เคล็ดไม่ลับ!! แก้ปัญหาตู้เย็นเก่ากินไฟ จบในงบ 2 บาท
ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีติดไว้กันทุกบ้าน และ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการเสียบปลั๊กใช้งานตลอดเวลา จึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำให้เราเสียค่าไฟไปอย่างมากโดยไม่รู้ตัว หากเราไม่หมั่นตรวจเช็คให้ดี
ทราบไหมว่าตู้เย็นยิ่งเก่า ยิ่งมีอายุการใช้งานมาก ยิ่งมีโอกาสกินไฟสูงมากขึ้น หลายๆคนคงไม่ทราบว่าตู้เย็นนั้นมีการรั่วซึมในการเก็บความเย็นอยู่ ซึ่งบริเวณที่เกิดการรั่วซึมอยู่บ่อยๆนั่นก็คือ บริเวณยางของประตูตู้เย็น เพราะ ยิ่งมีอายุการใช้งานที่นาน ยางที่กั้นขอบประตูก็จะเริ่มเสื่อมสภาพไป วิธีการตรวจสอบทำได้ง่ายมากๆ แค่ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
ก่อนอื่น นำกระดาษ A4 มาเป็นอุปกรณ์ในการทดสอบ
– เปิดตู้เย็น จากนั้นใส่กระดาษเข้าไปครึ่งหนึ่งของกระดาษ (ดังภาพ) เสร็จแล้วก็ปิดประตูตู้เย็นให้สนิท
– จากนั้นดึงกระดาษออกมา หากยางขอบประตูตู้เย็นยังดีอยู่ก็จะดึงกระดาษออกได้ยาก
– แต่ถ้าหากดึงกระดาษออกมาได้อย่างง่ายดาย นั้นแสดงว่ายางขอบประตูตู้เย็นมีช่องว่าง และ ช่องว่างเหล่านี้แหละที่ทำให้ความเย็นในตู้รั่วซึมออกมา และ ตู้เย็นต้องทำงานหนักตลอดเวลาโดยที่เราไม่รู้ตัว
หลังจากเรามั่นใจแล้วว่าตู้เย็นของเรารั่วแน่นนอน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เรามีวิธีแก้ไปัญหาแบบง่ายๆมาฝากกัน
1. ใช้ไดร์เป่าผม โดยปรับให้เป่าลมร้อนออกมา เมื่อยางขอบประตูตู้เย็นโดนความร้อนก็จะค่อยๆขยายตัวออก ทำให้กลับมาปิดสนิทเหมือนเดิม
2. ใช้น้ำร้อน หากไม่ได้ผลแต่ไม่อยากเสียเงินซื้อยางขอบประตูตู้เย็นใหม่ ให้ถอดของเดิมออกมา แล้วนำมาราดน้ำร้อน ความร้อนจากน้ำจะช่วยให้ยางขอบประตูตู้เย็นขยายตัวได้ดียิ่งขึ้น จากนั้นนำไปติดใส่เหมือนเดิม ทำให้ช่องว่างตรงบริเวณยางขอบประตูตู้เย็นหายไปได้
3. หากไม่ได้ผลจริงๆแนะนำให้ เปลี่ยนยางขอบประตูตู้เย็น โดยราคาก็มีตั้งแต่หลักสิบจนถึงหลักร้อย แล้วแต่คุณภาพ ขนาด
และ ยี่ห้อ ชนิดของยางขอบประตูตู้เย็น
4. ตั้งขาตู้เย็นให้ด้านหน้าสูงกว่าด้านหลัง – พอเราตั้งตู้เย็นในลักษณะเงยๆ (ด้านหน้าสูงกว่าด้านหลัง) ประตูตู้เย็นก็จะปิดเองอีกด้วยครับ ซึ่งวิธีนี้ก็ช่วยให้ประตูตู้เย็นปิดได้สนิท และ แน่นมากขึ้นด้วย
เห็นหรือยังว่าปัญหาเล็กๆน้อยๆที่เรามองข้าม หากปล่อยไว้นานๆก็อาจทำให้เราเสียเงินไปมากโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกับตู็เย็น ซึ่งต้องมีการเสียบปลั๊กใช้งานอยู่ตลอดเวลา หากตู้เย็นมีจุดรั่วซึมแบบนี้ จะทำให้ตู้เย็นต้องทำความเย็นตลอดเวลา (ไม่ต่างกับเราเปิดฝาตู้เย็นทิ้งไว้เลย) คิดดูเล่นๆซิว่าแบบนั้นจะทำให้ตู็เย็นกินไฟมากขนาดไหน หากรู้เคล็ดลับดีๆแบบนี้แล้วก็อย่าลืมนำไปทำกันดู
แหล่งที่มา: postnet.clu