22 มีนาคม 2535 เลือกตั้งครั้งที่ 18 พลเอก สุจินดา คราประยูร ได้เป็นนายกฯ สืบทอดอำนาจ รสช.
22 มีนาคม 2535 เลือกตั้งครั้งที่ 18 พลเอก สุจินดา คราประยูร ได้เป็นนายกฯ สืบทอดอำนาจ รสช.
การเลือกตั้งในวันที่ 22 มีนาคม 2535 เกิดขึ้นหลังคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ โดยมีพลเอก สุนทร คงสมพงษ์ เป็นหัวหน้า รสช. จากนั้นจึงมีการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 ขึ้น และมีการจัดการเลือกตั้งในเวลาต่อมา
ภายหลังการเลือกตั้ง 5 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย และพรรคราษฎร ได้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลด้วยคะแนนเสียง 195 เสียง ต่อฝ่ายค้าน 165 เสียง แต่กลับไม่มี ส.ส. คนใดได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะพรรครัฐบาลสนับสนุนให้พลเอก สุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบกดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากสภาผู้แทนราษฎร
ส่วนนายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ซึ่งเป็นแกนนำด้วยจำนวน ส.ส. มากที่สุด 79 เสียง ก็ไม่สามารถรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ เพราะถูกทางการสหรัฐฯ สงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด และถูกปฏิเสธการออกวีซ่าเข้าประเทศ
หลัง พลเอก สุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่นาน ก็ถูกประชาชนคัดค้านอย่างหนัก เพราะไม่ได้มีที่มาจากการเลือกตั้ง และยังเคยประกาศไว้ว่าจะไม่สืบทอดอำนาจของ รสช. จนได้รับฉายา ‘เสียสัตย์เพื่อชาติ’ จากการคัดค้านนี้นำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬที่มีการเคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลครั้งใหญ่ และมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกับประชาชนผู้ชุมนุมเป็นจำนวนมาก
หลังเหตุการณ์สงบ จึงมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2535 ก่อนจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามที่ประชาชนร้องขอ โดยระบุให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง