ไซต์งานกระเจิง ตอน2
ต่อจากตอนที่แล้ว
ช่วงเช้า ผมยังมีอาการ สะลึมสะลือ อยู่ พอสมควร
หลังจากประชุมแล้วคุยเรื่อง คนเจ็บสองรายกับหัวหน้าแล้ว
ผมก็ไปเบิกของเพื่อทำงานต่อ
ช่วงที่นั่งรออยู่ในห้องสโตร์
น้องสโตร์กำลังจัดของไปด้วย แล้วก็หันมาคุยกับผมไปด้วย
"ได้ยินพวกช่างมันคุยกันว่า
คนที่มันโดนไฟดูด พอตื่นได้สติ
ก็ถามเพื่อนที่ตามไปดูอาการว่า เจอผู้หญิงที่ใส่ชุดนักศึกษาไหม
พวกช่างที่ไปเยี่ยมก็พากัน งง"
"แล้วคนที่โดนไฟดูด เขาก็เล่าว่า
เจอผู้หญิงใส่ชุดนักศึกษา ยืนอยู่ใต้ต้นไม้มืดๆหน้าโครงการ
เลยเข้าไปคุยด้วย คุยไปคุยมา น้องเขาก็บอกว่า
ให้เอาหนังสือที่อยู่ในตู้หน้าโครงการให้หน่อย
แล้วก็เลยเดินไปเปิดตู้ตามที่น้องนักศึกษาบอก
พอเปิดตู้ออกก็เห็นหนังสือวางอยู่จริงๆ
เลยกะว่าจะหยิบเอาออกมาให้น้องเขา
พอล้วงมือเข้าไปในตู้ ก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอน นอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว"
พอผมได้ฟัง ผมก็อึ้ง ขึ้นมาอีก
นั่งนึกในใจ
"ผู้หญิงที่ไหนกันอีก อย่าบอกนะว่าเป็นกิ๊ก ของตาลุงหัวแตกเมื่อคืน"
ช่วงที่กำลังนั่งนึกอะไรไปเรื่อยเปื่อย อยู่ๆก็มีเสียงดังมาจากห้องข้างๆ
เป็นเสียงเหมือนคนกำลังทำอะไรตะกุกตะกักอยู่ข้างใน
จนผมต้องรีบเรียกให้ น้องสโตร์ฟัง ว่านั่นเสียงอะไร
พอนิ่งฟังกันได้สักพัก
น้องเขาก็บอกว่า " เสียงหนูไงพี่ "
แต่ผมฟังแล้วเหมือนไม่ใช่เสียงหนู
เหมือนคนกำลังรื้อของอะไรสักอย่าง ก็เลยพูดกับน้องคนนั้นไปว่า
" คนเข้าไปทำอะไรหรือเปล่า ทำไมเสียงมันดังจัง "
แล้วน้องสโตร์ก็เดินไปชะโงกหน้า มองไปทางหน้าประตูห้องข้างๆ
ก่อนจะหันมาคุยกับผมต่อ
"ไม่ นิ พี่ "
" ประตูห้องก็ล็อคอยู่ สงสัยหนูแหละ ช่วงนี้เริ่มมีเยอะแล้ว"
"เดี๋ยวให้ป้า เอากาวดักหนูมา วาง "
พอได้ของตามที่เบิกแล้วก็ให้ลูกน้องขนของขึ้นไปบนอาคารก่อสร้าง
ช่วงที่กำลังขนของกันไป
อยู่ๆก็ได้ยินเสียง คนร้องเอะอะขึ้น แถวๆด้านนอกไม่ไกล
ผมเลยเดินไปดูว่ามีเรื่องอะไรกัน
พอเดินออกไปดู ก็เห็น คนวิ่งกรูกันไปตรงข้างๆตึกก่อสร้าง
พวกลูกน้องผมบางคนก็วิ่งไปดูใกล้ๆ
สักพัก ก็เห็นคนพยุง รปภ. เดินมา
ผมก็เลยเดินเข้าไปถามว่า เป็นอะไร
ลูกน้องผมก็บอกว่า "แกตกจากชั้นสอง ลงมา แขนหักเลย "
พอเห็นผมก็ตกใจ "เฮ้ย.. ไปเดินยังไงให้ตกลงมาได้ "
ดูสภาพ ลุง รปภ. หน้าซีด เนื้อตัวมอมแมม ที่หัวมีแต่ฝุ่นเต็มหัวจนขาวโพน
แกใช้มือข้างหนึ่งประคองแขนที่หักอยู่ มีช่างสองคนพยุงแกอยู่ข้างๆ
ผมก็เลยบอกให้รีบพาแกไปที่ ห้องพยาบาลก่อน
แล้วก็เลย วอ ไปบอก หัวหน้าว่า
มีคนเจ็บอีกแล้ว ตกตึกชั้นสองลงมาแขนหัก
สักพักหัวหน้าก็ ให้คนเอารถพาไปส่งโรงพยาบาล
ผมก็ไปทำงานต่อ กับทีมช่าง
ช่วงระหว่างทำงานอยู่
ช่างที่มันพา ลุง รปภ. ไปที่ห้องประถมพยาบาล
เขาก็ได้เล่าเรื่อง ลุง รปภ. ให้ฟัง
เขาถาม ลุง รปภ. ไปว่า ไปเดินยังไงถึงได้ตกจากชั้นสองอย่างนี้
รปภ. ก็เล่าให้ฟังว่า เดินขึ้นไปตรวจดูบนตึก ตามปกติ แต่เช้า
ช่วงเดินลงมา ก็เลยมาหยุดสูบบุหรี่อยู่ที่ชั้นสอง
นั่งๆอยู่ สักพัก ก็ได้ยิน เหมือนเสียงเด็ก ขวบ สองขวบ หัวเราะเอิ๊กอ๊าอยู่ใกล้ๆ
ก็เลยเดินไปดูแถวๆบริเวณรอบๆ แล้วก็เห็นเด็กสองขวบ ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า
เดินเตาะแตะ อยู่แถวๆขอบตึก ชั้นสอง
พอเห็นแบบนั้น ลุง รปภ. แกก็ตกใจ
เลยรีบวิ่งเข้าไปจับตัวเด็กไว้ กลัวว่าเด็กมันจะเดินเล่นจนตกไปตรงขอบตึก
พอวิ่งเข้าไปใกล้ๆ พรางเรียกไอ้หนู ไอ้หนู มาเล่นอะไรอยู่แถวนี้
เด็กมันก็เดินไปที่ขอบตึกอย่างที่ลุงกลัวจริงๆ
แกรีบวิ่งไปคว้าตัวเด็กไว้ พอคว้าเด็กได้ ตัวลุงก็เสียหลัก เพราะวิ่งมาเร็ว
เลยผลักเด็กให้ไปอยู่บนตึก ส่วนตัวลุงก็ตกจากตึกลงมา
พอได้ฟัง
ผมก็เลยพูดกับช่างไปว่า
" อ้าว ลูกใครวะ ปล่อยให้มาเล่นบนตึกได้ไง "
ช่างก็บอกว่า
" ไม่น่าจะมีนะพี่ เพราะคนที่มามุงดู
ก็ไม่เห็นมีใคร พูดถึงเด็กกันสักคนเลย "
แล้วช่างอีกคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า
" แกคิดถึง หลานแก จนตาฝาด หรือเปล่า "
" เพราะ เห็นแกเคยเล่าให้ฟังว่า พึ่งกลับบ้านไปเยี่ยมหลานมา
หลาน ของลุงแกก็ ประมาณ ขวบสองขวบเหมือนกัน "
พอช่างพูดจบ
ผมก็ได้แต่แปลกใจ ลุง รปภ. แกจะตาฝาดถึงขนาดนั้นเลยหรือ
นี่กลางวันแสกๆนะ
นั่งนึกไปนึกมา ก็เกิดสงสัย
อยู่ๆ ทำไม มันมีคนเจ็บสามรายซ้อน ในเวลาไล่เลี่ยกันแบบนี้
ผมได้แต่สงสัย แต่ก็หาคำตอบอะไรไม่ได้ ว่ามันเกิดจากอะไร
ช่วงพักเที่ยง หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ
ผมก็แอบไปงีบหลับในห้องสโตร์ เพราะที่นั่นจะมีพัดลมทำให้ ไม่ร้อน
ผมเลยแอบมางีบตอนพักเที่ยงประจำ
แต่พอเข้าไปในห้องสโตร์ ก็เจอน้องอีกคน นั่งอยู่
ผมก็เลยถามเขาไปว่าน้องสโตร์ไปไหน
น้องคนนั้นก็บอกว่า
"พี่เขาลาครึ่งวัน บ่นๆว่าปวดหัว"
ผมก็เลย พรึมพรำ ออกมา
"เป็นอะไรวะ เมื่อเช้ายังเห็นดีๆอยู่เลย"
แล้วน้องคนนั้นก็พูดขึ้นว่า
"สงสัยพี่เขาคิดถึงยายมั้งคะ ยายของพี่เขาพึ่งเสียไปเมื่อเดือนที่แล้ว
เห็นพี่เขาบอกว่า วันนี้ เป็นอะไรไม่รู้
ได้ยินแต่เสียงยายมาเรียก อยู่ตลอดทั้งวัน"
พอได้ฟังผมก็ได้แต่นิ่งเงียบ
อะไรมันจะขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร
ก็เลย นั่งหลับอยู่ที่โต๊ะในห้องสโตร์ ตรงนั้น
จนถึงช่วงบ่ายผมก็ขึ้นไปคุมงานต่อ
หลังจากไปทำงานต่อบนตึก
ช่วงสักประมาณบ่ายสี่โมงกว่าๆ อยู่ๆก็มีเมฆฝนตั้งเค้าดำทะมึน มากลุ่มใหญ่
เสียงฟ้าร้อง เริ่มระงมมาเป็นระรอกระรอก
ตามด้วยลมพัดกันโชกแรง มาเป็นระยะระยะ
ผมอยู่ชั้นสามรีบเดินขึ้นไปดูลูกน้องอีกทีมที่อยู่ชั้นบน
พอขึ้นไปถึงก็เห็นแต่พวกช่าง วิ่งเก็บผ้าใบที่ปลิวไปมาเพราะแรงลม
เครื่องไม้เครื่องมือที่วางอยู่บนผ้าใบก็ปลิวกระจายไปด้วย
ผมก็เลยรีบวิ่งไปช่วยพวกช่าง เก็บของ
ช่วงที่ก้มเก็บของไปมาอยู่แป๊บหนึ่ง พอเงยหน้าขึ้นมาดูรอบๆ
มันก็ทำให้รู้สึกแปลกใจ ขึ้นมาอย่างประหลาด
บรรยากาศรอบๆ มันมืดลงอย่างรวดเร็ว
ราวกับว่า เมฆฝนกลุ่มใหญ่มันมาโอบล้อมตึกนี้ไว้
พอมองออกไปนอกอาคาร ก็เห็นแต่เมฆฝนดำทะมึนอยู่รอบทิศ
ผมกับช่างสองสามคน รีบพากันขนเครื่องไม้เครื่องมือไปไว้ในห้องที่พึ่งก่อผนังเสร็จ
ในห้องมืดมาก จนช่างต้องรีบเอาไฟฉายมาเปิด
เห็นช่าง เริ่มพูดกัน
สงสัยจะตกหนักแน่เลย ครึ้ม ขนาดนี้
พอเดินออกมาจากห้องนั้น เสียงลมข้างนอกเริ่มแรงขึ้น
จนฝุ่นตามชั้นฟุ้งไปหมด
ช่างคนหนึ่งก็ไปเอาไฟสนาม มาเสียบปลั๊ก
พอเสียบปลั๊กแล้ว ปรากฏว่า ไฟไม่ติด
บรรยากาศตอนนั้นมันมืดจนมองอะไรก็เห็นรางๆไปหมด
พวกช่างสามสี่คนก็เลยพากันเดินไปดูตู้เมนไฟสนาม ที่ลากสายขึ้นมาอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
ผมก็ยืนดูพวกช่าง เดินไปหยุดมุงกันอยู่ที่ตู้ไฟ หันหลังให้กับผม
แล้วทันใดนั้นเอง โดยไม่คาดคิด
อยู่ๆผมก็เห็นร่างผู้หญิง คนหนึ่งใส่ชุดนักศึกษา
กระโปรงสั้น ขาขาวๆ อย่างกะที่ผมเคยเห็นในรถเถ้าแก่
เดินออกมาจากโถงบันได แล้วก็หยุด มองมาที่ผม
ก่อนจะเดินขึ้นบันไดต่อไป
ผมก็ตกใจขึ้นมาทันที รู้สึกแปลกใจมาก
" นักศึกษาที่ไหนวะ มาเดินอะไรอยู่ในไซด์งานแบบนี้ "
ผมรีบเดินตามไปดูตรงโถงบันใด เห็นแต่หลังน้องนักศึกษาเดินหายขึ้นไปไหว ไหว
ผมก็เลยรีบเดินตามไปทันที
พอขึ้นมาถึงข้างบน บรรยากาศมันมืดมาก ไฟฉายก็ไม่ได้เอามา
มองไปรอบๆ ไม่มีช่างอยู่สักคนเลย
แต่มองเห็นหลังเสื้อ น้องนักศึกษา เป็นเงาสีขาวรางๆเดินอยู่ในความมืด
ผมรีบเดินตามน้องเขาไป แล้วก็พยายามเรียก
" น้องน้อง มาทำอะไร "
ผมหยุดรอน้องเขาตอบ แต่เขาก็ไม่หันกลับมาตอบอะไร
มองไปเห็นแต่หลังนักศึกษาคนนั้นเดินตรงไปเกือบๆถึงฝั่งตึกอีกด้าน
แล้วก็เลี้ยวหายไปทางบันไดหนีไฟ
ผมรีบเดินตามไปดู ให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด
บรรยากาศ รอบข้างมันมืดจนผมต้องเพ่งมองดูตามทางเดินดีๆ
เพราะผนังห้องส่วนใหญ่ก่อทึบจนหมดแล้ว เลยทำให้แสงภายนอกเข้ามาไม่ถึง
เดินไปถึงหน้าโถงบันใดหนีไฟ
พอเลี้ยวเข้าไปตรงหลืบนั้น
ก็มองเห็นว่ามันเป็นซอกที่มืดๆ แสง สลัว สลัว
จนผมต้องหยุดเพ่งมองไปที่พื้นตรงบันไดนั้นดีๆ
ว่ามีของอะไรวางเกะกะอยู่ไหม
พอมองเห็นขั้นบันไดแล้ว ผมก็รีบเดินเข้าไป
ตอนกำลังจะก้าวขา อยู่ๆก็มี มือ มือ หนึ่ง มาดึงแขนผมไว้
" นายช่าง... จะไปไหน "
เสียงช่างวัยกลางคน ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
จนผมสะดุ้ง ตกใจ อย่างไม่ทันตั้งตัว
ช่างดึงแขนผมถอยหลังออกมาจากช่องบันไดตรงนั้น
พอผมมีสติ
มองไปข้างหน้าอีกที
ปรากฏว่า มันเป็นช่องเปิดโล่งๆที่พื้นทะลุลงไป ไม่มีบันไดอะไรเลยครับ
นี่ถ้าผมก้าวไปก็ตกร่วงลงไปข้างล่างแน่ๆ
พอช่างดึงแขนผมกลับออกมา
คุยกันไปมาถึงรู้ว่าเขาเป็นช่าง ของทีมหัวหน้าผม
กำลังจะมาตีไม้แบบ สำหรับเข้าแบบบันไดที่ช่องเปิดตรงพื้นนั้น
เพื่อจะทำบันไดหนีไฟ
แต่พอรื้อไม้ที่ปิดช่องตรงพื้นนั้นเสร็จ
แสงมันก็มืดลงจนทำงานไม่ได้
เลยพากันมานั่งพักอยู่ตรงชั้นห้า หน้าโถงบันไดหนีไฟ
แล้วก็เจอผมวิ่งทะเลอทะล่ามา
ดีนะที่เข้าไปดึงแขนไว้ทัน ไม่งั้นผมคงตกลงไปเป็นอะไรไปแล้ว
พอฟังช่างเล่า ผมก็ ได้แต่เอามือทาบไปที่หน้าอกตัวเอง
เสียงหัวใจเต้นรัวๆ ดังชัดราวกับว่ามันเต้นอยู่ข้างนอกตัวผม
" โหย.. เกือบไปแล้ว "
พอถามพวกช่างว่า
เมื่อกี้เห็น ผู้หญิงแต่งชุดนักศึกษา เดินผ่านมาหรือเปล่า
พวกช่างก็บอกว่า " ไม่เห็นใครเลย "
" เห็นแต่ผมวิ่งมาคนเดียว "
ขนหัวผมลุกซู่ขึ้นมาทันที
" เ ชี้ ย นี่เราตาฝาด หรือวะ " ผมได้แต่พรึมพรำไปมา
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ถึงได้มีเรื่องแปลกแบบนี้ได้
ผมเดินกลับลงมาที่ชั้นสี่ แบบ งงๆ
พอถึงชั้นสี่ บรรยากาศรอบข้างก็ทำให้ผม ประหลาดใจขึ้นมาอีก
แสงยามเย็น ส่องสว่างขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง
อ้าว...
ผมรีบหันไปดูรอบๆ นอกอาคาร
เมฆฝนกลุ่มใหญ่ เริ่มจางหาย ราวกับว่ามีอะไรมาทำให้มันสลายไป
พอรีบยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกา ก็พึ่งจะห้าโมงเย็นเอง
โปรดติดตามตอนต่อไป