พิษณุโลก พ่อค้า แม่ค้า ยื่นหนังสือร้องผู้ว่าฯ รื้อแผงเหล็กกั้นที่ดินรถไฟฯ
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 นางรุ่งนภาพร รุ่งรัศมี อายุ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 48 /12 ถนนธรรมบูชา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
และพวกได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก ขอให้รื้อแผงเหล็กกั้นตลาดบนที่ดินรถไฟฯหน้า โรงเรียนผดุงราษฎร์ พิษณุโลก โดยมีนายอธิปไตย ไกรราช ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน
โดยหนังสือระบุว่า "สิ่งที่ส่งมาด้วย สำเนาเอกสารใบรับรอง การเช่า 1 ฉบับ ด้วยข้าพเจ้านางรุ่งนภาพร รุ่งรัศมี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 48 /12 ถนนธรรมบูชา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นทายาทนายวาสิต กวยะปาณิก และพ่อค้า แม่ค้า ที่พักอาศัยและค้าขายบนที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ตรงข้ามโรงเรียนผดุงราษฎร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก มานาน 30 ปี โดยจ่ายค่าเช่า การรถไฟแห่งประเทศไทย
เนื่องด้วยขณะมีผู้อ้างว่าเป็นตัวแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดรุ่งเรืองเอ็นจิเนียริ่ง ได้ประมูลที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณดังกล่าว ได้นำลูกน้องมาติดตั้งแผงเหล็กกั้นไม่ให้ พ่อค้า-แม่ค้า จำนวน 22 ราย ที่ขายของมานาน 30 ปี และยังพบผู้ป่วยติดเตียง 1 ราย ไม่ให้รถยนต์เข้า-ออก และจอดเทียบข้างถนนธรรมบูชาไม่ได้ เพราะทำให้กีดขวางการจราจร ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
สำหรับผู้ป่วยอัมพาตเป็นผู้ป่วยติดเตียง บ้านถูกปิดตาย พบแผงเหล็กยาวไม่ต่ำกว่า 8 เมตร จำนวน 2 แถวยาว ปักหลักริมถนนธรรมบูชาแล้ว ยังติดตั้งบริเวณทางม้าลายหน้าโรงเรียนผดุงราษฎร์ ตรงอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาด ซึ่งเด็กนักเรียนต้องเดินข้ามถนนทุกวันทั้งเช้าเย็น ทำให้ไม่สามารถข้ามถนนบริเวณดังกล่าวได้
ต่อมาเทศบาลนครพิษณุโลกได้ตัดช่องแผงเหล็กกั้น เพื่อเด็กนักเรียนและครูที่พาเด็กข้ามถนนยืนพัก แต่ยังมีเหล็กแหลมยื่นออกไป โดยปักพุกเหล็กติดยึดกับพื้นคอนกรีต ริมถนนพุทธบูชา อาจจะให้เกิดอันตรายเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนที่เดินข้ามถนนไป-มา โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็น รวมทั้งยวดยานพาหนะที่ขับขี่ผ่านไป-มา อีกด้วย
ประการสำคัญบรรดาพ่อค้า-แม่ค้า ที่อาศัยพื้นที่อยู่กันมานาน ได้รับความเดือดร้อนกันทั้งหมด เพราะขายของไม่ได้ ลูกค้าไม่สามารถจอรถได้เลย ขณะที่ผู้บุกเบิกได้ลงทุนถมดินพัฒนาจากล่องน้ำรกร้างริมทางรถไฟ เป็นที่อยู่อาศัยหน้าโรงเรียนผดุงราษฎร์ มานานหลายสิบปี ต่อมาได้จัดทำเอกสารใบรับรองของผู้เช่าอยู่เดิมได้จ่ายเงินให้การรถไฟวันละ 600 บาทกระทั่งหยุดไป เพราะผู้เช่าสามีของตน คือนายวาสิต กวยะปาณิก ถึงแก่กรรม เมื่อปี 2558
"ก่อนที่จะพัฒนาตลาดบริเวณดังกล่าว การรถไฟฯได้มอบให้นายวาสิต กวยะปาณิก ถมที่ดินจากทุ่งวัชพืชรกร้างคันคูน้ำริมทางรถไฟ กระทั่งพัฒนาเป็นลานดินและพัฒนาเป็นล็อกที่ขายของและที่อยู่อาศัย ลงทุนเม็ดเงินไปจำนวนมาก พร้อมตกลงกับการรถไฟฯ ว่า หากการรถไฟฯจะเรียกคืนที่ดิน เพื่อใช้ในกิจการรถไฟฯ เมื่อใด นายวาสิต ก็พร้อมคืน แต่การรถไฟฯ กลับนำที่ดินดังกล่าวไปให้ผู้อื่นเช่า ที่สำคัญไม่ได้แจ้งให้เจ้าของเดิมก่อน อีกทั้งผู้ที่อ้างว่าได้ทำสัญญาเช่าที่ของการรถไฟฯ ต้องการให้พวกตนออกไปจากพื้นที่สถานเดียว ตนจึงไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน และปกป้องสิทธิตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
"สำหรับหนังสือที่ออกโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ลงนามโดย นายวัลลภ ทองงามขำ นายสถานีรถไฟพิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 (ตามเอกสารแนบ) โดยเริ่มเก็บค่าใช้ประโยชน์มาตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2546
จึง ขอให้ดำเนินการรื้อแผงเหล็กกั้นออกไปทั้งหมด เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนให้พ่อค้า แม่ค้า สามารถค้าขายดำรงชีพได้ตามปกติ เด็กเรียนและครูข้ามไป-มาได้สะดวก รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียงสามารถนำรถยนต์เข้าไปรับ เพื่อไปตรวจรักษายังสถานพยาบาลมาตลอดจนยวดยานพาหนะที่ขับผ่านไป-มา และจอดรับส่งนักเรียนได้เหมือนที่เคยไปปฏิบัติกันมาอย่างปกติสุข
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
ลงชื่อนางรุ่งนภาพร รุ่งรัศมี"