เปิดใจ “ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง” นักการเมืองคลื่นลูกใหม่ ชูด้านการศึกษาตรงตามตลาดแรงงานและมุ่งเน้นเยาวชนสุจริต เพื่ออนาคตประเทศชาติที่ดี
ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีชื่อของสถาบันการศึกษาภาคเอกชนอย่าง “มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี” ก็เป็นรู้จักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านกีฬาซึ่งได้ประกาศศักดาในการก้าวผงาดสู่ความเป็นเจ้าเหรียญทองกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยถึง 2 สมัยติดต่อกัน (ปี 2560-2561) รวมถึงมีศิษย์ปัจจุบันอย่าง “น้องเมย์-รัชนก อินทนนท์” นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยดีกรีแชมป์โลก นั่นเพราะได้ผู้บริหารสถาบันและกุนซือรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง “ดร.ดร๊าฟ-ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง” ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งรองอธิบดีการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มาชิงชัยเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่ชูนโยบายพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ” อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจและการเห็นแววจากหัวหน้าพรรค “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการพรรคฯ อีกด้วย เรียกว่าไม่ธรรมดา
ต้องบอกว่า “ดร.ดร๊าฟ” ไม่ใช่เพิ่งเข้ามาสัมผัสด้านการเมือง เป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะเป็นทายาททางการเมืองของ “ดร.ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง” อดีตรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ดังนั้นเขาจึงสัมผัสชีวิตนักบริหารและนักการเมืองจากคุณพ่อ รวมถึงคุณแม่ "ผศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล" อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี อาจกล่าวได้ว่า "ดร.ดร๊าฟ" มีต้นทุนชีวิตที่ดีมาตั้งแต่เด็ก ๆ
นับเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับคนรอบข้างมาก เนื่องจากแทบไม่มีใครระแคะระคายมาก่อนหน้านั้นเลยว่า นักบริหารและนักการศึกษาหนุ่มที่ติดดินอย่าง “ดร.ดร๊าฟ” จะกระโดดก้าวสู่สนามการเมืองระดับประเทศภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก ก่อนหน้านั้นนอกจาก “ดร.ดร๊าฟ” จะบริหารงานมหาวิทยาลัยฯ ให้มีประสิทธิภาพแล้ว ยังมีบทบาทและหน้าที่นอกสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศมากมาย อาทิ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศึกษาที่ขับเคลื่อนการศึกษาให้ทันยุคล้ำสมัย,เข้าร่วมคณะทำงานกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.),เข้าร่วมเป็นคณะผู้บริหารองค์กรและสมาคมกีฬาต่าง ๆ,ชุมชุนสัมพันธ์ พร้อมทั้งเข้าร่วมเป็นวิทยากรและเข้ารับการอบรมเพิ่มพูนศักยภาพอย่างสม่ำเสมอ นี่คือ “การสร้างมูลค่าเพิ่มครั้งสำคัญให้กับชีวิต” ก่อนที่จะก้าวสู่เวทีการเมืองระดับชาติ
สำหรับการก้าวสู่การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 ที่จะถึงในอีกเพียงไม่กี่วันนี้ “ดร.ดร๊าฟ” ได้ชูจุดแข็งคือ “การปฏิรูปด้านการศึกษา” ที่มีความสันทัดกรณีเป็นอย่างมาก โดยได้นำปณิธานของมหาวิทยาลัยฯ ที่ “ดร.ดร๊าฟ” ยึดมั่นปฏิบัติมาโดยตลอดมาต่อยอดนั่นคือ “ผลิตบัณฑิตให้มีภาวะผู้นำสังคมมีความรู้ ความสามารถ คุณธรรม นำไปประกอบอาชีพและดำรงชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีการพัฒนาตนเองสังคมและประเทศชาติ” และสอดคล้องกับบริบทของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ซึ่งไม่ได้เพียงแค่สำหรับนักศึกษาเท่านั้นหากแต่ยังรวมถึง เด็กและเยาวชนไทยทุกคน ตลอดจนถึงประชาชนทั่วไป เนื่องจากเล็งเห็นว่า การศึกษาเป็นรากฐานการพัฒนาชีวิตของผู้คนและประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นดัชนีชี้วัดความก้าวหน้าความเจริญของประเทศได้อีกด้วย
สิ่งที่ “ดร.ดร๊าฟ” ได้นำไปปราศรัยหาเสียงทุกครั้ง แม้แต่ครั้งล่าสุดที่ตลาดวังน้อยเมืองใหม่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำทีมโดย นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ชูนโยบายคืนครูให้นักเรียน ลดงานเอกสาร มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาตัวนักเรียน ต่อเนื่องไปถึงนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ถึง ปวส.เพื่อส่งเสริมเยาวชน ชาวอาชีวะ เน้นการทำงานได้จริงตรงตามตลาดแรงงาน ตลอดจนการมุ่งเน้นในการสร้างนักปฏิบัติ สร้างผู้เชี่ยวชาญ ในสาขาวิชาชีพที่สังคมต้องการ ให้มีความรู้ ความสามารถ เป็นกำลังในการพัฒนาประเทศชาติสืบต่อไป
อีกทั้งยังมีประเด็นสำคัญคือ การพัฒนาเด็กและเยาวชนในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านกีฬา ที่ “ดร.ดร๊าฟ” มีความมุ่งมั่นให้เยาวชนก้าวไปสู่ความเป็นเลิศในด้านกีฬา โดยสนับสนุนในทุกช่องทาง พร้อมทั้งเชิญชวนชาวไทยทุกคน ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ สร้าง “เยาวชนสุจริต” ซึ่งรองดร๊าฟเน้นเรื่องนี้มากด้วยการสร้างปัญญา การพัฒนา และะการฝึกฝนคุณธรรม ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะเขาเหล่านี้คือผู้กำหนดประเทศชาติในอนาคต อีกทั้งเป็นทรัพยากรบุคคลที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนของประเทศไทย และเชิญชวนไปใช้สิทธิ์เลือกผู้แทนฯ ของท่าน ในวันที่ 24 มีนาคม 2562
ขอเป็นกำลังใจให้นักการเมืองเลือดใหม่ไฟแรงและเป็นเพชรเม็ดงามอย่าง “ดร.ดร๊าฟ-ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง” ประสบความสำเร็จและบรรลุจุดมุ่งหมายบนเส้นทางการเมืองไทย