ปารีณา อ่วมหนัก อดีตอธิบดีอุทยาน ชี้ช่อง ฟ้องอาญาคดีรุกป่า จำคุก 2000 ปี
เมื่อวันที่ 21 พย 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้ารักษ์ผืนป่าประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการในกรณีน ส ปารีณา ไกรคุปต์ ส ส ราชบุรี แจ้งครอบครองที่ดิน ภบท 5 จำนวน 1706 ไร่ ในการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรทมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป ป ช ว่า
วันนี้สิ่งที่กรมป่าไม้ต้องเร่งดำเนินการคือ ต้องแจ้งความดำเนินคดีในกรณีดังกล่าว โดยให้ไปประสานข้อมูลกับทาง ป ป ช หรืออำเภอ ว่าใบภบท 5 ที่ น ส ปารีณาแจ้งครอบครองนั้น ได้มาก่อนการประกาศ พ ร ฎ กำหนดเขต สปก หรือไม่ โดยเท่าที่ทราบจากข่าว น ส ปารีณาแจ้งครอบครอง ภบท 5 ต่อ ป ป ช ประมาณ 170 รายการ
ซึ่งหากครอบครองมาก่อนปี 2554 ที่มีการประกาศเขต สปก. ก็เท่ากับเป็นการบุกรุกป่า มีความผิดตาม พ ร บ ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 ในเขตป่าสงวนฯ ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมสภาพแก่ป่าสงวนแห่งชาติ
มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 ถึง 15 ปี และมีโทษสูงสุดถึง 15 ปี พ ร บ ป่าไม้ 2484 มาตรา 54 55 ผู้ใดครอบครองรายสุดท้ายถือเป็นผู้บุกรุก มีโทษตั้งแต่ 2 ถึง 15 ปี โดยในการแจ้งของกรมป่าไม้ก็ต้องแจ้งเป็นรายกระทง คือ 170 กว่ากระทง และขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณาโทษหนักเบาตามดุลยพินิจ คิดเป็นรายคดี ดังนั้นคาดว่าโทษจำคุกก็ตั้งแต่ 300 ถึง 2000 กว่าปี
นายดำรงค์ กล่าวอีกว่า วันนี้สังคมเข้าใจผิดว่าเป็นที่ดิน สปก.แล้วไม่ต้องดำเนินคดี การครอบครอง ภบท 5 ดังกล่าวชัดเจน เพราะมีปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างในพื้นที่คือ โรงเลี้ยงไก่ และน ส ปารีณาเองก็บอกว่าเป็นของตัวเอง จึงไม่ต้องมีการนำชี้เหมือนกรณีอื่นๆ
เพราะเรียกว่ามีตัวผู้ครอบครอง เช่นเดียวกันกรณีผู้สมัคร สส กระบี่ ที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน สปก ก็ต้องไปตรวจสอบว่าครอบครองพื้นที่ดังกล่าวมาก่อนมี พ ร ฎ ประกาศเขตปฏิรูปหรือไม่ วันนี้รัฐบาลจะไปอุ้มคนที่มีอาจมีปัญหาในเรื่องบุกรุกพื้นที่ป่าไม่ได้ ถ้าไปอุ้มจะพังทั้งรัฐบาล ตนยืนยันว่าเรื่องการบุกรุกป่าใครก็ช่วยใครไม่ได้ ซึ่งตนได้ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น