กรองปราบรวบหนุ่มหัวใสปลอมสลิปเงินโอน
เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2562 เว็บไซต์กองบังคับการปราบปรามเผยถึงกรณีการจับกุมนายสุภัทรชัย เกตุแก้ว อายุ 28 ปี ผุ้ต้องหาในคดีนี้ โกงค่าเช่าห้องพักแห่งหนึ่ง บนถนนอินทามระ ย่านสุทธิสาร กรุงเทพมหานคร
โดยนายวุพัทรชัย ได้ปลอมสลิปค่าเช่าห้องพัก โดยวิธีการเพิ่มเลข “0” จากจำนวนที่โอนไป 600 บาท เป็น 6,000 บาท จากนั้น ได้นำสลิปมาถ่ายเอกสาร แล้วนำมายื่นเพื่อชำระค่าเช่าห้องต่อนิติบุคคลของอาคารดังกล่าวนานกว่า 2 ปีเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 194,827 บาท
ทั้งนี้ทางนิติบุคคลฯทราบเรื่องจึงมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนายสุภัทรชัยฯ ไว้ที่สถานีตำรวจภูธรพิษณุโลก ในข้อหา “ปลอมแปลงเอกสารหรือใช้เอกสารปลอม”
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 เม.ย.62 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ1 กองบังคับการปราบปราม โดยความควบคุมของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. ได้สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.ต.พชรเดช บุญฤทธิ์ สว.กก.1 บก.ป. ทำการสืบสวนจนนำไปสู่การจับกุมตัวนายสุภัทรชัยฯ โดยจับกุมตัวได้ที่ ถนนบรมไตรโลกนารถ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จากนั้นจึงได้นำตัวนายสุภัทรชัยฯ ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 ความผิดเกี่ยวกับการปลอมและการแปลง
ตามมาตรา 264 ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอมหรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชนให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
มาตรา 265 ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 บาทถึง 10,000 บาท