อาลีบาบา ทำให้หายนะกำลังใกล้เข้ามาแล้ว(จริงเหรอ!!?)
เฟซบุ๊ก Thailand Development Report ได้โพสท์ตอบโต้ กระทู้ดัง ที่โพสท์ระบุว่า พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หายนะใกล้เข้ามาแล้ว หลัง อาลีบาบา มาลงทุนในฐานะผู้กระจายสินค้า ไม่ใช่ผู้ขาย ในไทย โดยทางเพจฯ ได้โต้เแย้งพร้อมทั้ง อธิบายชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า อาลีบาบา ทำให้หายนะกำลังใกล้เข้ามาแล้ว (จริงเหรอ!!?) อ้างอิง https://pantip.com/topic/39111581
ทางเราได้ไปพบจากกระทู้พันทิปนี้ และมันก็ระบาดไปตามเว็บไซด์คลิกเบทไปหมดเลย ว่าตามกระทู้นั่นที่กล่าวมา [เมื่ออาลีบาบา สร้างเสร็จและเปิดดำเนินการ ซึ่งทาง Alibaba.มาลงทุนในฐานะผู้กระจายสินค้า ไม่ใช่ผู้ขาย ดังนั้นสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1500 บาท จะไม่เสียทั้งภาษีนำเข้าและVat งานนี้ พ่อค้าแม่ค้าออน์ไลน์ทั้งหลาย ที่มีสินค้าที่มีต้นกำเนิดมาจากจีน คงหมดทางสู้ส่วนผู้นำเข้าสินค้าจากจากจีนคงหงายท้อง ยังไม่รวมผู้ผลิตสินค้าของไทยที่ผลิตสินค้าใกล้เคียงกับจีนคงม้วนเสื่อ
การเปลี่ยนแปลงทางการขายจะไม่ค่อยๆ มาให้เราปรับตัวได้ แต่จะโหมมาด้วยความรวดเร็ว รุนแรง จนอาจตั้งตัวไม่ทัน ตอนนี้การค้าออน์ไลน์เสมือนยังเดินไปได้แบบปกติ แต่คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัว จนกลายเป็นคลื่นยักษ์ ทุกคนต้องเตรียมตัวรับให้ดีการลงทุนที่จะหวังให้มีการจ้างงาน ก็อาจได้เป็นบางส่วนเพราะคงได้สำหรับพนักงาน warehouse.เท่านั้น แถมจำนวนพนักงานก็ใช้น้อยลงแล้วเนื่องจากใช้ระบบ robot เข้าช่วยถึง 70%]
เมื่ออ่านจบแล้วแล้วอ่านคอมเม้นท์ด้วย สิ่งแรกที่ทำให้แอดมินรู้สึกเลยว่า มีคนไทยส่วนมากขาดความรู้เรื่องโครงสร้างภาษีอย่างมาก และต่อมาคือความเข้าใจสถานภาพและการเจาะประเด็นให้ถูกต้อง และสุดท้าย ปากไวด่าตัดพ้ออย่างเดียว…แต่ช่างเรื่องนี้เถอะ ครั้งนี้จะมาชี้แจงโฟกัสเรื่องนี้แหละ เห็นมาตั้งแต่ข่าวอาลีบาบามาตั้งแต่ใหม่ๆแล้ว ก็หาโอกาสพูดซะเลย
ประเด็นแรกคือ อาลีบาบามาไม่เสียภาษี แต่คนไทยต้องเสียภาษี!!?? สินค้าของอาลีบาบาที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1500บาท จะไม่เสียทั้งภาษีนำเข้าและVat!??
อันนี้คือต้องมาทำความเข้าใจเลยนะ อย่างแรกถ้าได้ยินใครพูดประโยคนี้ในโซเชี่ยลหรือที่ไหนก็ตาม แสดงชัดเลยว่า คุณไม่เข้าใจระบบภาษีของประเทศไทย!!
การทำกิจกรรมใดๆก็ตามที่เป็นที่มาของสิ่งที่เรียกว่า รายได้(Income)ในประเทศไทยทั้งหมดทั้งมวลล้วนต้องเสียภาษีทั้งนั้น ต้องเสียหมดทุกคน ซึ่งการค้าออนไลน์ก็จะมีภาษีที่ต้องเสีย แบ่งได้เป็น2ประเภทนั้นคือ ภาษีเงินได้(บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล)(TAX) และภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) ซึ่งภาษีเงินได้ ก็จะมีหลักเกณฑ์การชำระที่ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจหรืองานที่ทำเป็นแบบไหน หรือจดทะเบียนในนามบุคคลธรรมดากับนิติบุคคลนี่ก็แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้นว่าจดทะเบียนอยู่ในสถานะไหน ซึ่งในส่วนนี้ผู้ที่เป็นนิติบุคคลย่อมเสียภาษีมากกว่าบุคคลธรรมดา
และในส่วนของ ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือภาษีที่ต้องเสียตามฐานของรายได้จากการทำกิจกรรมที่เป็นสร้างมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในขั้นตอนการผลิตสินค้า ซึ่งผู้เสียภาษีส่วนนี้ส่วนมากจะเป็นผู้ผลิตเสียส่วนมาก(ใครก็ตามที่บอกคนธรรมดาทั่วไปก็จ่ายVAT ซึ่งเป็นความจริงเพียงส่วนเดียว เพราะคนที่เสียVATจริงๆคือผู้ผลิตที่มีการเพิ่มมูลค่าในสินค้า ซึ่งการที่คนทั่วไปซื้อสินค้าไปแล้ว ความจริงคือจ่ายค่าVATในสินค้าไปให้ผู้ผลิตต่างหาก แล้วผู้ผลิตจะจ่ายให้กับรัฐต่ออีกทีโดยคิดจาก%ที่รัฐกำหนด ดังนั้น ใครก็ตามที่บ่นว่าจ่ายVATให้รัฐเยอะ ถ้าเขาคนนั้นไม่ใช่ผู้ผลิตล่ะก็ ฟันธงได้ว่ามั่วนะครับ)
ซึ่งจากประเด็นในอดีตช่วงแจ็คหม่ามาใหม่ๆก็สอดคล้องกันอยู่ คนไทยก็ว่า ขายของออนไลน์รัฐบาลนี้ออกกฎหมาย ขูดรีดภาษีแต่ยกเว้นภาษี 13 ปี ให้แจ๊คหม่ามาลงทุนขายของออนไลน์ในไทย? นั้น กรมสรรพากรก็เคยชี้แจงไปแล้วเมื่อปีก่อน
1. ผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการทางออนไลน์มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมายปัจจุบันอยู่แล้วเช่นเดียวกันกับผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้า หรือให้บริการที่มีร้านค้า รัฐบาลไม่ได้ออกกฎหมายจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมแต่อย่างใด
2. ปัจจุบัน กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจทางออนไลน์ซึ่งกระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี คือการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการต่างประเทศ ที่ให้บริการลูกค้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นกฎหมายที่มุ่งเน้นความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีและการแข่งขัน อันเป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้มีการนำส่ง ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจในต่างประเทศอย่างครบถ้วน จึงทำให้ผู้ประกอบธุรกิจ ในประเทศไทยที่ต้องเรียกเก็บและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มเสียเปรียบ
3. กรณีสิทธิประโยชน์ทางภาษีของอาลีบาบานั้น เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกได้ชี้แจงไปแล้วว่า “การได้รับสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนเป็นไปตาม หลักเกณฑ์ของ BOI ซึ่งสิทธิประโยชน์พื้นฐานจะแตกต่างกันไปตามประเภทกิจการ โดยกิจการประเภทเดียวกัน จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามหลักเกณฑ์เดียวกัน ซึ่งมิได้เป็นการให้เฉพาะเจาะจงกับรายใดรายหนึ่ง เป็นกรณีพิเศษ” นอกจากนั้น หากพิจารณาประเภทกิจการที่รัฐต้องการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม การลงทุนและกฎหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย จะพบว่า ไม่ใช่กิจการที่แข่งขันกันกับผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการทางออนไลน์แต่อย่างใด
และที่ข่าวเผยแพร่ในลักษณะว่าสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้ให้สิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแก่ผู้ประกอบการต่างชาติรายใหญ่เป็นพิเศษในกิจการซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดยเป็นการให้สิทธิเหนือกว่าผู้ประกอบการชาวไทยนั้น ทางบีโอไอได้ชี้แจงในประเด็นนี้เมื่อปีก่อนว่า
1. บีโอไอไม่ได้ให้สิทธิในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแก่กิจการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นกิจการซื้อขายสินค้าออนไลน์ของคนไทยหรือของต่างชาติก็จะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากการขายสินค้า
2. บีโอไอเปิดให้การส่งเสริมกิจการที่เกี่ยวข้อง คือ “กิจการศูนย์กระจายสินค้าอัจฉริยะ” เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค และขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และระบบอัตโนมัติที่ทันสมัย และมีการจ้างบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งหากได้รับส่งเสริมก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี เฉพาะรายได้จากค่าบริการกระจายสินค้าระหว่างประเทศ ส่วนรายได้จากการขายสินค้าจะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแต่อย่างใด
3. การส่งเสริม “กิจการศูนย์กระจายสินค้าอัจฉริยะ” ของบีโอไอดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการไทยหรือต่างชาติก็สามารถยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนได้ ซึ่งหากได้รับการส่งเสริมก็จะได้รับสิทธิประโยชน์เท่าเทียมกัน
ยังไม่จบนะครับ อ่านถึงตรงนี้คงสงสัยว่า ในเมื่อรัฐกับบีโอไอ บอกไม่ได้ให้สิทธิในการยกเว้นภาษี แล้วไม่เก็บภาษีนิติฯ13ปีมาจากไหน?? แล้ว1500ไม่ต้องเสียมาจากไหน??
คืออย่างนี้นะ ในเมื่อทั้งสองข้างต้นบอกไม่ได้ให้สิทธิเว้นภาษี แต่ทำไมแจ๊คหม่าถึงทำการละเว้นได้ นั่นเพราะ อาลีบาบานั้นอยู่ในพื้นที่พิเศษอีอีซีนั่นเอง ในอีอีซีมีกฎหมายสนับสนุนนักลงทุนอยู่คือ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบางกิจกรรมได้นานสูงสุด 13 ปี (อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการลงทุน) ซึ่งแจ๊คหม่าและนักลงทุนรายอื่นๆสามารถขอตรงนี้ได้เลยถ้ามีคุณสมบัติและข้อมูลครบถ้วน จบนะครับ
ส่วนที่บอกไม่ต้องเสียภาษีถ้ามีมูลค่าต่ำกว่า1,500 นั้นคือ ที่ผ่านมากระทรวงการคลังมีแนวคิดจะจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากสินค้านำเข้าผ่านไปรษณีย์ที่มีราคาไม่เกิน 1,500 บาท จากเดิมที่ยกเว้นภาษี VAT ให้ เนื่องจากถือว่าเป็นการนำเข้าเพื่อใช้ส่วนตัว แต่เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้ช่องทางดังกล่าวนำเข้าสินค้าเพื่อการค้าเชิงพาณิชย์ (อีคอมเมิร์ซ) มากขึ้น หลายประเทศเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซจากผู้รับปลายทาง แต่ลองคิดดูว่าปีหนึ่งมีมากกว่า 10 ล้านชิ้น
กรมศุลกากรจะไปไล่เก็บได้อย่างมีประสิทธิภาพแค่ไหน ก็มีแนวคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่จะเก็บจากคนกลาง หรือผู้ที่ทำหน้าที่กระจายสินค้า รวมถึงยังดูความเป็นไปได้ในกรณีเก็บจากต้นทาง ในกรณีนี้สินค้านำเข้าราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ผ่านไปรษณีย์ ทางกรมศุลกากรจะมีการเอกซเรย์ 100% ไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนสินค้าที่ราคาเกิน 1,500 บาท ที่ต้องเสียภาษี เขาจะเปิดตรวจอยู่แล้ว(เป็นนโยบายที่ออกมาเพื่อด้านการท่องเที่ยวด้วยส่วนนึง)
ดังนั้น เรื่องที่อาลีบาบาจะไม่เสียเพราะสินค้าต่ำกว่า1,500นั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะระดับอาลีบาบา คือบริษัทขนาดใหญ่เขาสั่งนำเข้ามาทีเป็นตู้คอนเทนเนอร์ แล้วภายในตู้สินค้านี่คิดดูเอาเองว่ามูลค่ารวมมันจะมีอะไรรวมกันแล้วต่ำกว่า1,500มั้ยล่ะ!!??
ส่วน เขตปลอดอากร คือเขตพื้นที่ที่กรมศุลกากรอนุมัติให้จัดตั้งเพื่อใช้ในการประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นที่เป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศ โดยของที่นำเข้าไปในเขตดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตามกฎหมายบัญญัติไว้ เช่น เขตปลอดอากรท่าอากาศยาน (Airport freezone)
สามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้วยกิจกรรมการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า (Value added activities) เป็นการสร้างโอกาสและพัฒนาต่อยอดทางธุรกิจ ทั้งนี้ยังช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนในการดำเนินธุรกรรมด้านโลจิสติกส์ได้อย่างเต็มรูปแบบและครบวงจรภายในสถานที่แห่งเดียว และนับว่ายังเป็นกิจกรรมที่จะช่วยผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนโดยการใช้สิทธิประโยชน์ในการใช้พื้นที่เขตปลอดอากร
ซึ่งไม่ใช่เรื่องต้องตกใจเลยแม้แต่น้อย แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเขตปลอดอากรที่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี ยกตัวอย่างละเว้นภาษีได้ก็ตาม แต่พิธีการศุลกากรสำหรับเขตปลอดอากรพื้นที่พิเศษภาคตะวันออกนั้น จะเป็นเรื่องระยะเวลาของการชำระค่าภาษีอากร เมื่อมีการส่งสินค้าออกนอกเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษฯ จากเดิมที่กำหนดให้ต้องชำระค่าภาษีอากรให้ครบถ้วนทันที เมื่อพนักงานศุลกากรได้รับและออกเลขที่ใบขนสินค้าให้แล้ว เป็นชำระค่าภาษีอากรภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ยื่นใบขนสินค้าต่อพนักงานศุลกากร และพนักงานศุลกากรได้รับและออกเลขที่ใบขนสินค้าแล้ว
ส่วนกรณีที่มีการส่งของคืนกลับเข้ามายังเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษฯ เนื่องจาก สินค้าชำรุด เสียหาย หรือเหตุอื่น ภายใน 14 วันนับแต่วันที่ยื่นใบขนสินค้าฯ ผู้ประกอบกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีสิทธิ์จะยกเลิกรายการของดังกล่าวในใบขนสินค้านั้น โดยถือเสมือนว่ามิได้มีการนำสินค้ารายการดังกล่าวออกจากเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษฯ และไม่มีภาระค่าอากร
เพราะฉนั้น ทำอย่างไรก็ไม่รอดเกณฑ์ภาษีและการคำนวณมูลค่าสินค้าในการนำเข้า-ออกอยู่ดี รัฐไม่โง่หรอกนะครับ เพราะการให้เขตปลอดอากรนี่ก็คือหลักประกันว่า รัฐจะสามารถรีดเงินจากผู้ประกอบการรายนี้ได้อย่างแน่นอน นั่นเพราะ แม้จะเป็น”เขตปลอดอากร” แต่”ไม่ปลอดกำไร”นะจ๊ะ!!! เพราะยิ่งผู้ประกอบการขายส่งมากเท่าไหร่ ผลที่ได้รัฐจะได้รับมาจากสินค้านำเข้านั่นเอง ยิ่งมีการเพิ่มมูลค่าค้าขายในพื้นที่ปลอดอากรเท่าไหร่ รัฐก็ยิ่งเก็บจากภาษีเงินได้จากผู้ประกอบการบริษัทเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เข้าใจกันหรือยังเอ่ย!?
ส่วนที่อาลีบาบาใช้หุ่นยนต์ แล้วคนจ้างงานจะไม่เพิ่มขึ้นเลย จะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะอาลีบาบาก็เน้นใช้หุ่นยนต์ ถูกมั้ย?? แล้วพอดีว่าในพื้นที่อีอีซีนี้มีหนึ่งในอุตสาหกรรมNew S-Curve คือ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และเครื่องจักรอัจริยะ กับอุตสาหกรรมดิจิตัล รวมอยู่ด้วยสิ คิดแบบนี้มันก็เป็นการสร้างโอกาสให้แรงงานสายหุ่นยนต์และสายโปรแกรมเมอร์ของเรามีงานมีการทำกันหรือไม่ล่ะ!!??
ส่วนผู้ค้าออนไลน์คนอื่น ทางแอดมินก็ไม่ทราบนะว่าคิดกันอย่างไร หรือกังวลอะไรกัน แต่ก็อยากจะถามว่า
พวกท่านเสียภาษีตามที่ว่ามาข้างต้นหรือยัง?? พวกท่านจดทะเบียนค้าขายถูกต้องหรือยัง?? พวกท่านเคยคิดเลี่ยงภาษีอยู่มั้ย?? ท่านเข้าใจระบบโครงสร้างการคำนวนภาษีดีแล้วหรือยัง?? ลุงแจ๊คหม่ามาทำอะไรกันแน่มองวิเคราะห์แตกหรือยัง?? ประโยชน์ของลุงแจ๊คหม่าที่มาไทยมีผลต่อเศรษฐกิจประเทศโดยรวมยังไง??
หากยังตอบคำถามตรงส่วนนี้ได้ไม่ชัดเจน ทางแอดมินว่าพวกท่านทั้งหลายไม่สมควรจะไปวิจารณ์อาลีบาบา ด่ารัฐบาล ติติงข้าราชการ โดยพื้นฐานความรู้ไม่กว้างขวางอัดแน่นพอนะครับ…
เพราะการมาของอาลีบาบานี้ คือสัญญาณการจับมือระหว่างยักษ์ใหญ่E-Commerce ระดับเอเชียสองรายนะครับ อยากให้รู้สถานะของตัวเองและของเขาด้วย และที่สำคัญ อย่าตื่นกลัวจนเกินเหตุ เพราะมันก็เป็นโอกาสที่สินค้าของเราจะไปตลาดจีนได้ง่ายยิ่งขึ้นเช่นกัน ดูอย่างทุเรียนที่แจ๊คหม่าซื้อจากไทยไปขายในตลาดจีน8หมื่นลูกหมดสต็อกภายใน1นาทีสิครับ มันหมายถึงอะไร???
ถ้าเราไปกลัวเขา เราก็เสร็จเขา...
ถ้าเราหาประโยชน์จากเขา เราก็จะได้ผลประโยชน์...
เขามาตั้งประตูบ้านภายในบ้านเรา แสดงว่าเขาเห็นเรามีดียังไงล่ะ มีดีพอให้เขามาตั้งประตูต่อหน้าเรา...
นักเศรษฐศาสตร์คนนึงเคยกล่าวไว้
“ในโลกเศรษฐศาสตร์ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับพวกที่Panicไปเอง…”
ฝากไว้ให้พิจารณากันนะครับ ขอบคุณครับ
เขียนและเรียบเรียงโดย แอดมืด Thailand Development Report
Thailand Development Report
https://www.facebook.com/1233859410089681/photos/a.1289629471179341/1515424221933197/?type=3&theater