของหนู !!! น้าไข่จะมายุ่งกับหนูทำไม !!? " เสียงอันขรมและดุร้ายของเมย์ที่สบถออกมาจากร่าง
ของดาริน ทำให้พวกหมอและพยาบาลรวมทั้งหมวยและปอนด์อกสั่นขวัญแขวนกันสุดขีด
"เออ ข้าก็ไม่ได้อยากยุ่งอะไรเอ็งหรอกว่ะ ! แต่ครั้งนี้เอ็งทำเกินไป เอ็งจะฆ่าคน ! แล้วเอ็งก็รู้อยู่ว่า
ฆ่าคนมันเป็นบาปมหันต์ เพราะงั้นก็ได้เวลาแล้วที่ข้าต้องเข้ามายุ่งกับเอ็งจริงๆจังๆซะที"
" หนูจะฆ่าผู้หญิงเจ้าชู้คนนี้ให้ตาย !!!"
" โฮ้ย ! เอ็งก็เหมือนกันล่ะวะ...เอ็งเป็นใคร ถึงมาตัดสินชาวบ้านชาวช่องเค้าฝ่ายเดียว ?... น่าขำว่ะ ...
เอ็งไม่ให้ข้ามายุ่ง แต่เอ็งก็มายุ่งกับยายหนูดารินนี้ แล้วก็ไปยุ่งกับคนอื่น อาละวาดหลอกหลอนเค้าไป
ทั่ว... ใหญ่นักใช่มั้ย หือ? อย่าทำให้ข้าต้องใช้ไม้แข็งนะโว้ย !"
"..................."
ผีสาวนิ่ง หน้าตาบูดเบี้ยวไปด้วยความโกรธและกลัวในเวลาเดียวกัน เธอกลัวลุงไข่เพราะลุงไข่เป็นคนปฏิบัติธรรม เป็นอริยะบุคคล มีเดชและบารมีมาก ผู้คนที่เอาแต่ข้องเกี่ยวกับทางโลกไม่มีทางที่จะเข้าใจและสัมผัสได้ และย่อมเห็นเขาเป็นแค่ภารโรงแก่ๆคนหนึ่งที่ทำงานแลกค่าข้าวไปวันๆเท่านั้น
"นี่ ! ถ้าเอ็งยังขืนเป็นอยู่อย่างนี้ต่อไป เอ็งจะได้ไปเกิดในนรกสถานเดียวเลยนะจะบอกให้... นรกน่ะ มัน
ไม่มีเว้นเด็กเว้นผู้ใหญ่หรอก ใครทำบาปมากก็ต้องไปเกิดที่นั่น ไม่มีรอด เอ็งก็เห็นมาแล้วนี่ ว่านรกมัน
เป็นยังไง... อย่าหาว่าข้าไม่เตือนล่ะ"
"...........น้าจ๋า..... ทำไมอาจาปเขาไม่มาหาหนูบ้าง? ปล่อยให้หนูอยู่คนเดียว... ฮือ ฮือ ฮือ... เขาไม่รักหนู
แล้วเหรอ ?...น้าพาเขามาหาหนูหน่อยได้มั้ย ?" ผีสาวเริ่มมีทีท่าทีอ่อนลง และเริ่มร้องไห้
"เอ็งจะบ้ารึไงวะ ! ไอ้อาจาปมันไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์แล้ว กำลังเสวยสุขเพราะกรรมดีที่
มันทำมา มันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจากสุขอันนั้นของมัน... ลองเอ็งไปเกิดบนนั้นบ้าง เอ็งก็จะ
เป็นแบบมันเหมือนกันล่ะวะ... ใครร้องหาเอ็งจะเป็นจะตายยังไงก็ช่าง เอ็งก็จะไม่รับรู้แล้วก็ไม่สนใจ
หรอก เพราะความสุขบนสวรรค์มันมากมายมหาศาล ไม่มีทางที่จะมาเกลือกกลั้วกับพวกที่ภพภูมิต่ำกว่า
เด็ดขาด... ก็เหมือนสมัยเอ็งยังมีชีวิต เอ็งมันเป็นเด็กไฮโซ เกิดมาเป็นคนรวย เอ็งไม่สนพวกไอ้หนุ่ม
จนๆที่มาจีบ ไปคบกับไอ้อาจาปที่มันเกิดมารวยเหมือนเอ็งโน่น ...เห็นมั้ย ?"
"...กรี๊ดดดดดดดดด !!! โฮ โฮ โฮ โฮ โฮ โฮ !!! ....ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ !!!"
"เฮ้อ... เมย์เอ๊ย ข้าสงสารเอ็งว่ะ... ฆ่าตัวตายนี่มันบาปหนัก เอ็งไม่น่าทำเลย... เพราะความหลง
ตัวเดียวแท้ๆ... เอางี้ ถ้าเอ็งอยากไปเกิดบนสวรรค์ไปเจอแฟนของเอ็ง... ข้าก็จะช่วยเอ็งตามกำลังที่มี"
"จริงเหรอน้าจ๋า !!? น้าจะช่วยหนูใช่มั้ย !?" ผีสาวหยุดร้องไห้ และดีใจที่ได้ยินว่าลุงไข่จะช่วยให้เธอไป
พบกับอาจาปแฟนของเธอ
"จริง... ข้าจะช่วยเอ็งแน่นอน เพราะข้าสงสารเอ็ง... ก่อนอื่นเลย ให้เอ็งเลิกจองเวรยายหนูดารินคนนี้
ทำให้มันหายเจ็บหายป่วยซะ... แล้วคืนนี้ให้เอ็งย้ายไปสิงอยู่ในที่พักของข้าที่โรงเรียน รอข้าอยู่ที่นั่น...
คืนนี้ทั้งคืนข้าจะคุยกับเอ็ง จะทำให้เอ็งเจอทางที่จะไปสวรรค์ให้ได้... ว่าไง ? เอ็งจะยอมมั้ย ?"
" จ้ะๆ !! ...น้าไข่ ! หนูยอมแล้ว... หนูจะรอน้านะจ๊ะ" ผีสาวตอบรับด้วยน้ำเสียงอันร่าเริง
แล้วร่างของดารินก็ทรุดลงมาจากกลางอากาศช้าๆ มานอนแน่นิ่งตามเดิมบนเตียงคนไข้อย่างปลอดภัยด้วยฤทธิ์ของผีสาวเมย์ ผู้ซึ่งตอนนี้กลายเป็นวิญญาณที่สงบแล้วจากความเศร้าและความอาฆาตพยาบาท
ณ ลานกว้างกลางมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุง... หลังพิธีรับปริญญาในวันจบการศึกษา
"เกือบไปแล้วสิ ดีนะที่เธอตัดสินใจไม่ดร็อปไปน่ะ ดาริน"
"เฮ้อ... ถ้าพระเจ้าไม่มาช่วยคุ้มครอง ป่านนี้ฉันคงตายไปแล้วล่ะ แล้วก็คงจะไม่มีวันนี้ด้วย ต้องขอบคุณ
พระองค์จริงๆ" ดารินจับสร้อยไม้กางเขนขึ้นมาจูบ เธอกลายเป็นอดีตดาวมหาวิทยาลัยที่เคร่งศาสนา
ไปเสียแล้ว
"......."
หมวยยิ้ม และนึกถึงการไล่ผีของลุงไข่ที่โรงพยาบาลเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา เธอและปอนด์ไม่ได้เล่าเหตุการณ์นั้นให้ดารินฟังเพราะลุงไข่กำชับไว้ เขาไม่ต้องการทำลายความศรัทธาในศาสนาของเธอ
ฝ่ายดารินนั้น เธออ้างว่า ตอนนอนอยู่ในโรงพยาบาล เธอฝันว่าเธอถูกดึงขึ้นไปบนสวรรค์ ถูกพระเจ้าสอบสวนพฤติฏรรม และตำหนิความเป็นคนเจ้าชู้ของเธอ และขู่ว่าจะโยนเธอลงไปในนรกถ้าไม่เลิกพฤติกรรมนี้ เธอกลัวและสาบานกับพระองค์ว่าจะไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไป พระเจ้าพอใจ แล้วจึงส่งเธอกลับลงมายังโลกมนุษย์ตามเดิม
"ดาริน ! หมวย ! ...มาถ่ายรูปคู่กันหน่อย เราจะถ่ายให้" ปอนด์กวักมือเรียกทั้งสองบัณฑิตสาว
"ป่ะ เร็วหมวย ... หมวย ! ... มัวเหม่ออะไรของหล่อนยะ มาเถอะ ! มาถ่ายรูปด้วยกันเร็ว !"
"จ้ะๆ ! ไปๆ !"
วันเดียวกันเวลาประมาณสี่ทุ่ม... ที่ทำการภารโรงในโรงเรียน
หลังจากที่ทำการวิปัสนาภาวนาอันเป็นกิจวัตรเสร็จแล้ว ลุงไข่ก็ออกมาจากที่พักไปเดินเล่นชมเดือนชมดาวที่กลางสนามฟุตบอลโรงเรียนอันโล่ง บรรยากาศในโรงเรียนตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม... วังเวง หลอดไฟสลัว บางหลอดติดๆดับๆ และมีเสียงสุนัขเห่าหอน สิ่งแวดล้อมทั้งหมดเป็นดุจในหนังผีไม่มีผิด ไม่มีใครทนอยู่ได้นานท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้ นอกจากลุงไข่ ที่เห็นโรงเรียนผีสิงแห่งนี้เป็นดั่งบ้านหลังที่สองของเขาไปแล้ว
"เฮ้อ... พวกเอ็งยังต้องอยู่กันอีกนานเลยว่ะ ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยนะเว้ย... ข้าทำบุญไปให้แล้ว พวกเอ็ง
ดันรับไม่ได้รึไม่รับกันเอง ดื้อด้านกันทั้งนั้น... ตามเวรตามกรรมไปเหอะ"
ภารโรงแก่พึมพัมเมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนของพวกผีที่สิงอยู่ตามที่ต่างๆในโรงเรียน... ทันใดนั้น ก็มีเทพธิดานางหนึ่งปรากฎตัวขึ้นใกล้ลุงไข่ แสงจากรัศมีของนางเรืองรองจนบริเวณนั้นสว่างไปหมด เสียงของพวกผีและเสียงของสุนัขที่กำลังเห่าหอน หยุดลง
"น้าไข่จ๋า"
"โอ้... ยายหนูเมย์เองเรอะ ทำไมเอ็งถึงสว่างขึ้น? เปลี่ยนภพแล้วรึ ?"
"จ้ะน้า... หนูจุติจากชั้นดาวดึงส์ข้ามไปเกิดที่ชั้นดุสิตเพราะน้าสอนธรรมของพระพุทธเจ้าให้หนู
หนูอยากจะมาขอบคุณน้าไข่น่ะจ้ะ... ขอบคุณน้ามากๆจ้ะ" แล้วนางก็พนมมือไหว้ขอบคุณลุงไข่
"เห่อะ เห่อะ เห่อะ... ดีแล้วๆ ชั้นดุสิตเป็นชั้นของผู้มีปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม ข้ายินดีด้วยกับเอ็ง
นะเว้ย... เอ้อ จริงสิ! ข้าว่าจะถามแล้วก็ลืมตลอด มานึกขึ้นได้ตอนนี้แหละ... เอ็งเจอแฟนของเอ็ง
รึเปล่าววะ ไอ้อาจาปน่ะ ?"
"เจอจ้ะน้า"
"แล้วเป็นไง ดีใจมั้ย ?"
"ก็... เฉยๆจ้ะน้า หนูทักเค้าแล้วเค้าก็ไม่สนใจ เค้ากำลังหลงสุขของเค้าอย่างหนัก เอาแต่เพลิดเพลิน
ในสมบัติของตัวเอง ไม่สนใจทำกุศลกรรม หนูเลยปล่อยเค้าไว้แบบนั้นแหละ... ก็แค่เทวดาชั้น
จตุมหาราชิกาโง่ๆองค์นึง ที่กำลังหลงในกิเลสของตัวเอง"
"เฮ้อ... นั่นแหละ เมย์เอ๊ย... มันจะวนเวียนอยู่ในวัฏฎะสงสารอีกนานเพราะอวิชชาของมันเอง
แล้วมันก็ไม่ได้อยู่ในข่ายพระญาณของพระพุทธเจ้าด้วย อีกนานโขเลย กว่าที่มันจะได้รู้ความจริง
ว่า สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงน่ะ ไม่เป็นของเที่ยง สิ่งของก็ใหม่เก่าแตกสลาย คนสัตว์ก็หนุ่มแก่ตาย
มีปกติเกิดขึ้นมาแล้วก็เสื่อมจนดับไป ตามเหตุตามปัจจัย"
https://pantip.com/topic/36527082