อดีตพระเอกลิเกชื่อดัง ชีวิตพลิกผัน พ่วงซาเล้งตระเวณขายก๋วยเตี๋ยวเลี้ยงชีพ

“เสนาะ แสงมณี” วัย 57 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวรถพ่วงข้างเคลื่อนที่ ที่มีการตกแต่งลวดลาย อย่างสวยงามสะดุดตา น่าสนใจยิ่งกว่าคือการแต่งกาย สวมชุดลิเกแบบเต็มเครื่อง แต่งหน้าทาปากพร้อมทั้งร้องเพลงผ่านเครื่องเสียงที่ติดตั้งอยู่ภายในอย่างไพเราะเสนาะหู โดยมีผู้คนสนใจเข้ามาสนับสนุนซื้อก๋วยเตี๋ยวทานกันมากหน้าหลายตา

โดยพี่เสนาะ เผยว่า “ผมเร่ขายก๋วยเตี๋ยวไปตามสถานที่ต่างๆมายายนานกว่า 4 ปีแล้ว โดยก่อนหน้านี้ก็เล่นลิเกมาตลอดแทบทั้งชีวิต” บ้านเดิมผมอยู่จังหวัดกาญจนบุรี โตขึ้นมาก็ชอบและรักในศิลปของลิเก จนไปฝากตัวร่ำเรียนกับคณะลิเกต่างๆ พร้อมทั้งติดตามคณะลิเกออกเดินทางไปทำการแสดงในหลายๆจังหวัด ทั้งในกาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี และอีกหลายที่มากๆ

เริ่มจากเป็นตัวเสนา วิ่งตามพระตามนาง พอหัดร้องหัดรำ จำบทได้ดี ก็ขยับมาเป็นพระรอง จนเป็นพระเอก ทำการแสดงมาหลายสิบปี จนกระทั่งได้มาพบรักกับสาวงามเมืองสามพราน จังหวัดนครปฐม ก็ย้ายตัวเองมาอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยา แต่ก็ยังรับงานแสดงลิเกอยู่ตลอดมา เพราะเป็นรายได้หลัก และเป็นรายได้ที่ดี เพราะในยุคนั้นได้ทั้งค่าตัว ได้ทั้งพวงมาลัยที่แม่ยกนำมามอบนำมาคล้องให้ คืนหนึ่งๆก็มากโชอยู่

ต่อมาเมื่ออายุเริ่มมาขึ้น งานแสดงก็ลดน้อยถอยลง อีกทั้งเกิดปัญหาจนแยกทางกับภรรยา ต้องอยู่ตัวคนเดียว ก็เลยหันมาลงทุนขายก๋วยเตี๋ยว ซึ่งสูตรการทำก๋วยเตี๋ยวก็ได้จำมาจากแม่ เพราะแม่เป็นแม่ค้ามาก่อน แรกๆก็ขายแบบธรรมดา ขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างตระเวณขายอยู่ในพื้นที่สามพราน ใกล้ๆบ้าน จนต่อมาก็เริ่มคิดที่จะสร้างจุดขายโดยเอาศิลปที่ตนเองมีความเชี่ยวชาญคือ “ลิเก”

โดยแต่งชุดลิเก แต่งหน้า ทาปากให้สวยงามเหมือยกับเรากำลังอยู่บนเวที่ ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากพ่อแม่พี่น้องเข้ามาอุดหนุนกันเป็นจำนวนมาก ส่วนรถที่ให้ตระเวณขายด๋วยเตี๋ยวนั้น ก็ตกแต่งลาดลายไทยให้สวยงาม โดยค่อยๆคิดค่อยๆทำ ตนเองจะเป็นคนออกแบบแล้วจ้างให้ต่อเติมให้ ซึ่งกว่าจะถึงวันนี้ก็แต่งรถ แต่งร้านไปนับแสนบาทแล้ว

พี่เสนาะ แสงมณี กล่าวต่อว่า “ทุกวันนี้รายได้หลักก็คือตระเวณขายก๋วยเตี๋ยว รายได้รองคืองานโอแว้นซ์ โชว์ตัวร้องเพลง ร้องลิเกตามงานต่างๆ อย่างวันนี้ที่เราเจอกัน ผมก็จะมางานอีแว้นซ์ที่โลตัส รังสิต จึงซื้อของแต่เช้าและขี่รถจากสามพราน แวะขายมาตลอดทาง จนมาถึงรังสิต ซึ่งตนเองก็ทำแบบนี้ตลอด เวลาไปงานที่ไหนก้จะขับรถขายไปตามเส้นทางผ่านหารายได้ไปด้วยในตัว ไปมาหมดทั้งในกรุงเทพ บางแค มหาชัย สมุทรสาคร สมุทรสงคราม

“รายได้จากการขายก๋วยเตี๋ยวก็พออยู่ได้เพราะตัวคนเดียว วันหนึ่งๆก็ 700-1000 บาท หักทุนแล้วก็พอเหลือใช้อยู่บ้าง ก็ต้องขอกราบขอบคุณพ่อแม่พี่น้องที่ให้ความเมตตาเข้ามาอุดหนุนร้าน”ก๋วยเตี๋ยวลิเก”ของผมเป็นอย่างมาก คืนนี้หลังเสร็จงานที่รังสิต ก็คงขี่รถด๋วยเตี๋ยวกับสามพราน แล้วเริ่มต้นตระเวณขายในเส้นทางใหม่ๆต่อไป