หญิงชราวัย 79 ปี เก็บงำความลับสุดอำมหิตไว้ภายในบ้าน ตลอด 20 ปี ไม่มีใครรู้
เรียกได้ว่าเป็นคดีสุดสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในประเทศ ญี่ปุ่น หลังจาก โคอิเคะ หญิงชราวัย 79 ปี ในขณะนั้น เธอได้สารภาพว่า ได้ปลิดชีวิตสามีและซ่อนร่างของเค้าใว้ในบ้านเป็นเวลากว่า 20 ปี โดยที่ไม่มีใครระแคะระคาย
โคอิเคะแทงที่หัวและคอของสามีด้วยมีดทำครัว หลักจากทนถูกทุบตีและทรมานมาเป็นเวลานาน หลังจากสามีเสียชีวิต เธอได้ซ่อนศพของสามีใว้ในบ้าน ถึงแม้เพื่อนบ้านและคนรู้จักจะสงสัยต่อการหายตัวไปของสามีเจ้าอารมณ์ของเธอ แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจมากนัก ศพของเค้าถูกหมกอยู่ในบ้านนานนับสิบๆปี
เธอถูกสามีทำร้ายเป็นเวลานาน นับตั้งแต่หลังจากการแต่งงาน และยังคงถูกทุบตีทุกวันแม้ว่าเธอจะกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง สามีของเธอยังคงเตะและใช้ความรุนแรง ส่งผลให้เธอแท้งลูก เหตุการณ์ครั้งนั้นกระทบกระเทือนจิตใจจนเธอเริ่มมีอาการทางจิต แต่สามีของเธอ ไม่ยอมให้เธอเข้ารับการรักษา ไม่แม้แต่จะให้เจอญาติพี่น้อง
เธอไม่สามารถออกไปไหน หรือไปพบใครได้ แม้กระทั่งเพื่อนบ้านรอบๆ ถ้าสามีของเธอรู้ว่าเธอแอบไปพูดคุยด้วย เมื่อเข้าบ้านเค้าจะทำร้ายทุบตีเธออย่างรุนแรง มันเป็นเรื่องที่หดหู่ที่ว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นในยุคเธอ เป็นได้แค่คนที่คอยรองรับทุกอย่างจากสามีโดยที่ไม่สามารถปริปากอะไรได้เลย ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเธอ แม้แต่ญาติพี่น้อง เธอเหมือนตัวคนเดียว
เมื่อแต่งงานไปแล้ว เธอก็เหมือนสมบัติของสามี นี่คือประโยคที่ผู้หญิงยุคนั้นจะได้ยินจนเป็นปกติ และต้องก้มหัวยอมรับประโยคนี้อย่างขมขื่น
และเพราะการหย่าล้วนเป็นเรื่องน่าอับอาย หญิงม่ายอ่อนแอ ที่พึ่งพาตัวเองไม่ได้ ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมขณะนั้น เธอจึงต้องทนโดยหวังว่าจะดีขึ้นในสักวันหนึ่ง
แต่หลังจากสามีของเธอเกษียณ เค้ากลับยิ่งมีเวลามากขึ้นที่จะอยู่บ้าน และเธอยิ่งถูกทุบตีทำร้ายมากขึ้นเมื่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเขา ในวันที่ความอดทนสิ้นสุด
หลังจากถูกเค้าใช้ไม้เท้าฟาดใส่เธอจนหัวแตกเลือดอาบ ขณะที่เธอกำลังทำอาหารเย็นให้เค้า เธอจึงใช้มีดทำครัวที่อยู่ในมือแทงไปที่หัว และลำคอของเขา จนขาดใจตาย หลังจากนั้น เธอได้เอาศพของเค้าไปซ่อนใว้ ตรงกำแพงห้องเก็บของ และกลับมาเช็ดทำความสะอาดรอยเลือด
เป็นเวลาเดียวกับที่ลูกชายคนโตกลับเข้ามา เห็นบ้านที่เลอะเทอะไปด้วยคราบเลือด แต่ไม่ได้พูดอะไร หลังจากเก็บกวาดทุกอย่างเสร็จ สองแม่ลูกก็กินข้าวเย็นด้วยกัน และเข้านอนเป็นปกติโดยที่ไม่มีใครเอ่ยถึงพ่ออีกเลย เมื่อถูกถามว่า ลูกชายรู้เห็นกับการฆาตกรรมนี้หรือไม่ หญิงชราก็ให้การปฎิเสธว่า ลูกชายของเธอไม่รู้เรื่อง และในตอนนั้นเค้าก็ยังเป็นเด็กและไม่ได้รับรู้อะไร รู้เพียงพ่อไม่อยู่แม่ก็ไม่ถูกทุบตีอีกแล้ว เท่านั้นเอง
ในวันไต่สวน ลูกชายของเธอถูกกันให้เป็นพยานในศาล เค้าเล่าว่า ตลอดเวลาตั้งแต่เค้าจำความได้ แม่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงของพ่อมาตลอด
ผู้พิพากษาตัดสินว่า ความรุนแรงในครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญในการก่ออาชญากรรมของเธอ เธอจะถูกตัดสินจำคุก 5 ปี ในตอนท้ายผู้พิพากษายังเอ่ยว่า หลังพ้นโทษ หวังว่าคุณจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับลูกชาย โดยไม่มีอะไรติดค้างในใจอีกแล้ว
นี่เป็นอีกหนึ่งคดี ที่ดูเหมือนว่า ฆาตกรที่ลงมือได้รับความเห็นอกเห็นใจจากศาล และ คนทั่วไป มากกว่าเหยื่อที่เสียชีวิต จนถึงวันนี้เธอเหลือเวลาที่ยังรับโทษอีกเพียง 2 ปี ขณะนี้เธออายุ 82 ปี และจะพ้นโทษในวันที่อายุ ครบ 84 ปี พอดี