กระทู้ทรงคุณค่า! แบ่งปันประสบการณ์ปลดหนี้ล้านใน 4 ปี
หลายๆ คนคงมีเรื่องที่เคยทำผิดพลาดกันใช่ไหม แน่นอนว่าทุกคนต้องมีแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม เหมือนเจ้าของกระทู้คนนี้ เธอเคยทำผิดพลาดเอาไว้กลายเป็นต้องมีหนี้ติดตัว แต่การทำพลาดไม่ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป เพราะความผิดพลาดนั่นแหละจะกลายเป็นครูให้เราในอนาคต เรื่องราวของเจ้าของกระทู้มีที่มาที่ไปและถือว่าเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายๆ คนได้ โดยเฉพาะยุคสมัยนี้เราอาจเผลอใจไปกับหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่าง ต้องทำใจให้หนักแน่น วางแผนให้ดี
การเป็นหนี้ของเจ้าของกระทู้เกิดขึ้นได้ยังไงเราไปดูเรื่องนี้พร้อมๆ กันเลย!
(ด้วยเรื่องที่ค่อนข้างยาว เราจะขอย่อสรุปให้ทุกคนเข้าใจอย่างกระชับเอาเฉพาะเนื้อๆ และขอใช้รากศัพท์เดิมของเจ้าของกระทู้)
‘แบ่งปันประสบการณ์ ปลดหนี้ล้านใน 4 ปี’
จุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้
เจ้าของกระทู้ได้บอกว่าแต่เดิมเขาเป็นเด็กบ้านนอก ไม่เคยมีอะไร ไม่เคยได้อะไร ตอนเรียนก็ขอทุนมาตลอด มีปัญหาทางครอบครัวพ่อแม่แยกทางกันจึงต้องหาเลี้ยงตนเองจนจบม.6 พอเรียนจบช่วงทำงานทำให้มี บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อ รายได้รวมตอนนั้น อยู่ที่ 22,000-25,000 จากเด็กที่ไม่มีอะไรเลยทำให้ใช้เงินกิน เที่ยว ซื้อ รูดบัตรทดแทนสิ่งที่ไม่เคยมี เขาผ่อนรถด้วยการกดเงินในบัตรมาดาวน์รถ 1 แสน ใช้ชีวิตอยู่แบบเดิมหลายปี เงินก็เริ่มไม่ค่อยคล่อง รถปีที่ 2 เริ่มผ่อนประกันเอง จ่ายค่าบำรุงรักษาเริ่มแพงขึ้น จากหลักพันเริ่มเป็นหลายพันจนถึงหลักหมื่นในบางช่วง เขาจึงหาช่องทางทำเงินต่อด้วยการไปขายของที่ตลาดนัด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ขายเครื่องสำอางค์ กู้เงินธนาคารมาดำเนินธุรกิจ 50,000 ซึ่งช่วงแรกขายดีเลยตัดสินใจลาออกมาขายของเต็มตัวเพราะได้กำไร พอภายหลังๆ ยอดขายเริ่มตกจนบางวันขายไม่ได้เลย ซึ่งมารู้ว่ามีร้านอื่นมาเปิดขายแข่ง สุดท้ายเขาเจ๊งเพราะขาดประสบการณ์ ทุนไม่หนา การตลาดไม่เป็น
พอร้านเจ๊ง เขายังมีรายจ่ายต้องจ่ายเลยต้องกลับไปหางานทำ ได้งานใหม่เงินเดือน 18,000 บาท (น้อยกว่าเดิม) พอผ่านโปรที่ทำงานใหม่มีสวัสดิการให้พนักงานกู้ได้ 10 เท่าของเงินเดือน เขาตัดสินใจกู้มาปิดบัตรบางส่วนเพื่อที่จะได้ผ่อนที่เดียว สุดท้ายได้ปิดแต่ก็กลับไปใช้บัตรนั้นเหมือนเดิมจนวงเงินเต็มอีกรอบ ซึ่งมาถึงจุดหนี้เขามีหนี้ทั้งหมด 11 รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านบาท เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการปล่อยหนี้ทุกอย่าง ยกเว้นรถกับสินเชื่อที่ทำงาน
หลังจากปล่อยทุกสิ่ง สิ่งที่ต้องเตรียมรับมือคือการทวงหนี้ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะบัตรกดเงินสดที่ไม่ใช่ธนาคารจะโทรหาวันวันละ 3 รอบ จะได้พักแค่วันอาทิตย์ และสายจะลดลงหลังจากผ่าน 3 เดือนแรกไปแล้ว ถ้าไม่รับมือถือจะโดนโทรเข้าที่ทำงาน ต่อไปคือที่บ้าน และเบอร์บุคคลอ้างอิง เรียกได้ว่าตามทุกช่องทาง ผ่านเข้าเดือนที่ 2 มีเจ้าหนี้ 1 ราย เสนอลดจาก 120,000 เหลือ 50,000 เขาตัดสินใจเอาเงินก้อนสุดท้ายที่กดจากบัตรก่อนหน้าที่จะปล่อย+โบนัส ปิดบัตรใบนั้นไป
ช่วงที่เลวร้ายที่สุดคือ เมื่อเงินเดือนที่ออกมาถูกจ่ายออกไปหมด รถ 6,500 สินเชื่อ 5,300 บ้าน 1,200 ผ่อนญาติ 3,000 หักประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพหักภาษีหมด ติดลบ เขาตัดทุกอย่างทิ้งทั้งหมด ปาร์ตี้ บุหรี่ กินเหล้า เลิกทั้งหมด เหลือเพียงแค่ไป กลับที่ทำงานเท่านั้น ช่วงนั้นมีรถเมล์ รถไฟฟรี จากคนตื่นสายกลายเป็นคนตื่นเช้าเพื่อมารอรถเมล์ฟรี ไปต่อรถไฟฟรี เงินที่หารใช้ได้ต่อวันคือ 40-60 บาท ซื้อข้าวกล่องร้านป้าที่กินจนเป็นลูกค้าประจำ ขอเพิ่มข้าวฟรี แบ่งออกกิน 2 ครั้ง เช้า กลางวัน บางครั้ง เช้า เย็น หลายครั้งเพื่อนที่ห่อข้าวมาด้วยแบ่งข้าวให้กินกลางวัน น้ำชา น้ำหวานเลิก บุหรี่เลิก น้ำหอมเลิก ครีมใช้แบบซองตามเซเว่น โลชั่นเลิกทา ครีมอาบน้ำมาใช้สบู่แทน เรียกได้ว่าปลดทุกสิ่งออกหมด ช่วงชีวิตนี้อยู่ 4-5 เดือน พอเงินออกคืนเพื่อน เพื่อนเอาไปจ่ายบัตรแล้วกดมาให้เขาใหม่ เขาเครียดจนกลายเป็นคนนอนไม่หลับ หลับไม่สนิท เป็นความดัน หลงลืมง่าย 4-5 เดือน ผ่านไปที่ชีวิตเป็นอยู่อย่างงั้น จนวันนึงที่ทำงานมีงานเยอะขึ้นเลยแจกโอทีให้พนักงานทำ ทุกเย็น รวมถึงวันเสาร์ เขาทำอย่างบ้าคลั่งเรียกได้ว่าไม่ปล่อยให้หลุด ชีวิตดีขึ้นเพราะไม่ต้องรบกวนเพื่อนแล้ว โอทีรับตกเดือนละ 4,000+
หลังจากผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมาได้ก็มีอะไรใหม่ๆ เข้ามา นั่นคือ “หมายศาล” ของบัตรผ่อนของ ของธนาคารเมืองเก่าเรียกให้ไปเจรจา ไกล่เกลี่ยหลังจากหยุดไป 10 เดือน ซึ่งตอนแรกไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ฟ้องด้วยเงินต้น 4 หมื่นปลาย (จำยอดแน่นอนไม่ได้) จากยอดเงินต้น 37,000 สุดท้ายเราขอเลื่อนไปประมาณ 3 เดือน โดยแจ้งว่าจะหาเงินมาปิด ซึ่งโชคดีมากที่ศาลให้ ปกติศาลให้เลื่อนได้แค่ 2 เดือน พอครบ 3 เดือนไปศาลอีกครั้ง เขาจำยอมผ่อนให้จบ 12 เดือน เดือนละ 2,000 (จ่ายเท่าไหร่ก็ได้ขั้นต่ำ 2,000 แต่ให้จบภานใน 1 ปี คือต้องปิดงวดสุดท้าย) เพราะเขาไม่มีเงินครบ 1 ปีเจ้าหน้าที่โทรมาบอกให้ปิดยอด ต้องหาหยิบยืมเงินมาปิด
ชีวิตเดินไปอย่างทุลักทุเล เงินพอบ้างไม่พอบ้าง ค่าผ่อนรถมาหยุดตรงที่ค้าง 3 งวด แล้วจ่ายดีดไป 1 งวดอยู่เป็นปี เพราะถ้าเลยรถโดนยึด ผ่อนแต่รถจอดเพราะไม่มีเงินเติมน้ำมัน พ่อเลี้ยงต้องแอบเอาเงินมาต่อค่าภาษีให้ เปลี่ยนแบทให้ ที่บริษัทมีการแจก เงินปันผล หากใครทำยอดถึงจะได้เงินปันผลทุก 3 เดือน เขาทำงานสุดทุ่มสุดตำจนเป็นเหตุให้ปิดยอดใบที่ 3-4 ได้ เป็นบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดจากยอด 7 หมื่นกว่า เหลือ 30,000 เขายังไม่กิน ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม มีออกไปงานเลี้ยงส่งคนลาออกบ้าง นานๆ ที พอโบนัสออกเขาใช้หนี้ทันที กั๊กไว้บางส่วนเพราะผู้ใหญ่ที่ทำงานไม่ค่อยชอบ เขามีผลงานเป็นที่ 1 แต่ประเมินผลงานต่ำกว่าคนที่รองกว่ามาก ให้รางวัลกับคนที่ 2 โดยอ้างเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น และงานตรงนี้ทำให้เขาเครียดและกดดันมากด้วย เขาเลยตัดสินใจขอหลบจากผู้คนออกไปมองโลกสักครั้งที่ญี่ปุ่นด้วยเงินที่กั๊กไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาลางานทันที 11 วันเที่ยวจากโตเกียวไปจบที่โอซาก้า ระหว่างทริปขอโฮสที่ญี่ปุ่นนอนเพื่อประหยัดเงิน พกมาม่าไป จุดประสงค์แค่อยากมองโลกใหม่เท่านั้น ไม่ใช่ช็อปหรือไปกินเที่ยว สรุปทริปนั้นใช้เงินไป 25,000 รวมตั๋วเครื่องบิน ซึ่งมันได้ผล เพราะพลังในตัวกลับมากเต็มเปี่ยมอีกครั้ง พร้อมสู้ แต่หลังจากนั้นผ่านไป 2 เดือน เขาทนไม่ไหวเลยลาออก ประจวบเหมาะกับเพื่อนชวนไปทำงาน เลยตัดสินใจทำทันที
ชีวิตเขาตอนนี้ผ่านมา 4 ปีแล้วนับจากตอนที่เป็นหนี้หนักๆ ปลายปี 57 ดำเนินมาจนถึงจุดที่ผ่อนรถหมด สินเชื่อปิดไป 10 ตัวเหลือตัวสุดท้าย วงเงิน 24000 ยอดหนี้ 40000 ตอนนี้อยู่ในช่วงเจรจาขอลดหนี้ แต่ก็ขู่จะฟ้องอยู่ แต่เขาไม่ได้กลัวอะไรแล้ว ผ่านมาหมดแล้ว เขายังคงใช้แผนการดำเนินชีวิตเหมือนเดิม ยังเลิกใช้น้ำหอม สูบบุหรี่ ครีมยังใช้แบบซองอยู่ เริ่มมีสังสรรได้ แต่ก็ไม่บ่อย ตอนนี้ชีวิตดีขึ้นมาก 4 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่าที่สุดในชีวิต เขาได้เพื่อนแท้ เขาเสียเพื่อนเทียม ได้มิตรภาพใหม่ๆ ได้มุมมองใหม่ คนใหม่ กลัวการใช้เงิน แต่สุขภาพแย่ตามมาเพราะทำงานหนัก
วิธีปลดหนี้ของเจ้าของกระทู้ (ฉบับเต็ม)
- ตัดทุกสิ่งที่ฟุ่มเฟือยออกให้หมด อย่างเราเลิกใช้น้ำหอม เลิกซื้อเสื้อผ้า เปลี่ยนครีมอาบน้ำเป็นสบู่ บุหรี่ เหล้า
- วางแผนงานเงิน อย่างเราจะทำค่าใช้จ่าย 3 เดือนล่วงหน้า ว่าเราจะต้องจ่ายออกเท่าไหร่ รับเท่าไหร่
- มีแผน 2 เสมอ เราเข้าใจว่า การมีแผนสองสำหรับคนไม่มีเงินมันวางแผนยาก แต่เราต้องทำ เพราะเรื่องไม่คาดคิดมันจะเกิดเสมอ
- พึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุด ยืมคนอื่นให้น้อยที่สุด
- อย่าเอาหนี้มาต่อหนี้ ที่ว่าดอกถูกมาปิดดอกแพงนะ บอกคำเดียวว่าหย่า
- หาช่องทางทำเงินเพิ่ม ของเราอยาก แต่ไม่มีเวลา เพราะทำโอทีหนักมาก
- เวลาเป็นสิ่งสำคัญ หนี้สะสมมาขนาดนี้ กว่าจะหมดต้องใช้เวลาแน่นอน
- ตั้งสติ บางครั้งชีวิตเราจะร้ายกับเราจนทำให้เราเกือบเสียสติ แต่เราต้องตั้งสติ
- ควรผ่อนคลายบ้าง ออกไปพบเพื่อน ร้านข้าว ร้านส้มตำ ไม่จำเป็นต้องแพง อย่าทำแบบเรา เพราะจะเครียดมาก
- พยายามรับสายเจ้าหนี้ทุกสาย แม้มันจะยากในช่วงแรก แต่ขอให้รับ
- เพื่อนแท้ ไม่ใช่ว่าเราจะไปขอความช่วยเหลือจากเค้า แต่เค้าจะอยู่ข้างเราเสมอ แม้จะช่วยอะไรเราไม่ได้ก็ตาม
จบไปแล้วกับเรื่องราวของเจ้าของกระทู้ จากคนที่ไม่เคยมีอะไรมาเป็นมีพร้อม มีพร้อมแบบผิดวิธี แต่ขอชมเจ้าของกระทู้ที่สามารถผ่านปัญหานี้มาได้นะ เรามาดูความคิดเห็นของคนอื่นๆ ดีกว่าว่าเขาคิดยังไงกับเรื่องนี้กันบ้าง
ความคิดเห็นที่ 2
ดีมากเลยครับ ยินดีด้วย ว่าแต่รถนี่หากตัดสินใจปล่อยไปก็น่าจะปลดหนี้ได้เร็วกว่านี้อีกครับ
มาที่ความคิดเห็นแรกบอกว่าถ้าปล่อยรถจะทำให้ปลดหนี้ได้ไวกว่านี้ และยังมีอีกหลายความคิดเห็นที่มีทำนองเดียวกันคือเรื่องปล่อยรถ จะเก็บไว้ทำไมขับก็ไม่ได้ขับเพราะไม่มีตังค์จ่ายค่าน้ำมัน เจ้าของกระทู้ได้มาตอบกลับด้วยเหตุผลข้างล่าง
ความคิดเห็นตอบกลับของเจ้าของกระทู้
อย่างที่เราเล่าค่ะ ว่าเรามีผู้ใหญ่ ที่ไม่ชอบเราอยู่ แผนสำรองที่เราว่าไว้ของเราตอนนั้นคือ หากเค้าให้ออกกระทันหัน อาทิพที่เราทำได้เลยคือ ขายของตามตลาดนัด ถ้าเราไม่มีรถ เราก็ไปขายตามตลาดนัดไม่ได้ค่ะ ผ่อนใหม่ เครดิตเราเสียไปแล้ว จะไม่สามารถกู้ใหม่ได้ อีกอย่าง ขายรถ ก็ปิดหนี้ทั้งหมดไม่หมดค่ะ ติดเงื่อนไขรถยนต์คันแรกด้วยค่ะ รีไฟแนนซ์ ก็ไม่ได้ค่ะ ประวัติเสีย ถึงรีได้ แต่ดอกจะแพงเป็นทวีคูณค่ะ เราเลยตัดสินใจเก็บไว้ก่อน เพราะอาจเป็นอุปกรณ์ทำมาหากินของเราค่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
ถือเป็นตัวอย่างที่ทั้งดี และไม่ดี ให้กับน้องๆที่พึ่งเรียนจบมีงานทำนะครับ สิ่งแรกที่ไม่ควรทำเลยคือก่อหนี้ครับ ไม่ว่าจะเป็นค่าซื้อรถ ซื้อบ้าน หรือเป็นหนี้บัตรเครดิต สิ่งที่ควรทำเมื่อได้เงินเดือนมาคือแบ่งเงินลงทุนครับ ถือเป็นเงินเก็บฉุกเฉินได้เลย เมื่อมีเยอะแล้วค่อยมาว่ากันเรื่องซื้อรถ ซื้อบ้าน
ความคิดเห็นที่ 6
พลาดแต่แรกที่ใช้เงินมือเติบ กล้ารูดบัตรเครดิตโดยผ่อนชำระแบบโดนคิดดอกเบี้ย ตั้งแต่แรกเริ่มทำงาน
แต่ มองอีกมุม ก็ถือว่าดี ที่ได้ประสพการณ์ที่จะจำไปจนตาย ทำให้มีวินัยการเงิน และ ผ่านความลำบากจนปลดหนี้ได้หมด ถ้ารักษาความสามารถและวินัยการเงินนี้ไว้ การเก็บเงินเป็นก้อนก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว และดีที่อายุยังไม่มาก แค่ 30 กว่า
และขอชื่นชมว่า เป็นหนี้แล้วรู้จักพยายามหาคืนมาชำระ
ความคิดเห็นที่ 8
ญาติเราก็ประมาณนี้ แต่เราสอนไปแบบ ที่จขกท ทำ เขากลับไม่เอา ทั้งๆเขายังดีกว่า จขกทอีกนะ
ตอนนี้ ตำรวจจะจับแล้วมั้ง
บางคนก็มีคนรู้จักหรือคนสนิทของเราเองที่ประสบปัญหานี้เหมือนเจ้าของความคิดเห็นที่ 8 เราเตือนเขาได้ บอกเขาได้ แต่สุดท้ายคือเขาเองที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกทางไหน
ความคิดเห็นที่ 9
ขอบคุณที่น้องมาแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นประโยชน์แก่รุ่นน้องคนอื่นๆ ที่อาจจะกำลังเข้าสู่วังวนหนี้แบบนี้โดยที่บางทีอาจจะยังไม่รู้ตัวแต่อ่านแล้วอาจได้ข้อคิดสะกิดใจบ้าง ถ้าเราพลาดแล้วรู้ตัวและสู้จนกลับมายืนได้นี่คือสุดยอดมาก..เก่งมากค่ะ
ถึงจะเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นแต่ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่ได้มาแบ่งปันประสบการณ์ เราสามารถแก้เงื่อนที่พันกันได้แต่สิ่งที่เสียไปคือเวลา ทางที่ดีใช้เวลาตรงนี้ให้คุ้มค่าดีกว่าเนอะ