“ละโว้ ศรีเทพ เสมา” นครใหญ่แฝดสามแห่งแคว้น “ศรีจานาศะปุระ”
“ละโว้ ศรีเทพ เสมา” นครใหญ่แฝดสามแห่งแคว้น “ศรีจานาศะปุระ”
.
.
.
“จานาศะ” (Sri Canasa) เป็นชื่อนามที่ปรากฏใน “จารึกศรีจานาศะ” (หลักที่ 117 จากเทวสถานใกล้สะพานชีกุน กรุงศรีอยุธยา) จารึกด้วยอักษรเขมร ภาษาสันสกฤตและภาษาเขมร (เรื่องการถวายกัลปนา ข้าทาสและสิ่งของในหน้าหลัง) อายุอักษรและการจารึกอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 15 กล่าวถึงชื่อนามผู้ปกครองแห่งศรีจานาศะ ว่า “ศรีจานาศะธิปติ” โดยระบุพระนามชัดเจนว่าจานาศะปุระนั้นเริ่มต้นด้วยพระเจ้าภคทัตต์ สืบต่อโดยพระเจ้าศรีสุนทรปรากรม ที่มีพระโอรสนามว่า พระเจ้าศรีสุนทรวรมัน สืบต่อมาที่พระเจ้าศรีนรปติสิงหวรมัน เป็นผู้ปกครองศรีจานาศะธิปติ และพระอนุชา พระเจ้ามงคลวรมัน (เป็นชื่อนามสุดท้ายของชื่อพระนามทั้งหมด อันอาจหมายถึงผู้สร้างจารึกหลักนี้)
.
ซึ่ง “จารึกบ่ออีกา” (K.400 หลักที่ 118) ที่พบจากบริเวณบ่ออีกา ข้างปราสาทอิฐกลางเมืองเสมา อักษรหลังปัลลวะ ภาษาสันสกฤต/เขมร อายุอักษรและการจารึกอยู่ในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 14 ก็ได้กล่าวถึงชื่อนาม “พระราชาแห่งศรีจานาศะ” และ “กมฺวุเทศานฺตเร” อันอาจมีความหมายว่าเป็นดินแดนนอกเขตกัมพุชเทศะ ซึ่งก็เป็นการยืนยันการมีตัวของแค้วนศรีจานาศะปุระ ที่มีกษัตริย์ปกครอง ซึ่งเมื่อเทียบเวลากว่า 100 ปี กับจารึกศรีจานาศะ นามพระราชาแห่งศรีจานาศะในจารึกนี้ จึงอาจหมายถึง พระเจ้าศรีสุนทรปรากรม กษัตริย์ผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับรัฐแห่งนี้ครับ
.
แคว้นศรีจานาศะ มีลักษณะเดียวกันกับแคว้น “บ้านมัลยัง” (Malyang) ในเขตจังหวัดพระตะบอง ที่เป็นรัฐอิสระที่มีราชวงศ์กษัตริย์ปกครองเอง เกี่ยวดองกับอาณาจักรกัมพุชเทศะในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการดองสร้างเครือญาติด้วยการอภิเษกสมรส การถวายเครื่องบรรณาการเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ หรือการสงครามเพื่อเข้าทำลายและยึดครอง
.
เมื่อพิจารณาจากหลักฐานทางภูมิศาสตร์และร่องรอยพัฒนาการของบ้านเมือง กลุ่มแคว้นศรีจานาศะนั้น น่าจะมีอิทธิพลอยู่ในพื้นที่ระหว่างแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ใต้ พังเหยและดงพญาไฟ โดยมีช่องเขาสำคัญ คือช่องลำตะคอง ช่องลำสนธิและช่องเขาน้อย (ที่ปรากฏปราสาทนางผมหอม) เป็นเส้นทางช่องเขาเชื่อมต่อเข้ามาสู่พื้นที่ราบต่ำทางตะวันตก โดยมีเมืองละโว้ เมืองศรีเทพ เป็นเมืองสำคัญในเขตที่ราบต่ำ และเมืองเสมา ในเขตที่ราบสูง มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์
.
ซึ่งเขตอิทธิพลของกลุ่มแคว้นนั้น ยังรวมไปถึงเมืองวิมายปุระ ในดินแดนกลุ่มต้นแม่น้ำมูล อีกด้วยครับ
.
เมืองละโว้ (ลวปุระ) เมืองเสมา และเมืองศรีเทพ (บาจาย) เป็นเมืองแฝดสามอันมีลักษณะพิเศษในภูมิภาคตะวันออกของที่ราบลุ่มภาคกลาง ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างไกลกันมากนัก ในรูปแบบสามมุม (Triangle) ทั้งสามเมืองมีความสัมพันธ์เกี่ยวดองกัน เป็นรัฐขนาดเล็กที่มีความเข้มแข็ง มีชุมชนและเมืองในการปกครองกว้างขวาง ดังภาพสลักนูนต่ำขบวนกองทัพที่ 20 บนผนังกำแพงของระเบียงคดทิศใต้ปีกตะวันตก ของปราสาทวัดในพุทธศตวรรษที่ 17 ที่แสดงภาพ “วร กมรเตง อัญ ศรี ชัย สิงหวรรมม”ผู้นำกองทัพเมืองละโว้ (โลฺว) ประดับฉัตรสัปทนจำนวนมาก ถึง 17 คัน ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองละโว้และดินแดนในอิทธิพลฝั่งตะวันตกของเมืองพระนครอันกว้างใหญ่ไพศาลครับ
.
ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 – 15 เป็นช่วงเวลาที่รัฐศรีจานาศะมีผู้ปกครองอิสระ ดังที่ปรากฏพระนามกษัตริย์ในจารึก ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจและอิทธิพลทางการเมืองจากกัมพุชะเทศะ จนถึงพุทธศตวรรษที่ 16 เมื่อพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ได้พิชิตเมืองละโว้รวมทั้งเมืองวิมายปุระ และผนวกดินแดนรัฐศรีจานาศะ พระราชาแห่งศรีจานาศะที่เมืองเสมาจึงสิ้นสุดลง ละโว้กลับขึ้นมาเป็นเมืองเอกของแว่นแคว้นแทน จนเมื่อราชวงศ์มหิธระปุระได้ข้าครอบครองวิมายปุระในอีสานใต้ เมืองพระนครยังได้ส่งเหล่าพระญาติพระวงศ์กมรเตงอัญ เข้ามาปกครองเมืองละโว้ในฐานะวิษัยนคร (ลูกหลวง) ภายในอาณาจักร
.
เมื่อกลับมาพิจารณาหลักฐานจากร่องรอยพัฒนาการของบ้านเมือง สิ่งก่อสร้างและรูปประติมากรรมทางศาสนา เมืองแฝดทั้งสามนี้จะมีลักษณะทางคติความเชื่อ ศิลปะและภาษาที่คล้ายคลึงกัน ดูเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเอง เริ่มจากการตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ยุคเหล็ก (พุทธศตวรรษที่ 5-8) ทั้งสามเมืองเป็นเมืองชุมทาง (Hub) ตลาดและจุดตัดทางแยก (Junction) สำคัญของเส้นทางการเดินทางและการค้า ระหว่างที่ราบภาคกลางกับที่ราบสูงตะวันออก (อีศาน) ผู้คนในแว่นแคว้นเป็นกลุ่มชนที่เป็นชาติพันธุ์ทางกายภาพและมีภาษาอักษร พูดและเขียนเดียวกันกับผู้คนในเขตเขมรต่ำ แต่มีการผสมผสานภาษาพูดและคติศิปะความเชื่อมาจากทางที่ราบตะวันตก (ที่ราบภาคกลาง)
.
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ศรีจานาศะปุระคือรัฐลูกครึ่งอินเดียแบบเขมรในดินแดนฝั่งตะวันตก ไม่ได้ขึ้นตรงกับอาณาจักรกัมพุชเทศะในเขตเขมรต่ำนั่นเองครับ
.
ถึงจะถูกเปลี่ยนแปลง ซ้อนทับโดยผู้คนและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันในหลายยุคสมัย จนมาถึงยุคสุดท้ายที่เมืองศรีเทพและเมืองเสมาเริ่มแห้งแล้ง ผู้คนอพยพออกจนกลายเป็นเมืองร้างป่ารกชัฏ เมืองละโว้ได้กลายมาเป็นเมืองใหญ่ของรัฐศูนย์กลางแว่นแคว้นศรีจานาศะเดิม แต่ก็ยังคงเห็นความเหมือนกันของเมืองแฝดทั้งสามหลายอย่าง เชื่อมโยงกันมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทั้งสองเมืองมีหลักฐานการตั้งชุมชนมาตั้งแต่ยุคเริ่มแรกมาจนถึงยุคเหล็ก เข้าสู่ยุคหัวเลี้ยวหัวต่อในการรับวัฒนธรรมอินเดีย มีคูเมืองเป็นวงแบบเมืองแฝดสองวงติดกัน 2 วง แบ่งเป็น "เมืองใน" และ "เมืองนอก" มีสถูปในยุคทวารวดีหลายแห่ง และยังปรากฏอิทธิพลของศิลปะอินเดียแบบเขมรในแต่ละช่วงเวลาเหมือนกัน
.
ทั้งสามเมืองยังเชื่อมโยงกันด้วยเส้นทางการค้าทางบก เส้นทางช่องเขาและเส้นทางแม่น้ำป่าสัก อย่างที่เมืองศรีเทพก็เคยมีร่องรอยของถนนศิลาแลงกว้างประมาณ 4 เมตร ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ถนนแข่งม้า” เชื่อมต่อไปทางทิศเหนือทางประตูหนองบอน และทางทิศใต้ทางประตูหนองกรดหรือประตูมะกัก
.
ช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 – 14 ทั้งสามเมืองมีผังเมืองรูปวงกลม (เรียกว่าเมืองใน) มีการสร้างศาสนสถานตามแบบวัฒนธรรมทวารวดี มีสถูปเจดีย์ขนาดใหญ่เป็นประธานอยู่กลางเมือง มีคตินิยมการใช้ธรรมจักรตั้งเสา (สตัมภะ) และรูปประติมากรรมทางศาสนาแบบศิลปะคุปตะ – อานธระ – ปัลลวะ เหมือนกัน ซึ่งก็เป็นพื้นที่รับและส่งอิทธิพลพุทธศาสนาเถรวาทในคติอานธระ-ลังกา จากตะวันตกออกไปยังทิศตะวันออก อย่างเมืองวิมายปุระ เมืองกงรถและเมืองรูปวงกลมในเขตอีสานใต้ แต่ในพื้นที่ไกลออกไปจากเมืองเสมา-ศรีจานาศะ ออกไปทางตะวันออกกลับไม่มีความนิยมในการใช้ธรรมจักรตั้งเสาและคติเถรวาทแบบทวารวดี
.
ในพุทธศตวรรษที่ 12 - 13 มีการเข้ามาของวัฒนธรรมอินเดีย/เขมร/จาม จากเขตตะวันออก (แม่น้ำโขง) และทางใต้ (ก่อนเมืองพระนคร) เข้ามาสู่เมืองทั้งสาม ตามเส้นทางการค้าโบราณแล้วครับ
.
ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15 มีการสร้างปราสาทหินแบบเขมรขึ้นครั้งแรกในทั้งสามเมือง ในศิลปะนิยมแบบเกาะแกร์-แปรรูปจากอิทธิพลของเมืองพระนคร ซึ่งน่าจะเป็นยุคสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของแคว้นศรีจานาศะ ดังที่ปราสาทกลางเมืองและปราสาทโนนกู่ของเมืองเสมา ซากปราสาท กรอบประตูและทับหลังจากเมืองศรีเทพ และปราสาทปรางค์แขกและทับหลังที่เมืองลพบุรี นอกจากนี้ ยังมีการขยายเมืองออกอีกวงหนึ่งต่อจากเมืองรูปวงกลมเดิมเรียกว่า “เมืองนอก” ขึ้นเหมือนกันทั้งสามเมืองครับ
.
ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 เมืองแฝดทั้งสามของรัฐศรีจานาศะปุระและวิมายปุระ ก็คงได้รับผลจากการโจมตีของพระเจ้าสูริยวรมันที่ 1 เหมือนกัน ราชวงศ์ผู้ปกครองศรีจานาศะ (จากชื่อพระนามจารึก) สิ้นสุดลง แต่ทั้งสามเมืองก็ยังคงได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมและศิลปะแบบเขมรเมืองพระนครต่อเนื่องกันมา อย่างปราสาทเมืองแขกและจารึกเมืองเสมา (K. 1141) ที่พบในเมืองเสมา ปราสาทปรางค์ฤๅษีที่เมืองศรีเทพ และปราสาทหินหลังหนึ่งภายในวัดมหาธาตุลพบุรี
.
ในพุทธศตวรรษที่ 17-18 ราชวงศ์มหิธระปุระได้ส่งผู้ปกครองจากเมืองพระนครหลวงเข้ามาปกครองกลุ่มสามเมืองนี้ ซึ่งก็ยังคงใช้อักษร/ภาษาเขมรในจารึกที่พบจากเมืองทั้งสามเป็นภาษาหลักของแคว้น และยังคงได้สถาปนาศาสนสถานในรูปปราสาทหินขึ้น อย่างปรางค์สองพี่น้องและปรางค์ศรีเทพที่เมืองศรีเทพ ปรางค์สามยอด ศาลประกาฬและปราสาทวัดซากที่เมืองละโว้ และอาโรคยศาลาปราสาทเมืองเก่าที่เมืองเสมา
.
.
*** จนเมื่อเมืองละโว้ได้กลายมาเป็นเมืองหลักของกลุ่มแคว้น และได้ขยายอิทธิพลเข้ามายังที่ราบลุ่มทวารวดีอันอุดมสมบูรณ์ สร้างเมืองท่าขึ้นทางทิศใต้ เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเมืองใหญ่ ในชื่อนาม “อโยธยาศรีรามเทพนคร” นครแห่ง “พระราม” บนที่ดอนทางใต้ของแม่น้ำลพบุรี ใกล้กับคุ้งน้ำโค้งตวัดของแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 18 - 19
.
ศูนย์กลางของรัฐศรีจานาศะ จึงได้ย้ายจากละโว้มาที่นครใหม่อันเพียบพร้อมอุเมสมบูรณ์ พร้อมกับการรื้อฟื้นพระราชวงศ์ศรีจนาศธิปติขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในชื่อพระนาม “รามาธิบดี (ธิปติ)” ในความหมายผู้เป็นใหญ่แห่งอโยธยา
.
.
*** แคว้นศรีจานาศะ ก็คือต้นกำเนิดของเขมรตะวันตกหรือรัฐขอมเจ้าพระยา ที่มีการย้ายศูนย์กลางจากเมืองเสมา/ศรีเทพ มายังเมืองละโว้ ต่อมายังอโยธยา และกลายมาเป็นกรุงศรีอยุธยาในช่วงเวลาต่อมานั่นเอง
.
เป็นแคว้นเขมรหรือขอมในเขตภูมิภาคประเทศไทยในปัจจุบัน ที่เป็นอิสระไม่ขึ้นกับเมืองพระนครหลวงในเขตเขมรต่ำ มีกษัตริย์ปกครองมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 14 ถูกผนวกเข้าไปในจักรวรรดิช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 กลับมาฟื้นฟูพระราชวงศ์ได้ใหม่ในพุทธศตวรรษที่ 20 แล้วย้อนกลับไปพิชิตเขมรเมืองพระนครครับ
.
.
จารึกศรีจนาศะ หน้าแรก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนค
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ (พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้า
จารึกบ่ออีกา หน้าแรก จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถา
สถูปทวารวดีขนาดใหญ่ วัดนครโกษา ลพบุรี
สถูปทวารวดีขนาดใหญ่ ใกล้ไปรษณีย์ ถูกขุดทำลายทั้งหมดเมื่อครั
เสาและฐานบัวของธรรมจักรสตั
สถูป/วิหารทวารวดี เขาคลังใน เมืองโบราณศรีเทพ เพชรบูรณ์
ธรรมจักร เมืองโบราณศรีเทพ
.
วรณัย พงศาชลากร
EJeab Academy
เพราะทุกที่มีเรื่องราวและเรื่องเล่า
ชมทั้งหมดที่เพจ คนรักประวัติศาสตร์ไทย และ EJeab Academy
ที่มา: https://www.facebook.com/welovethaihistory/posts/2087278087986139
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
ช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรก
เปิดเหตุผล ทำไมเขมรถึงพยายามรุก บ้านหนองจาน ทั้งที่เป็นแผ่นดินไทย
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
ปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นาย
ด่วน F-16 ไทยถล่มฐานเขมร ที่สตึงกัด ทหาร กัมพูชาเสียชีวิต 18 นาย
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
ความสุขของสายใจผ่อนคลายจากสายน้ำ "น้ำตกวังเดือนห้า คอนสาร"
ไทยยึดเนิน 350 สำเร็จแล้ว! เตรียมรับร่าง 2 ทหารกล้ากลับ
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
"บักบอย" อินฟลูฯ เขมรปากดี! พาดพิง "คนลาว"..กล่าวหาว่าเลียฝ่ายไทย
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
อดีตกัปตันเรือยอชต์สุดหรู ถูกจับฐานเชื่อมโยงกับแก๊งในเขมร
ด่วน F-16 ไทยถล่มฐานเขมร ที่สตึงกัด ทหาร กัมพูชาเสียชีวิต 18 นาย
สันติภาพคือความสำเร็จ "โดรนลอยบนท้องฟ้าสื่อสัญญาณว่าเราครอบครองได้อย่างครบถ้วน"
เตือนภัยเทรนด์เลี้ยง "งูสีฟ้า" ตามรอย Zootopia 2 สวยประหารที่มาพร้อมพิษร้ายอันตรายถึงชีวิต















