วิศวกรยังต้องยอมศิโรราบ ชาวบ้านทำได้ไง? “วัดภูทอก” บันไดเวียนวนรอบภูผา 7 ชั้น ตามนิมิตของ “หลวงพ่อจวน”
รูปหล่อท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
ณ วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ
“วัดเจติยาคีรีวิหาร” หรือ “วัดภูทอก” สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2483 โดยการนำพาของ “พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ” ซึ่งได้มาบำเพ็ญเพียรสมณธรรมอยู่ที่ภูวัว จังหวัดบึงกาฬ
เรื่องของเรื่องก็คือ คืนหนึ่งพระอาจารย์จวนได้เกิดนิมิตขึ้น โดยเห็นปราสาทสองหลัง ลักษณะสวยงามมาก อยู่ทางด้านภูทอกน้อย ดังนั้น ท่านจึงได้เดินทางมาพิสูจน์ตามที่เกิดนิมิตและได้พบกับลักษณะภูมิประเทศที่สวยงามร่มรื่น เหมาะที่จะปฏิบัติธรรม จึงได้สำรวจและปักกลดอยู่ที่ถ้ำบนภูทอกกับพระครูสิริธรรมวัฒน์
ต่อมา ญาติโยมชาวบ้านคำแคนเห็นว่าพระอาจารย์จวนธุดงค์มาอยู่ที่ภูทอก จึงพร้อมใจกันอาราธนาให้สร้างวัดขึ้นที่ภูทอกแห่งนี้
ในปี พ.ศ. 2512 ชาวบ้านได้มาช่วยกันสร้างบันไดขึ้นภูทอกจนถึงชั้นที่ 5-6 และได้ปลูกสร้างเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์อยู่ถึง 2 เดือน 10 วัน จึงแล้วเสร็จ
ปี พ.ศ. 2513-2514 พระอาจารย์จวนได้ชักชวนชาวบ้านสร้างทำนบกั้นน้ำขึ้นสองแห่งเพื่อใช้เก็บกักน้ำและจัดระบบน้ำประปาภายในวัดภูทอก
นอกจากนั้น กองทัพอากาศดอนเมืองได้ถวายเครื่องไฟฟ้าแรงสูงสำหรับใช้ภายในวัดหนึ่งเครื่อง กรมวิเทศสหการได้ถวายพระพุทธรูปหล่อขนาดใหญ่เป็นประธานหนึ่งองค์ไว้ที่วิหารชั้น 5 และบรรดาญาติโยมได้ช่วยกันสมทบทุนสร้างโรงฉันและศาลาที่ชั้นหนึ่งหลัง พร้อมกับก่อสร้างสะพานลอยฟ้าไปรอบ ๆ ภูทอกในชั้นที่ 5 และ 6 รวมถึงการสร้างสถานที่บำเพ็ญเพียรภาวนาแทรกไว้ตามจุดต่าง ๆ โดยรอบหน้าผา สิ้นค่าก่อสร้าง 45,000 บาท
การก่อสร้างนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเป็นการเจาะหินทำนั่งร้านด้วยไม้เนื้อแข็งสองท่อน ผูกติดกับเสาที่ปักไม้เท้าแขนลงไป แล้วจึงพาดไม้กระดานเป็นสะพานทีละช่วง ช่วงละประมาณหนึ่งเมตรเศษ ระหว่างคานจะมีคานรองรับอีกชั้นหนึ่ง จึงทำให้สะพานแข็งแรงมาก
นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง!!
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ วัดภูทอกยังได้มีการปรับปรุงและสร้างสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมอีกเป็นระยะๆ จนกลายเป็นสถานที่ที่มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดหนองคาย (ปัจจุบันคือจังหวัดบึงกาฬ) ซึ่งมีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก