อุบลราชธานี สลด! พ่อแม่ทะเลาะกัน ลูกเข้าห้ามถูกยิงดับ
อุบลราชธานี - ตำรวจชุดสืบ ติดตามจับกุมตัวนายวิสุทธิ์ พันเพ็ง อายุ 44 ปี ผู้ก่อเหตุยิงนายปริวัตร อายุ 17 ปี ผู้เป็นลูกแท้ตาย หลังจากเกิดทะเลาะกับภรรยา แล้วน้องปริวัตร ลูกชายพยายามเข้าไปห้าม แต่พ่อโมโหจัดควักปืนออกมายิง ไปถูกลูกตัวเองตาย ก่อนหลบหนีไป จนตำรวจสามารถติดตามจับได้แล้ว
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ต.อ.ภัทรพล โพธิอะ ผกก.สภ.เดชอุดม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี นำเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตืดตามจับกุมนายเข้าจับกุมนายวิสุทธิ์ พันเพ็ง อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพ่อของผู้เสียชีวิต พร้อมอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์พร้อมปลอกกระสุนปืนในรังเพลิงจำนวน 1 ปลอกหลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายปริวัตร แผ่นคำลา อายุ 17 ปีบุตรชายเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเวลา เวลา 22.15 น.วันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
พ.ต.ท.เชาว์วัชรภูมิ วิเศษศักดิ์ สารวัตร(สอบสวน) สภ.เดชอุดม ได้รับแจ้งมีเหตุพ่อใช้อาวุธปืนยิงลูกจนเสียชีวิตเหตุเกิดที่บริเวณถนนสาธารณะภายในหมู่บ้านชัยอุดม หมู่ที่ 15 ต.เมืองเดชอ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี รับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยได้มีชาวบ้านช่วยกันนำตัวนายปริวัตร แผ่นคำลาอายุ 17 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสั้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดมและส่งต่อไปที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์และเสียชีวิตในวันนี้ (3 พ.ย.)
จากการสอบสวน นางสาวรัตนาวดี แผ่นคำลา อายุ 44 ปี มารดาของนายปริวัตร แผ่นคำลาอายุ 17 ปี ผู้ตาย ให้การว่าเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 เวลาประมาณ 21.30 น. ระหว่างที่ นางสาวรัตนาวดี แผ่นคำลา กับนายวิสุทธิ์ พันเพ็ง อายุ 44 ปีซึ่งเป็นสามีภรรยากันได้เกิดมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันอยู่ที่บริเวณถนนสาธารณะภายในหมู่บ้านชัยอุดม หมู่ที่19 ตำบลเมืองเดช อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีนายปริวัตรแผ่นคำลา อายุ 17 ปี บุตรชายอยู่ในเหตุการณ์ ด้วยโดยนายปริวัตร เกรงว่าบิดาจะทำร้ายมารดา จึงได้เข้าไปห้ามนายวิสุทธิ์บิดาไว้แต่นายวิสุทธิ์ได้ชักอาวุธปืนพกสั้นที่ได้พกติดมาด้วยออกมา 1 นัด กระสุนถูกนายปริวัตรล้มลงกับพื้นถนนได้รับบาดเจ็บจากนั้นก็ได้มีชาวบ้านช่วยกันนำตัวนายปริวัตรส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม ส่วนนายวิสุทธิ์ผู้ก่อเหตุก็ได้หลบหนีไปพร้อมอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุและต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เดชอุดม ได้ออกติดตามตัวนายจับกุมนายวิสุทธิ์ได้พร้อมอาวุธปืนและปลอกกระสุนปืน ที่ใช้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
ที่มา: ubonnews อุบลนิวส์